“บ้านเมืองขณะนี้กำลังฆ่ากันเอง ขณะนี้ผมให้คนของผม ลุกขึ้นมาฆ่าบ้าง เพราะถูกฆ่ามาเยอะแล้ว”
ประโยคนี้เป็นคำพูดสะท้อนตัวตนจริงๆ ของ สมัคร สุนทรเวช ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 แห่งเมืองพุทธที่ชื่อ “ประเทศไทย”
อ่านจากคำพูดข้างต้นก็ต้องยอมรับครับว่า ผู้นำในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย สมัคร สุนทรเวช ต้องมีปัญหาทางด้านจิต..ส่วนจะเป็นโรคจิตร้ายแรงแค่ไหนนั้น ผมไม่อาจทราบได้..เพราะผมไม่ได้เป็นด็อกเตอร์หมอครับ
แต่จากสามัญสำนึกของประชาชนคนธรรมดา คนไทยต้องยอมรับอย่างไม่อาจปฏิเสธได้แล้วล่ะว่า สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีไทยที่ไม่สมประกอบ ทางด้านวุฒิภาวะอย่างร้ายแรงที่สุดครับ
สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เป็นหลักการพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ผู้คนในสังคมมีความคิดเห็นต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย การยอมรับและอดทนต่อความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตย
ความอดทนเช่นนี้แหละ ที่จะทำให้สังคมสามารถจัดการ ความแตกต่างขัดแย้งกันด้วยสันติวิธี หากขาดความอดทนต่อความแตกต่าง สังคมก็จะเดินไปสู่ความรุนแรง คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งต้องมีคุณสมบัติสำคัญในการอดทนต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง และคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนและสื่อมวลชน หากแม้นนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติข้อนี้ ก็เท่ากับขาดคุณสมบัติ ขาดวุฒิภาวะ การเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีนายกรัฐมนตรีไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ ที่ออกมายุให้คนไทยฆ่ากันเอง ด้วยเหตุจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน!
ที่สำคัญยุให้คนของตน (พวกนายกฯ) ฆ่าคนที่มีความคิดต่างหรืออยู่ตรงข้ามทางการเมืองกับตน ช่างเป็นพฤติกรรมของผู้นำชาติที่มาจากขุมนรกโดยแท้ จึงกล้าพูดและกล้าทำเรื่องชั่วช้าสารเลวเช่นนี้!!
ทว่าไม่ต้องคลางแคลงใจกับคนชื่อ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไทยคนนี้แหละ เคยพูดและเคยทำตัวเป็นชนวนให้คนไทยฆ่าคนไทย อย่างหฤโหดหลายสิบคนมาแล้วในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519!!!
รัฐบาลสมัครล้มเหลวในการบริหารประเทศชาติทุกด้าน เพราะเขาทำทุกอย่างเพื่อคนเพียงคนเดียว ซึ่งใช้เงินหนุนให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ประชาชนทั้งประเทศเดือดร้อนแสนสาหัส
นั่นเป็นต้นเหตุที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทย จำต้องออกมาเคลื่อนไหวเดินขบวนนับแสนๆ คน ถึงขนาดปักหลักพักค้างชุมนุมยืดเยื้ออยู่บนถนนราชดำเนิน ณ สะพานมัฆวานฯ มาเกือบ 60 วันแล้ว
ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีสื่อสารพัดชนิดอยู่ในกำมือ แต่ด้วยทำในสิ่งผิดและไม่ถูกต้องมากมาย จนประชาชนคนไทยรู้เท่าทันและไม่อาจยอมรับอีกต่อไป การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อสารพัดของรัฐบาลสมัคร จึงไร้ความน่าเชื่อถือและล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าดังนี้..
