พันธมิตรฯรอประเมินสถานการณ์วันที่ 27 ต.ค.นี้อีกครั้งว่าจะไปปิดล้อมรัฐสภาอีกรอบในวันที่ 28 ต.ค.หรือไม่เพื่อขัดขวางแก้ไขรธน.เพื่อปูทางไปสู่การนิรโทษกรรมของพรรคพลังประชาชนที่กำลังถูกตัดสินยุบพรรค เนื่องจากทุจริตเลือกตั้งรวมทั้งช่วยเหลืออดีต 111 คนของไทยรักไทย ชี้ ตร.-ทหารต้องดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง
เวลา 10.00 น. วันนี้(25ต.ค.) ที่ห้องผู้สื่อข่าว ทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ได้เลื่อนวันที่จะนำกำลังมาปิดล้อมทำเนียบฯ จากวันที่ 25 ต.ค. เป็นวันที่ 27 ต.ค.แทน ว่า ทางพันธมิตรฯ คงมีการชุมนุมกันตามปกติ ส่วนเรื่องการข่มขู่และการกดดันนั้นก็มีมาตลอดเวลา จึงทำให้พันธมิตรฯ ได้ยกระดับการป้องกันอยู่ในระดับที่ต้องระมัดระวังและไม่ประมาท เพราะพันธมิตรฯ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมอย่างสงบและสันติ ข้อควรระวังก็คือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ไม่ควรทำให้ประชาชนรู้สึกว่าสนับสนุนการใช้กำลังที่ผิดกฎหมายในการปิดล้อมพันธมิตรฯ เพราะจะทำให้ประชาชนมองว่าตำรวจ รับคำสั่งจากนายกฯ จนทำให้รัฐบาลกับตำรวจหมดความเชื่อถือจากประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 27 ต.ค.- 1 พ.ย. ที่ พล.ต.อ.สล้าง จะเข้ามาปิดล้อมทำเนียบฯ ทางพันธมิตรฯมองว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯ จะระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เพราะถือว่าเราชุมนุมอย่างสงบและสันติ หน้าที่ที่จะควบคุมเหตุการณ์ความรุนแรงก็คือตำรวจ และทหารร่วมกัน ขณะที่ฝ่ายอดีตนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังนั้นประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายวิสา คัญทัพ นายสุธรรม แสงประทุม และนายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นนักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินไม่ให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ดังนั้นการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็เพื่อต้องการทำลายกระบวนการยุติธรรม คำพิพากษาของศาลเหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดทิศทางไม่ให้ฝ่ายตุลาการเกิดความชอบธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และนิรโทษกรรม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางกรเมือง 5 ปี นอกจากนี้ยังพยามกลบเกลื่อนปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อน ให้เป็นปัญหาระหว่างกลุ่มคนในประเทศ ไม่ใช่เกิดจากความขัดแย้งของตัวนักการเมืองในอดีต
เมื่อถามว่า ก่อนที่จะมีการปิดล้อมทำเนียบฯ ทางพันธมิตรฯ จะมีการประกาศรวมพลครั้งใหญ่หรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ครั้งสำคัญๆ ที่เกิดขึ้น กลุ่มพันธมิตรฯ จะรวมตัวกันมาเอง ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ พันธมิตรฯไม่จำเป็นต้องเป่านกหวีด แต่เมื่อเกิดเหตุผู้ชุมนุมก็มาทันที เพราะผู้ชุมนุมต่างมีจิตใจที่จะเข้าร่วมอยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้มีการกะเกณฑ์ หรือจ้างวานคน
เมื่อถามว่าพันธมิตรฯ จะมีการเคลื่อนไหวไปกดดันการร่างพิจารณาคณะกรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 (คพปร.) ที่จะเข้าที่ประชุมในวันอังคารที่ 28 ต.ค. หรือไม่ นายพิภพกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการหารือกัน แต่คงจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ในวันจันทร์ที่ 27 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ จะมีความชัดเจนได้เมื่อไหร่ นายพิภพ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ได้ประชุมไปเมื่อวันพุธที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในวันพุธที่ 29 ต.ค. นี้ก็จะมีการประมวลเรื่องทุกอย่างออกมาชัด แต่ไม่ได้เป็นข้อสรุปที่ตายตัว เป็นเพียงข้อเสนอต่อสังคมเพื่อให้สังคมได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน เพราะพันธมิตรฯ เน้นประชาธิปไตยที่มีส่วนร่วมเรื่องการเมือง เมื่อมีส่วนร่วมแล้วการประชุมของพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้หมายถึงพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่ในการประชุมมีทั้ง นักวิชาการ นักธุรกิจ มีส่วนร่วมในการนำเสนอ ซึ่งมีความเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องทำเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการแก้ไขกติกาใดๆ เพื่อรองรับการเมืองใหม่
ส่วนการการตั้ง ส.ส.ร. 3 นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเกิดขึ้นได้ก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งและปัญหาที่มากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดี นอกจากนี้ เห็นว่าในการแก้ไขนั้นไม่มีทิศทางของการปฏิรูปการเมือง แต่เป็นการแก้ไขเพื่อเป็นฐานรองรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม
เมื่อถามว่าตามที่ผู้บัญชาการทั้ง 4 เหล่าทัพออกมาเสนอทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่านายกรัฐมนตรีต้องลาออก แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ นายพิภพ กล่าว่า กองทัพคงต้องออกมาแสดงบทบาทอีกครั้ง แต่นี่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า เชื่อว่ากองทัพคงไม่ได้มีแค่แผนเดียว แต่พันธมิตรฯ ยากที่จะคาดเดา ในเมื่อกองทัพออกมาเตรียมตัวแต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะกองทัพมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ไม่ใช่เพียงแต่ตำรวจเท่านั้นที่จะดูแลความเรียบร้อยของประชาชน แต่ในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้อยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ของตำรวจก่อนก็ตาม แต่เมื่อเกิดเหตุกองทัพก็สามารถออกมาได้ทันที ทหารสามารถประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเกิดเหตุรุนแรง เพราะมีอาวุธครบมือแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรฯจะสนับสุนนการประกาศกฎอัยการศึกหรือการทำรัฐประหาร พันธมิตรฯ สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่