“พิภพ” จวก “โกร่ง” แค่นักสร้างราคา ทำมาหากินในตลาดหุ้น กำลังอาศัยตำแหน่งที่ปรึกษาเข้าร่วมประชุม ครม. ล้วงความลับและทิศทางนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์เอกชนที่ตนเองยังเป็นที่ปรึกษา ชี้นายกฯ กำลังแปลง ครม.เป็นที่ปรึกษาเอกชนผ่าน ดร.โกร่ง เตือน “หมัก” รื้อ ม.63 โดนนานาชาติบอยคอตแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.45 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงความชั่วร้ายของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่คุกคามการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยใช้เครื่องตรวจจับสัญญาณโทรศัพท์ที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาใช้กับประชาชน ทั้งที่เครื่องมืออันนี้ ควรจะนำไปใช้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทหารตำรวจที่เป็นรั้วของชาติ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนายสมัคร ไม่เคยให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาภาคใต้เลย แต่กลับกลัวการชุมนุมของประชาชน เพื่อตรวจสอบการทำงานที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาล
นายพิภพ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า รายชื่อรัฐมนตรีมีการจัดสรรแบ่งเป็นก๊กเหล่า และเพื่อตอบแทนกลุ่มต่างๆ ไม่ได้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะการตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ โดยเอา ดร.โกร่ง (วีรพงษ์ รามางกูร) เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาฯ ด้านเศรษฐกิจ ทั้งที่ยังมีตำแหน่งในบริษัทเอกชนที่อยู่ในตลาดหุ้น แต่คำพูดของ ดร.โกร่ง กลับมีการกล่าวโจมตีการชุมนุมของพันธมิตรฯ บอกว่าทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นความไร้ฝีมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
“ดร.โกร่ง คงเข้าใจอะไรบางอย่างผิด เพราะการชุมนุมของประชาชนเป็นเรื่องปรกติในประเทศที่เจริญแล้ว อย่างเช่นในยุโรป การนัดหยุดงานจะมีการประกาศล่วงหน้า เพื่อเรียกร้องต่อรองค่าจ้างกับรัฐบาล โดยมีประชาชนเป็นผู้สนับสนุนให้ความร่วมมือกับกลุ่มแรงงาน มีการเตรียมถุงนอนมาที่ทำงาน เพื่อความสะดวกในการชุมนุมยืดเยื้อ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมาจากเสียงข้างมากก็ตาม แต่ก็ต้องฟังข้อเรียกร้องของประชาชน และเปิดโอกาสในการใช้สิทธิการชุมนุมเรียกร้อง หรือการตรวจสอบการทำงาน”
นายพิภพ เชื่อว่า การออกมากล่าวให้ร้ายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการสร้างราคาทางการเมือง ทั้งยังอ้างว่าการเป็นที่ปรึกษารัฐบาล ต้องเสียสละ และทิ้งรายได้มากมายจากบริษัทเอกชน เพื่อเข้ามาทำงานให้ส่วนรวม แต่มีการต่อรองเงื่อนไขว่า รัฐบาลต้องให้เข้ามาได้แบบไม่มีเงื่อนไข และเข้าร่วมประชุม ครม.ได้ เพื่อกำหนดแนวทางและนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังอ้างว่าทำแบบเดียวกับสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้น ดร.โกร่ง เป็นนักวิชาการ แต่ตอนนี้ ดร.โกร่งไม่ใช่นักวิชาการแต่เป็นนักธุรกิจ และหาเงินให้กับภาคเอกชนในตลาดหุ้น