เรื่องที่ประชาชนคนไทยรับไม่ได้และสะเทือนใจอย่างรุนแรง คือ มีขบวนการคนใกล้ชิดผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ อีกทั้งรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลสมัคร ได้ทำการจาบจ้างทำร้ายทำลายสถาบันหลักของชาติอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่นายสมัครกลับออกมาปกป้องคนในรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตา
อีกเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้และโกรธรัฐบาลอย่างยิ่ง คือ กรณีเขาพระวิหารที่ “นายใหญ่” ได้ประโยชน์เฉพาะตนกับพวก แต่ชาติไทยต้องเสียอธิปไตยและดินแดนเขาพระวิหารให้กับเขมร นั่นล้วนเป็นพฤติกรรมคนไทยที่มีอำนาจเพียงไม่กี่คน แอบกระทำการรู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายเขมรครับ
เรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้และอับอายไปทั่วโลก คือ กรณี 3 จังหวัดภาคใต้ที่พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ได้นำเอา 3 แกนนำพูโลเก่าที่หมดอิทธิพลแล้ว มาออกอากาศผ่านทีวีช่อง 5 ของทหารแล้วยังถ่ายทอดสดออกไปยังทั่วโลกอีกด้วย
ทั้งหมดหวังเบี่ยงเบนกระแสความไม่พอใจรัฐบาล ของประชาชนคนไทยต่อกรณีเขาพระวิหาร ที่กำลังเป็นปัญหาคุกรุ่นระหว่างประเทศอยู่ในขณะนี้ กองทัพบกและคนใกล้ชิดทักษิณบางคน รวมทั้งรัฐบาลสมัครจะต้องรับผิดชอบ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เพราะการนำผู้ก่อการร้ายพูโลเก่า ซึ่งไปปักหลักอยู่ในยุโรปนานกว่า 10 ปี มาสั่งการผ่านสื่อของทหารบก ไปยังผู้ก่อการร้ายภาคใต้ทุกกลุ่มให้ยุติการยิง ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551นั้น เป็นเรื่องโกหกพกลมหรือตลกระดับชาติไทยและโลก นำความขายหน้ามาสู่คนไทยทั้งประเทศ
การจะยุติปัญหาภาคใต้แบบสิ้นคิดเช่นนี้ เป็นเรื่องโกหกพกลมที่หาความจริงไม่ได้แม้กระพี้ อีกทั้งยังกลับจะนำสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ให้เลวร้ายลงมากกว่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน..นั่นย่อมต้องทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และทหารหาญของชาติต้องสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตเป็นเงาตามตัวเพิ่มขึ้น!
นั่นเป็น 3 กรณีใหญ่ ที่ทำให้รัฐนาวาสมัครพร้อมอับปางลงได้ทุกเวลานาที!
ความพ่ายแพ้ถอยร่นอย่างไม่เป็นท่าในทุกแนวรบ ทำให้รัฐบาลสมัครเพิ่มการใช้กลุ่มอันธพาลออกมาก่อกวน-ข่มขู่-ทำร้ายประชาชน ที่ชุมนุมกันอย่างสันติเพื่อต่อต้านรัฐบาล อย่างหยาบช้าสามานย์แทบทุกที่ โดยรัฐบาลสมัคร-นักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นฝ่ายรัฐบาลแอบให้การสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกหนแห่ง
ดังจะเห็นได้จากกรณีก่อนหน้านี้ กลุ่มอันธพาลได้ทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ ในเย็นของวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นยังใช้แก๊งมอเตอร์ไซค์ป่วนเมืองนับร้อยคัน บุกเข้าไปหวังจะทำร้ายผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ในค่ำคืนนั้นอีกหลายระลอก โดยรัฐบาลสมัครและตำรวจมิได้ห้ามปรามหรือจับกุมกลุ่มอันธพาลเหล่านั้น
