xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” วอนสังคมร่วมขัดขวาง นปก.สร้างเหตุนองเลือดเพื่อนายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงชัย แกนนำพันธมิตรฯ
“พิภพ” จี้ “มติชน-ข่าวสด” ตอบสังคม เหตุไม่ลงคำแถลง กก.สิทธิฯ สรุป “สมชาย” สั่งฆ่าประชาชน 7 ต.ค. ซ้ำลงภาพปรักปรำ “ตี๋” กำระเบิดโดยไม่ขอโทษ เผยบทวิเคราะห์ “หมอประเวศ” ฟันธงเหตุตุลาทมิฬ “ทักษิณสั่งมา” หวังล้มคดีและขอลี้ภัย หวั่นนองเลือดแน่ แนะทหารปฏิวัติช่วงสั้นระงับเหตุ วอนทุกภาคส่วนตัดไฟต้นลม ร่วมแสดงพลังขัดขวาง นปก.ป่วนเมืองเพื่อประโยชน์นายใหญ่

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 19 ต.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวเชิญชวนพ่อแม่พีน้องให้ออกมากันมากๆ ในวันที่ 21 ต.ค. ซึ่งเป็นวันตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ โดยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องการให้สถานการณ์อยู่ในภาวะปรกติ เพราะจะใช้เป็นข้องอ้างว่า คำพิพากษามิชอบ ในคืนวันนั้น เราต้องอยู่ร่วมกันอย่างหนาแน่น เพราะหากเรายืนหยัดกันเหนียวแน่น เหตุการณ์ความรุนแรงจะไม่เกิดแน่นอน

นายพิภพ กล่าวถึงผลสรุปของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. โดยระบุว่า เกิดจากการสั่งการของรัฐบาล คำสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชี้ชัดว่าเพื่อให้เกิดการแถลงนโยบายรัฐบาลเป็นไปตามปรกติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ละเมิดสิทธิประชาชน มีการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก มีข้อสรุปว่ารัฐบาลนายสมชายและตำรวจต้องรับผิดชอบ ตามที่นายสุรสีห์ โกศลนาวิน ประธานอนุกรรมการฯ ออกมาระบุ

นายพิภพ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวดังกล่าวมีหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ ไม่ลงคำแถลงนี้ ต้องตั้งคำถามว่าทั้ง 2 ฉบับนี้ได้ทำตามหน้าที่สื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอข่าวหรือเปล่า นายขรรชัย บุญปาน ซึ่งเป็นผู้บริหารของหนังสือพิมพ์ คงต้องออกมาตอบคำถามกับสังคมว่า เหตุใดมติชน และข่าวสด จึงไม่ลงคำแถลงฯ และต้องตอบสังคมว่าได้นำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับนี้

“ผมยังไม่ได้รับการขอโทษจากหนังสือพิมพ์มติชนและข่าวสด กรณีที่ลงข่าวกล่าวโทษว่า คนที่แขนขาดมีระเบิดอยู่ในมือ เป็นการด่วนสรุปโดยเอาข้อมูลจากตำรวจ หนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับนี้ ต้องออกมาขอโทษว่าลงข่าวผิดพลาด”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมได้แจ้งให้ทราบสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนส่วนพระองค์คือ คุณหญิงนราวดี ชัยเฉนียน นำกระเช้าผลไม้พระราชทานไปเยี่ยมผู้ป่วย 7 ท่าน จึงขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ

นายพิภพ กล่าวต่อว่า พระองค์ท่านทรงเอาใจใส่ต่อผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมที่ยังรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ในการดูแลนอกจากการพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการรักษาแล้วยังพระราชทานกระเช้าผลไว้ให้กำลังใจด้วย ทำให้ผู้บาดเจ็บที่ยังรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง

นายพิภพ กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการดูแลและทยอยให้เงินช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องอย่างน้อยอีก 3-4 เดือนในฐานะเป็นผู้เสียสละในแนวหน้า อย่างไรก็ตาม เงินบริจาคช่วยเหลือมีจำนวนมากพอแล้ว โดยยอดถึงวันศุกร์ที่ผ่านมามีจำนวน 26 ล้านบาทเศษ จึงขอปิดรับบริจาคในส่วนนี้ไว้ก่อน ส่วนการบริจาคสนับสนุนเอเอสทีวียังคงเปิดรับต่อไป เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่อวันในการส่งสัญญาณดาวเทียมสูงมาก