นายพิภพ ระบุว่า การเข้ามาของ ดร.โกร่ง ถือว่าไม่สวยงาม เพราะอาจไปรู้ข้อมูลภายใน หรือความลับของ ครม. และหากว่ามีการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทของตนเอง ซึ่งหากกรณีที่ ครม.มีการออกนโยบายที่เอาเปรียบประชาชน แต่เป็นประโยชน์กับบริษัทของตนเอง ดร.โกร่งจะทำวางตัวยังไง ตรงนี้ นายสมัคร กำลังเอา ครม.ไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนผ่านทาง ดร.โกร่ง และมีการสมสู่ผลประโยชน์กัน ทำให้ภาพของ ครม.ไม่อิสระ ซึ่งก่อนหน้านี้ ครม.เคยอยู่ในอาณัติของตระกูลชินวัตร และบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีคนคอยบงการ และชักใยอยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น และการเอื้อผลประโยชน์ตามมาอย่างมากมาย
นายพิภพ เชื่อว่านายสมัครคงไม่สามารถหานักวิชาการ หรือนักเศรษฐศาสตร์มือดีๆ เข้ามาร่วมงานได้ เพราะเขาไม่เอาด้วย เลยไปคว้าเอา ดร.โกร่ง เข้ามา เพราะหมดฝีมือนั่นเอง ตอนนี้ รัฐบาลนายสมัครพยายามเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีกลุ่มมีก๊กต่างๆ เพื่อเข้ามากินเปอร์เซ็นต์ หรือเข้ามาทำมาหากินกับโครงการต่างๆ ของรัฐ แต่ถึงอย่างไร นายสมัครก็ยังมีสัญญากับ พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยาที่จะไม่ให้ติดคุก จึงมีการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายพิภพ ยกตัวอย่างกรณีคำตัดสินครั้งล่าสุด พล.ต.ท.ทักษิณ แสดงอาการไม่ยอมรับ ทั้งสีหน้าที่เครียด มือและนิ้วที่กดแน่น ขณะที่ลูกสาวก็แสดงออกถึงการไม่ยอมรับ เพราะมองว่า การหลีกเลี่ยงไม่จ่ายภาษีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากทุกคนคิดแบบนี้ ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร และเป็นเหตุผลว่า ทำไมรัฐบาลชุดก่อนจึงไม่สามารถสร้างรัฐสวัสดิการได้ และต้องไปเอาเงินหวย เงินธุรกิจบาป นำมาทำโครงการประชานิยม โดยไม่สามารถทำนโยบายที่มีคุณภาพได้เลย เพราะฐานรายได้ถูกโกงไปโดยผู้มีอำนาจทางการเมือง
นายพิภพ ประเมินทางออกของ พล.ต.ท.ทักษิณ โดยเชื่อว่าเป็นเกมยาว เขาพยายามจะแก้มาตรา 309 และมาตรา 237 เพื่อทำลายล้างองค์กรอิสระ และองค์กรยุติธรรมที่ตรวจสอบเขาอยู่ โดยเฉพาะ คตส. แต่ประชาชนไม่ยอม ดังนั้น เขาจึงพยายามสร้างความเสียหายให้องค์กรตุลาการ เพื่อให้หมดความชอบธรรม ซึ่งพวกเขาทำเกมนั้นไม่สำเร็จ ตรงนี้ ต้องถือว่าพวกเราทำสำเร็จ ถ้าวันนี้ ไม่มีพันธมิตรฯ กดดัน คดีก็จะไปไม่ถึงศาล และจะไม่มีใครกล้านำเรื่องเข้าสู่ศาล
นอกจากนี้ นายพิภพ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร อ้างว่าพันธมิตรฯ กลัวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เพราะจะชุมนุมไม่ได้ ว่า พันธมิตรฯ ไม่เคยกลัวการแก้ไขมาตรานี้ เพราะมาตรา 63 เป้นหลักสากลที่ประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลกมีไว้เพื่อรับรองสิทธิการชุมนุมของประชาชน ถ้ามีการเอามาตรานี้ออกไป รัฐบาลนายสมัครจะไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติทันที เพราะฉะนั้นเชื่อว่านายสมัครจะไม่กล้าแก้ไขมาตรานี้
นายพิภพ ยังกล่าวถึงองค์กรอัยการสูงสุด ซึ่งประชาชนไม่ไว้วางใจ เพราะล่าสุดบางคนไปรับตำแหน่งในแบงก์ชาติ เพราะถ้าแบงก์ชาติเกิดทำความผิด คนพวกนี้ก็ต้องผิดด้วย และจะไปตัดสินนำคดีไปขึ้นศาลได้อย่างไร ขณะที่หน่วยงานนี้ เรียกร้องความเป็นอิสระ แต่กลับไปยอมรับมติ ครม.เพื่อไปรับตำแหน่งในแบงก์ชาติ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่อัยการสูงสุดเข้าไปพัวพัน และมีลักษณะที่เกี่ยวโยงกับการเมือง เรื่องนี้คงต้องห้ามเลย