กรณี นายวีระ สมความคิด และประชาชนชาวศรีสะเกษ ได้ร่วมกันจัดการชุมนุมแสดงความรักชาติอย่างสันติ เพื่อพิทักษ์แผ่นดินเขาพระวิหารที่ถูกกัมพูชารุกราน แต่กลับถูกกลุ่มอันธพาลที่รัฐบาลสมัครหนุนหลัง บุกเข้าไปทำร้ายประชาชนอย่างไร้เหตุผล จนประชาชนที่มาชุมนุมจำนวนมากต้องป้องกันตนเอง แต่ก็ยังคงได้รับบาดเจ็บกันระนาว
กรณีล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเชียงราย กลุ่มอันธพาลที่รัฐบาลหนุนหลังเหิมเกริมถึงขนาดปิดสนามบินนานาชาติ จากนั้นก็เที่ยวกักคนและรถที่สัญจรไปมา ก่อนจะยกขบวนไปปิดล้อมโรงแรม ที่คาดว่าแกนนำพันธมิตรฯ จะมาพักอาศัย เท่านั้นไม่พอยังยกพวกไปล้อมและทำลายบ้านของ ส.ว.เตือนใจ ดีเทศน์ จนได้รับความเสียหาย
ทุกกรณีที่กลุ่มอันธพาลก่อกวนและทำร้ายประชาชน ผู้มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ อย่างสันตินั้น รัฐบาลสมัครและตำรวจไทยไม่เคยดำเนินการขัดขวาง หรือจับกุมนำตัวคนผิดไปลงโทษตามตัวบทกฎหมายอย่างจริงจังเลย
มิหนำซ้ำรัฐบาลสมัครยังกลับบิดเบือน และแอบอ้างอย่างสามานย์หน้าด้านๆ ว่า อันธพาลที่รับจ้างทำร้ายประชาชนกลับกลายเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังป้ายความผิดให้พันธมิตรฯ ว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนไทยตีกัน
ทั้งที่ประชาชนรู้เช่นเห็นชาติไปทั่วแล้วว่า พวกอันธพาลที่ออกมาป่วนเมืองอยู่ในขณะนี้ได้ก็เพราะมีรัฐบาลสมัครและนักการเมืองหนุนหลัง โดยตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมเถื่อนของอันธพาลเหล่านั้น กระทั่งยังมีตำรวจใหญ่บางนายให้การช่วยเหลือพวกอันธพาลการเมืองอย่างเปิดเผยด้วยซ้ำไป
เห็นธาตุแท้อันชั่วร้ายสามานย์ ของรัฐบาลสมัคร และนักการเมืองนอมินีที่มีมหาเศรษฐีใหญ่หนุนหลังแล้ว ทำให้นึกถึงเสียงนายสมัครอ่านจดหมายของชาวบ้าน ที่เขียนได้ตรงกับความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2551 ว่า
“..ไอ้อุบาทว์..บริหารบ้านเมืองก็ทำไม่เป็น ไม่มีความสามารถ จะสะเออะอยากจะมาเป็นนายกฯ เพื่อจะได้บันทึกประวัติศาสตร์ตัวเอง แม้จะได้มาเป็นเพราะว่ามีใครเป็นคนจัดการมาให้ต่างๆ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีอำนาจ พลเมืองจำนวนมากเขาทุเรศพฤติกรรมของแกจะแย่อยู่แล้ว นอกจากหน้าตาบุคลิกจะอุบาทว์แล้ว นิสัยยังถ่อย เกิดมาไม่เคยพบเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหน ที่จะมีความเลว ความถ่อยสกุลเท่าแก พับผ่าสิ วันๆ ไม่เห็นจะบริหารอะไร ดีแต่ปากเห่าไปวันๆ ให้สัมภาษณ์ไปวันๆ ขอแช่งให้มันตายปุบปับ แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น..”
ในรายการเดียวกันนั้นเอง สมัครยังพูดด้วยปากตนเองชนิดรู้ตัวแล้วว่า ประชาชนมองเขาและครม.เป็น..
“..คณะรัฐมนตรีมันเป็นไอ้สัตว์นรกมาจากชาติไหน..”
ขอบคุณสมัคร..ที่บอกผู้คนให้รู้ว่า ครม.นี้มาจากสัตว์นรก ส่วนนรกชาติไหนน่ะหรือ ปัดโธ่โง่ไปได้ออหมัก..ก็สัตว์นรกจากชาติขะแมไงล่ะโว้ยยย...!!!
