พุทโธ่ อกอีแป้นแตก ตาเถรตกส้วม “สมชาย” รู้แจ้งเห็นธรรมเทศนาสงฆ์-ฆราวาส ระบุชีวิตเรามันสั้นนักผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ยังไม่วายมาทะเลาะกัน เล็งทำบุญใหญ่ต้นเดือนหน้า
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.นครปฐม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปสักการะองค์พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ พร้อมชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติและร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่จัดระหว่างวันที่ 7 ต.ค.-14 พ.ย. ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธรแก่นายกฯด้วย
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ท่ามกลางพระสงฆ์ และฆราวาสที่มาร่วมรับฟังหลายร้อยคน โดยนายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยอยู่ควบคู่กับพระพุทธศาสนามาช้านาน เท่าที่ตนเองได้อ่านประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ล้วนนับถือศาสนาพุทธ อย่างไรก็ตาม ทุกศาสนามีความสำคัญ สอนให้เป็นคนดีเหมือนกัน วันนี้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งเพราะขาดหลักศีลธรรม ถ้าหากมีศีลธรรม รักชาติบ้านเมืองอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่จะอยู่กันอย่างสันติสุข พูดคุยกันได้ง่าย แต่ถ้าละเลยสิ่งนี้ไปก็จะพูดคุยกันลำบาก ชีวิตคนเราอยู่แค่ช่วงระยะเวลานี้ก็จากไป เหมือนสายฟ้าผ่านมาก็ผ่านไปครู่เดียว เวลามีอยู่น้อยแต่ยังมาตบตี ทะเลาะกันอีก แบบนี้เมื่อไหร่จะเรียบร้อย พระพุทธเจ้าเคยบอกไว้ว่าเป็นความประมาทอย่างยิ่ง พวกเราไม่รู้จะตายวันไหน มีโอกาสแล้วไม่ทำดีก็เสียดายเวลา การทำชั่วนั้นมันเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติ
นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างพระสงค์กับฆราวาส ทำให้เห็นว่าพระคุณเจ้ามีความห่วงใยพวกเรา ที่ผ่านมาเห็นฆราวาสหลายคนเกรงกลัว และเกรงใจ ที่จะเข้าหาพระสงฆ์ คล้ายกับว่าอยู่คนละที่ ก็อยากให้สำนักพระพุทธศาสนาประสานกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดงานกิจกรรมขึ้นมา สถานที่อาจจะใช้พุทธมณฑลเนื่องจากมีความกว้างขวางเหมาะสม คิดว่าช่วงต้นเดือนหน้า หรืออาจเป็นวันที่ 1 พ.ย.น่าจะดี จะได้เป็นการทำบุญสักครั้งหนึ่ง ถึงแม้เราจะมีความคิดที่แตกแยกกัน แต่ในเรื่องธรรมะคงไม่แตกแยก น่าจะร่วมกันได้ วันนั้นตนจะมาร่วมงานด้วย ในฐานะพุทธศาสนิกชน
นายสมชายให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดที่จะจัดทำบุญครั้งใหญ่ ท่ามกลางสถานการณ์แตกแยกทางความคิดในบ้านเมืองว่า คิดว่าช่วงจังหวะเวลานี้ใกล้กับงานวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกประการหนึ่งคือเห็นว่าหากพระสงฆ์และชาวบ้านมาร่วมทำบุญกันก็จะเป็นการแสวงหาแนวทางธรรมะ เพื่อให้เราพวกเรามีจิตใจสงบสุข เหล่านี้ช่วยให้คนไทยมีความคิด มีความรู้สึกว่าอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน คนที่นับถือพระพุทธศาสนา ก็อยู่ในศาสนาเดียวกัน เรารักพระเจ้าอยู่หัวฯพระองค์เดียวกัน คิดว่าจะทำให้มีโอกาสหันหน้าเข้าหากัน คุยกัน คนที่อยากทำบุญทำกุศลก็ได้ทำ เมื่อตนไปหารือกับพระคุณเจ้าท่านก็บอกว่าถ้าทำได้ก็ดี ส่วนจะทำเมื่อไหร่ต้องไปหารือกำหนดวันก่อน ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นเดือนหน้าก็แล้วกัน แต่ต้องไม่ปะปนกับงานคนอื่น นี่เป็นงานพระงานสงฆ์ อย่าไปคิดประเด็นอื่น ตนไม่มีประเด็นการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการทำบุญประเทศหรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า มันก็ไม่เชิงทำบุญประเทศ เป็นเรื่องนิมิตรหมายที่บอกคือ ถวายพระพรด้วย ให้คนทำบุญด้วย ซึ่งคิดว่าดี น่าจะทำกัน ทำให้คนจิตใจผ่องแผ้ว หัวโล่ง คิดอะไรออกได้ เมื่อถามว่าจะทำให้ประเทศสงบสุขปรองดองได้หรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า ก็นี่ไง ตนเห็นว่าเป็นแนวทาง ก็แนวทางสันติในการอยู่ร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดการเจรจา 4 ฝ่าย ระหว่างรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรฯ นปช. ฝ่ายค้าน นายสมชายตอบว่า ตนได้หมด ใครก็ได้ถ้าพูดคุยกันรู้เรื่อง ก็ยินดีทั้งนั้น เมื่อถามว่า นายกฯให้ใครมาทำหน้าที่เจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯแทนพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ นายสมชายตอบว่า ใครก็ได้ ถ้าตั้งใจคุยกันใครก็คุยได้หมด เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพหรือไม่ในฐานะที่มีอำนาจ นายกฯย้อนถามติดตลกว่า “รัฐบาลเหรอ รัฐบาลตอนนี้ดูว่ามีอำนาจอะไรหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ทำคือการดูและประชาชน ในเรื่องพืชผล เรื่องการเกษตร เรื่องการทำมาหากิน”
เมื่อถามว่า ในวันที่ 28 ต.ค.นี้นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ นายสมชายตอบว่า นั่นเป็นภารกิจอย่างหนึ่งที่ต้องดูแล จะถามทุกฝ่ายว่าเขาพร้อมวันไหน พร้อมเมื่อใดตนก็ไปตอนนั้น ถ้าไปได้พรุ่งนี้ก็ดี แต่ขอฟังก่อนว่าจะเอาอย่างไร ตนเป็นรมว.กลาโหม และกำกับดูแลตำรวจ ก็ต้องไปดูเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งดูพื้นที่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างไร ซึ่งก็เป็นนโยบายรัฐบาลอันหนึ่ง เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องไปปรับปรุงดูแล แก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ให้ดีขึ้น มันจะดีขึ้นแค่ไหนก็ตามแต่เราหยุดยั้งไม่ได้ เราต้องพยายามต่อ 3 จังหวัดภาคใต้ก็เป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าอยู่ร่วมกันได้สงบสุขก็ดี เรื่องศาสนาไม่มีปัญหา ทุกศาสนาเมืองไทยเราไม่มีการกีดกัน
เมื่อถามว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.จะร่วมคณะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ด้วยหรือไม่หากมีการเดินทางไป นายกฯตอบว่า ท่าน ผบ.ทบ.เป็นผู้รับผิดชอบในสถานการณ์อยู่ ก็คิดว่าอย่างไรถ้าไปก็ต้องหารือกัน