นายพิภพ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.นั้น นพ.ประเวศ วะสี ได้เขียนบทความแบบทุบโต๊ะว่า เป็นรายการคุณขอมา ให้ใช้ความรุนแรง เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขอมา เพราะไม่มีเหตุใดๆ ทั้งสิ้นที่ตำรวจและรัฐบาลจะใช้ความรุนแรงในเช่ามืดวันที่ 7 เพราะเราไปล้อมสภาโดยสงบและสันติ ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ เพราะเราไม่ยอมรับรัฐบาลพรรคพลังประชาชนจึงไม่ต้องการให้แถลงนโยบาย แต่อยู่ๆ รัฐบาลก็ตัดสินใจใช้ความรุนแรงโดยไม่มีที่มาที่ไป ซึ่งที่คุณสั่งมาในวันที่ 7 ต.ค.นั้น ก็เพื่อล้มกระดานการตัดสินคดีของอดีตนายกฯ ที่อยู่ลอนดอนในวันที่ 21 ตุลาคม

“ผมรู้จักกับคุณหมอประเทศ ท่านเป็นคนที่ระมัดระวังมากที่จะไปตัดสินสถานการณ์ ถ้าท่านไม่แน่ใจในข้อมูล ท่านจะไม่ตัดสิน หรือทุบโต๊ะ ท่านจะเตือนสติอย่างอ้อม ให้คิดเอง แต่เหตุการณ์วันที่ 7 นั้น ท่านทุบโต๊ะเลยว่าเป็นรายการคุณสั่งมา”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ดังนั้น หมอประเวศจึงเตือนสังคมไทยว่าตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 ตุลาคมฯ ต้องคอยช่วยกันระมัดระวังอย่างเต็มที่ในการป้องกันไม่ให้มีสถานการณ์รุนแรงในกรุงเทพฯ ต้องระดมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ จะอาศัยตำรวจอย่างเดียวไมได้แล้ว และวิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือ ทุกคนต้องร่วมกันระแวดระวัง และทุกคนต้องออกมาแสดงตัวตนในที่สาธารณะ

นายพิภพ กล่าวว่า อ.ประเวศ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลและตำรวจต้องออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษ ยอมรับผิดชอบ โดยการลาออก ดีกรีความร้อนแรงและความแค้นจะลดลงทันที พร้อมเสนอกระบวนการยุติธรรมเข้ามาช่วย ซึ่งต้องมีความรวดเร็วทันใจ เพราะความยุติธรรมสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ ทุกคนยอมตายเพื่อความยุติธรรม เปรียบกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะยังไม่มีความยุติธรรม

กรณี ผบ.ตร.จะตั้งการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้นให้มีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร เพราะตำรวจเป็นคู่กรณี เราต้องให้ระบบยุติธรรมแข็งแรง นั่นคือ ตุลาการภิวัฒน์นั่นเอง วันที่ 21 จะเป็นการพิสูจน์ ให้เห็นว่าความยุติธรรมมีจริงในสังคมไทย

ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และ นปก.อาจรู้ตัวแล้วว่าเขาทำผิด และไม่สามารถดิ้นหลุดคำพิพากษาได้ จึงได้พยายามก่อกวนให้การอ่านคำพิพากษาไม่เป็นไปตามปกติ ฝ่ายทนายและคนที่ดูแลเขารู้แล้วว่าทำผิดอย่างไร และไม่อยากให้ความผิดนั้นปรากฏในการอ่านคำพิพากษาเขาจึงพยายามก่อกวนวันที่ 21 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร เราพันธมิตรฯ พร้อมยอมรับ และจะไม่กดดันศาล

ทั้งนี้ นพ.ประเวศ เสนอว่า ถ้ายังทำอะไรไมได้ก็ทะเลากันต่อไปแต่อย่าใช้ความรุนแรง ซึ่งพันธมิตรฯ เราไม่ใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว

นอกจากนี้ นพ.ประเวศ ได้เสนอว่า ถ้าสันติวิถีไม่ได้ผล จนนำไปสู่การนองเลือด กองทัพไม่มีทางเลือกที่จะต้องเข้ามายึดอำนาจในระยะสั้นที่สุด เพื่อสลายขั้ว และระงับไม่ให้มีการเลือดตกยางออก หาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้อ่านบทความนี้ น่าจะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อระงับการนองเลือดอันเกิดจาก “คุณสั่งมา”จากลอนดอน โดยเมื่อยึดอำนาจรัฐอย่างสั้นที่สุดแล้วก็นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานนายกที่เป็นคนกลางและมีศักยภาพสูงในการยุติวิกฤติการ

นายพิภพ ยืนยันว่า นพ.ประเวศเป็นนักประชาธิปไตย แต่ไม่อยากให้มีการเสียเลือดแม้แต่หยดเดียวจึงขอให้กองทัพมาขัดขวางการนองเลือด และให้กองทัพประสานทุกฝ่ายมาร่วมกันสร้างอารยะประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายยอมรับ อารยะประชาธิปไตยก็คือการเมืองใหม่นั่นเอง เพราะการเมืองใหม่ต้องอารยะเพราะนักการเมืองที่เข้ามาต้องเสียสละ

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เราจะต้องเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ดีขึ้นให้ได้ เพราะได้อุทิศแรงกายแรงใจ อุทิศเวลาและเงินทองสู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 49 สู้เรื่อยมาชนะเรื่อยมาตามรายงทาง จะให้ชัยชนะเหล่านั้นสูญเปล่าไม่ได้ เราต้องนำไปสู่ประชาธิปไตยที่อารยะ การปฏิวัติสังคมทุกภาคส่วนต้องเกิดขึ้น และช่วยกันเปลี่ยนแปลงการเมืองให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ คำว่ารัฐประหารในความหมายของ นพ.ประเวศไม่ใช่รัฐประหารแบบเก่าที่ขึ้นมาแล้วมีอำนาจกลุ่มเดียว แล้วบริหารประเทศโดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง พอออกไปก็กลับเข้าสู่การเมืองเก่า ดังนั้น ในความหมาย นพ.ประเวศคือ การรัฐประหารระยะสั้นเพื่อระงับความรุนแรงจำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้คนไทยบาดเจ็บล้มตายไปสักคนเดียว แต่ต้องไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณนำไปอ้างเพื่อบอกว่าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย และใช้เหตุนี้เพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง หรือรัฐประหารเพื่อล้มคำตัดสินของศาล รัฐประหารแบบนั้นเราไม่ต้องการ

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ถ้าไม่ต้องการให้เกิดความจำเป็นต้องทำรัฐประหาร สังคมทั้งสังคมต้องมาช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งมาจากการกระทำของ นปก. และฝ่ายทักษิณ สังคมทั้งสังคมต้องออกมายับยั้งการกระทำของ นปก.และคำสั่งจากลอนดอน ถ้าเราผ่านช่วงวันอันตรายนี้ได้ หลังวันที่ 21 เริ่มวันที่ 23-24 สังคมไทยจะเริ่มพบแสงสว่างและใช้พลังทั้งหมดมาปฏิวัติสังคมทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการเมืองใหม่

“สังคมทั้งสังคมและทุกภาคส่วนต้องช่วยกันไม่ให้ฝ่าย นปก. ฝ่ายที่ต้องการสร้างความรุนแรง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณทักษิณ และอดีตพรรคไทยรักไทย และเป็นประโยชน์ต่อพรรคพลังประชาชน สังคมต้องออกมายุติความรุนแรง นั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ ไมได้ การออกมาอย่างมหาศาลแล้วใช้สันติเป็นตัวนำ ฝ่ายที่จะใช้ความรุนแรงจะไม่กล้าทำการ ถ้าเราผ่านพ้นวันที่ 21 ไปได้ เราจะเกิดนิมิตใหม่” นายพิภพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น