ประโยคนี้เป็นคำพูดสะท้อนตัวตนจริงๆ ของ สมัคร สุนทรเวช ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 แห่งเมืองพุทธที่ชื่อ “ประเทศไทย”
อ่านจากคำพูดข้างต้นก็ต้องยอมรับครับว่า ผู้นำในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย สมัคร สุนทรเวช ต้องมีปัญหาทางด้านจิต..ส่วนจะเป็นโรคจิตร้ายแรงแค่ไหนนั้น ผมไม่อาจทราบได้..เพราะผมไม่ได้เป็นด็อกเตอร์หมอครับ
แต่จากสามัญสำนึกของประชาชนคนธรรมดา คนไทยต้องยอมรับอย่างไม่อาจปฏิเสธได้แล้วล่ะว่า สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีไทยที่ไม่สมประกอบ ทางด้านวุฒิภาวะอย่างร้ายแรงที่สุดครับ
สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เป็นหลักการพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ผู้คนในสังคมมีความคิดเห็นต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย การยอมรับและอดทนต่อความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตย
ความอดทนเช่นนี้แหละ ที่จะทำให้สังคมสามารถจัดการ ความแตกต่างขัดแย้งกันด้วยสันติวิธี หากขาดความอดทนต่อความแตกต่าง สังคมก็จะเดินไปสู่ความรุนแรง คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งต้องมีคุณสมบัติสำคัญในการอดทนต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง และคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนและสื่อมวลชน หากแม้นนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติข้อนี้ ก็เท่ากับขาดคุณสมบัติ ขาดวุฒิภาวะ การเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีนายกรัฐมนตรีไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ ที่ออกมายุให้คนไทยฆ่ากันเอง ด้วยเหตุจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน!
ที่สำคัญยุให้คนของตน (พวกนายกฯ) ฆ่าคนที่มีความคิดต่างหรืออยู่ตรงข้ามทางการเมืองกับตน ช่างเป็นพฤติกรรมของผู้นำชาติที่มาจากขุมนรกโดยแท้ จึงกล้าพูดและกล้าทำเรื่องชั่วช้าสารเลวเช่นนี้!!
ทว่าไม่ต้องคลางแคลงใจกับคนชื่อ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไทยคนนี้แหละ เคยพูดและเคยทำตัวเป็นชนวนให้คนไทยฆ่าคนไทย อย่างหฤโหดหลายสิบคนมาแล้วในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519!!!
รัฐบาลสมัครล้มเหลวในการบริหารประเทศชาติทุกด้าน เพราะเขาทำทุกอย่างเพื่อคนเพียงคนเดียว ซึ่งใช้เงินหนุนให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ประชาชนทั้งประเทศเดือดร้อนแสนสาหัส
นั่นเป็นต้นเหตุที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทย จำต้องออกมาเคลื่อนไหวเดินขบวนนับแสนๆ คน ถึงขนาดปักหลักพักค้างชุมนุมยืดเยื้ออยู่บนถนนราชดำเนิน ณ สะพานมัฆวานฯ มาเกือบ 60 วันแล้ว
ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีสื่อสารพัดชนิดอยู่ในกำมือ แต่ด้วยทำในสิ่งผิดและไม่ถูกต้องมากมาย จนประชาชนคนไทยรู้เท่าทันและไม่อาจยอมรับอีกต่อไป การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อสารพัดของรัฐบาลสมัคร จึงไร้ความน่าเชื่อถือและล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าดังนี้..
