แกนนำพันธมิตรฯ นัดระดมพลแจกหนังสือ-วีซีดีเวอร์ชัน 7 ตุลาทมิฬ เซ็นทรัลเวิลด์ พรุ่งนี้ ปฏิเสธเคลื่อนทัพบุก สตช. จี้นายกฯ รับผิดชอบ ยันพบสะเก็ดระเบิดหัวกระสุนเอ็ม 79 ในตัวผู้บาดเจ็บแล้ว
วันนี้ (19 ต.ค.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวที่ห้องสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค.) เวลา 10.00 น.พันธมิตรฯ จะเดินขบวนรณรงค์แจกหนังสือและวีซีดี “ตำรวจฆ่าประชาชน” ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา ก่อนที่จะเคลื่อนไปตามถนนวิทยุ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างแน่นอน ทั้งนี้ คาดว่าจะนำหนังสือและวีซีดีไปแจกประมาณ 200,000 ชุด ซึ่งหนังสือและวีซีดีชุดนี้จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากชุดที่ไปแจกที่สีลม เนื่องจากมีประชาชนได้ส่งหลักฐานทั้งภาพถ่าย ภาพวิดีโอ ภาพจากกล้องโทรศัพท์มือถือ เข้ามาเพิ่มเติมให้กับพันธมิตรฯ ตลอดเวลา
“จากการตรวจสอบหลักฐานของตำรวจที่ชำนาญในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงแพทย์ที่มาดูแลผู้ชุมนุมต่างยืนยันว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้น ในตัวพบสะเก็ดระเบิดปืนเอ็ม 79 แน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า รัฐบาลต้องรัยผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะการสลายการชุมนุมตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ นายกฯ ควรได้รับรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะมาบอกว่าไม่ได้รับรายงานคงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้ง ตอนที่นายกฯ เดินทางเข้าสภาก็ต้องเห็นเหตุการณ์ แต่นายกฯ กลับไม่ได้สั่งการใดๆ ถือว่านายกฯ ไม่ได้เอาใจใส่และรับผิดชอบ เพราะขณะที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อสภาก็ยังได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ ซึ่งการสั่งฆ่าประชาชนในครั้งนี้นายกฯ จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ แม้จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสลายการชุมนุม พันธมิตรฯ เห็นว่าอย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า คณะกรรมการของรัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการตั้งเพราะรัฐบาลเป็นผู้กระทำการเข่นฆ่าประชาชนเอง จึงไม่มีสิทธิที่จะมาตั้งคณะกรรมการ รวมทั้งรัฐบาลไม่ได้ให้อิสระกับนายปรีชา พานิชวงศ์ ประธานคณะกรรมการฯ อย่างแท้จริง เนื่องจากมีการแทรกแซงการตั้งคณะกรรมการ มีการดึงรายชื่อคณะกรรมการออกอย่างน้อย 2 ชื่อ ซึ่งเป็นบุคคลที่สังคมรู้จักดีว่าเป็นคนตรงไปตรงมา ดังนั้นจึงไม่มีความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าควรมีคณะกรรมการที่เป็นกลาง เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งขณะนี้ต้องรอดูคณะกรรมการของสภาฯ ว่าจะตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางได้หรือไม่ โดยที่รัฐบาลไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง และ ส.ว.ที่สนับสนุนรัฐบาลไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ จะใช้กระบวนการศาลเข้ามา แล้วจะดูว่าผลงานของคณะกรรมการฯ ชุดต่างๆ จะใช้ประโยชน์ในคดีความได้หรือไม่
“รัฐบาลที่มาโดยมิชอบ โกงการเลือกตั้ง และพฤติกรรมที่ผ่านมามีการแทรกแซงองค์กรอิสระมาตลอด ฉะนั้น ไม่มีทางที่จะตั้งคณะกรรมการมาเพื่อลงโทษตัวเอง เพราะตัวเองเป็นจำเลย เหมือนงาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัขฉันใด รัฐบาลที่มาโดยไม่ชอบ ไม่มีทางที่จะตั้งคณะกรรมการให้ตรงไปตรงมาได้ฉันนั้น และวันนี้คนก็ตัดสินใจได้แล้วว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายผิด แม้กระทั่งสี่เหล่าทัพยังออกมายืนยันชัดเจน แม้จะหน่อมแน้มไปหน่อยก็ตาม” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ยังไม่ยอมรับคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ 7 ตุชาคมของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แม้ว่าคณะกรรมการชุดนี้เป็นคณะกรรมการอิสระตามรัฐธรรมนูญ แต่พันธมิตรฯ ก็คงต้องดูผลการสอบสวนก่อนว่าการสอบสวนมีความรอบด้านหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางพันธมิตรฯ ได้ส่งหลักฐานต่างๆ ให้กับคณะกรรมการสิทธิฯ ตามที่ได้ร้องขอมาแล้ว
ส่วนการเคลื่อนไหวดาวกระจายของกลุ่มพันธมิตรฯ ต่อจากนี้นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แกนนำยังไม่ได้มีการหารือกัน ส่วนวันที่ 21 ต.ค.นี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีการอ่านคำพิพากษาในคดีที่ดินรัชดาฯ นั้น พันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปศาล เพราะเราเคารพในกระบวนการยุติธรรม สำหรับกระแสข่าวที่รัฐบาลจะเกณฑ์คนไปกดดันศาลนั้น แสดงให้เห็นว่าการกระทำของรัฐบาลที่ป่าเถื่อนและไม่เคารพสถาบันตุลาการ ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่เป็นการข่มขู่คุกคาม
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการเมืองใหม่ว่า ส่วนใหญ่มีการหารือเรื่องปฏิรูปการศึกษาที่จะต้องตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศ และเน้นภาคให้ปฏิบัติมากขึ้น นอกจากนี้ ควรให้ทุกคนเรียนฟรีตามความรู้ความสามารถ และเมื่อจบออกมาต้องมีงานทำอย่างทั่วถึง ส่วนเรื่องการกระจายรายได้ควรใช้วิธีด้านภาษี และสร้างฝีมือแรงงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ต้องมีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะรัฐวิสาหกิจควรเป็นกลไกในการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม และช่วยแก้ปัญหาความยากจน ขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม ดังนั้น ตนขอเสนอว่าควรจัดตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นเป็นกระทรวง โดยนำรัฐวิสาหกิจต่างๆ มารวมกัน ให้รัฐวิสาหกิจที่มีรายได้ผูกขาด ชัดเจน เช่น กองสลาก พลังงาน จะได้นำกำไรไปเจือจุนกับรัฐวิสาหกิจที่จัดสวัสดิการให้แก่ประชาชน เช่น การขนส่ง การเภสัช เพื่อทำให้ต้นทุนต่ำลง และไม่เป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจควรมีองค์กรภาคประชาชนเพื่อตรวจสอบการดูแลการทำงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การจัดงานที่เป็นมหามงคลที่มีกำหนดจัดขึ้น สมควรถูกจัดขึ้นด้วยรัฐบาลที่ชอบธรรม มีความโปร่งใสสะอาด และมีภาพลักษณ์ในความซื่อสัตย์ จงรักภักดีอย่างชัดเจน ไม่ใช่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ต้องมีการหารือในเรื่องนี้ต่อไป