เรื่องที่ประชาชนคนไทยรับไม่ได้และสะเทือนใจอย่างรุนแรง คือ มีขบวนการคนใกล้ชิดผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ อีกทั้งรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลสมัคร ได้ทำการจาบจ้างทำร้ายทำลายสถาบันหลักของชาติอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่นายสมัครกลับออกมาปกป้องคนในรัฐบาลอย่างไม่ลืมหูลืมตา
อีกเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้และโกรธรัฐบาลอย่างยิ่ง คือ กรณีเขาพระวิหารที่ “นายใหญ่” ได้ประโยชน์เฉพาะตนกับพวก แต่ชาติไทยต้องเสียอธิปไตยและดินแดนเขาพระวิหารให้กับเขมร นั่นล้วนเป็นพฤติกรรมคนไทยที่มีอำนาจเพียงไม่กี่คน แอบกระทำการรู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายเขมรครับ
เรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้และอับอายไปทั่วโลก คือ กรณี 3 จังหวัดภาคใต้ที่พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ได้นำเอา 3 แกนนำพูโลเก่าที่หมดอิทธิพลแล้ว มาออกอากาศผ่านทีวีช่อง 5 ของทหารแล้วยังถ่ายทอดสดออกไปยังทั่วโลกอีกด้วย
ทั้งหมดหวังเบี่ยงเบนกระแสความไม่พอใจรัฐบาล ของประชาชนคนไทยต่อกรณีเขาพระวิหาร ที่กำลังเป็นปัญหาคุกรุ่นระหว่างประเทศอยู่ในขณะนี้ กองทัพบกและคนใกล้ชิดทักษิณบางคน รวมทั้งรัฐบาลสมัครจะต้องรับผิดชอบ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เพราะการนำผู้ก่อการร้ายพูโลเก่า ซึ่งไปปักหลักอยู่ในยุโรปนานกว่า 10 ปี มาสั่งการผ่านสื่อของทหารบก ไปยังผู้ก่อการร้ายภาคใต้ทุกกลุ่มให้ยุติการยิง ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551นั้น เป็นเรื่องโกหกพกลมหรือตลกระดับชาติไทยและโลก นำความขายหน้ามาสู่คนไทยทั้งประเทศ
การจะยุติปัญหาภาคใต้แบบสิ้นคิดเช่นนี้ เป็นเรื่องโกหกพกลมที่หาความจริงไม่ได้แม้กระพี้ อีกทั้งยังกลับจะนำสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ให้เลวร้ายลงมากกว่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน..นั่นย่อมต้องทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และทหารหาญของชาติต้องสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตเป็นเงาตามตัวเพิ่มขึ้น!
นั่นเป็น 3 กรณีใหญ่ ที่ทำให้รัฐนาวาสมัครพร้อมอับปางลงได้ทุกเวลานาที!
ความพ่ายแพ้ถอยร่นอย่างไม่เป็นท่าในทุกแนวรบ ทำให้รัฐบาลสมัครเพิ่มการใช้กลุ่มอันธพาลออกมาก่อกวน-ข่มขู่-ทำร้ายประชาชน ที่ชุมนุมกันอย่างสันติเพื่อต่อต้านรัฐบาล อย่างหยาบช้าสามานย์แทบทุกที่ โดยรัฐบาลสมัคร-นักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นฝ่ายรัฐบาลแอบให้การสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกหนแห่ง
ดังจะเห็นได้จากกรณีก่อนหน้านี้ กลุ่มอันธพาลได้ทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ ในเย็นของวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นยังใช้แก๊งมอเตอร์ไซค์ป่วนเมืองนับร้อยคัน บุกเข้าไปหวังจะทำร้ายผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ในค่ำคืนนั้นอีกหลายระลอก โดยรัฐบาลสมัครและตำรวจมิได้ห้ามปรามหรือจับกุมกลุ่มอันธพาลเหล่านั้น
กรณี นายวีระ สมความคิด และประชาชนชาวศรีสะเกษ ได้ร่วมกันจัดการชุมนุมแสดงความรักชาติอย่างสันติ เพื่อพิทักษ์แผ่นดินเขาพระวิหารที่ถูกกัมพูชารุกราน แต่กลับถูกกลุ่มอันธพาลที่รัฐบาลสมัครหนุนหลัง บุกเข้าไปทำร้ายประชาชนอย่างไร้เหตุผล จนประชาชนที่มาชุมนุมจำนวนมากต้องป้องกันตนเอง แต่ก็ยังคงได้รับบาดเจ็บกันระนาว
กรณีล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเชียงราย กลุ่มอันธพาลที่รัฐบาลหนุนหลังเหิมเกริมถึงขนาดปิดสนามบินนานาชาติ จากนั้นก็เที่ยวกักคนและรถที่สัญจรไปมา ก่อนจะยกขบวนไปปิดล้อมโรงแรม ที่คาดว่าแกนนำพันธมิตรฯ จะมาพักอาศัย เท่านั้นไม่พอยังยกพวกไปล้อมและทำลายบ้านของ ส.ว.เตือนใจ ดีเทศน์ จนได้รับความเสียหาย
ทุกกรณีที่กลุ่มอันธพาลก่อกวนและทำร้ายประชาชน ผู้มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ อย่างสันตินั้น รัฐบาลสมัครและตำรวจไทยไม่เคยดำเนินการขัดขวาง หรือจับกุมนำตัวคนผิดไปลงโทษตามตัวบทกฎหมายอย่างจริงจังเลย
มิหนำซ้ำรัฐบาลสมัครยังกลับบิดเบือน และแอบอ้างอย่างสามานย์หน้าด้านๆ ว่า อันธพาลที่รับจ้างทำร้ายประชาชนกลับกลายเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังป้ายความผิดให้พันธมิตรฯ ว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนไทยตีกัน
ทั้งที่ประชาชนรู้เช่นเห็นชาติไปทั่วแล้วว่า พวกอันธพาลที่ออกมาป่วนเมืองอยู่ในขณะนี้ได้ก็เพราะมีรัฐบาลสมัครและนักการเมืองหนุนหลัง โดยตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมเถื่อนของอันธพาลเหล่านั้น กระทั่งยังมีตำรวจใหญ่บางนายให้การช่วยเหลือพวกอันธพาลการเมืองอย่างเปิดเผยด้วยซ้ำไป
เห็นธาตุแท้อันชั่วร้ายสามานย์ ของรัฐบาลสมัคร และนักการเมืองนอมินีที่มีมหาเศรษฐีใหญ่หนุนหลังแล้ว ทำให้นึกถึงเสียงนายสมัครอ่านจดหมายของชาวบ้าน ที่เขียนได้ตรงกับความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2551 ว่า
“..ไอ้อุบาทว์..บริหารบ้านเมืองก็ทำไม่เป็น ไม่มีความสามารถ จะสะเออะอยากจะมาเป็นนายกฯ เพื่อจะได้บันทึกประวัติศาสตร์ตัวเอง แม้จะได้มาเป็นเพราะว่ามีใครเป็นคนจัดการมาให้ต่างๆ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีอำนาจ พลเมืองจำนวนมากเขาทุเรศพฤติกรรมของแกจะแย่อยู่แล้ว นอกจากหน้าตาบุคลิกจะอุบาทว์แล้ว นิสัยยังถ่อย เกิดมาไม่เคยพบเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหน ที่จะมีความเลว ความถ่อยสกุลเท่าแก พับผ่าสิ วันๆ ไม่เห็นจะบริหารอะไร ดีแต่ปากเห่าไปวันๆ ให้สัมภาษณ์ไปวันๆ ขอแช่งให้มันตายปุบปับ แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น..”
ในรายการเดียวกันนั้นเอง สมัครยังพูดด้วยปากตนเองชนิดรู้ตัวแล้วว่า ประชาชนมองเขาและครม.เป็น..
“..คณะรัฐมนตรีมันเป็นไอ้สัตว์นรกมาจากชาติไหน..”
ขอบคุณสมัคร..ที่บอกผู้คนให้รู้ว่า ครม.นี้มาจากสัตว์นรก ส่วนนรกชาติไหนน่ะหรือ ปัดโธ่โง่ไปได้ออหมัก..ก็สัตว์นรกจากชาติขะแมไงล่ะโว้ยยย...!!!