ผู้ช่วยเลขา ปชป.แขวะรัฐบาลเขยแม้วยังเสวยสุยกันทั่วท้องดีหรือ ขณะที่อุณหภูมิบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ด้วยการจาบจ้วงเบื้องสูง ชี้ต้นตอปัญหาทั้งมวลเกิดจากน้ำมือ “ทักษิณ” และเป็นคนเดียวที่จะปลดล็อกการเมือง
วันนี้ (16 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลนัดรับประทานอาหารค่ำเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ว่า ได้เห็นภาพแกนนำรัฐบาลแล้วรู้สึกมีความสุขกับการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป จึงอยากจะถามว่า ยังกินข้าวกันได้ลงคออีกหรือ ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟอยู่ และวันนี้มีเว็บไซต์โจมตีสถานบันอย่างรุนแรง มีการใช้สื่อวิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ แม้แต่การนัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวงก็ยังมีการกล่าวพลาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างโจ้งครึ่ม จึงอยากถามว่ารัฐบาลจะเดียวดายปล่อยให้คนเหล่านี้ย่ำยีสถาบันเบื้องสูงไปถึงไหน
“อยากจะถามใจพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่มีเงื่อนไข ก่อนเข้าร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับการโจมตีสถาบัน ว่า วันนี้คิดอย่างไร ทำไมพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ ไม่แหงนหน้ามองดูฟ้าบ้าง ว่า วันนี้ ฟ้าหม่นหมองอย่างไร เห็นน้ำตาฟ้าบ้างหรือไม่ หรือมัวแต่ปิดหูปิดตาไม่มองไม่ฟังอะไรเลย นอกจากเรื่องผลประโยชน์ของตนเอง”นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า การที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ท่องคาถา 3 เวลา ว่า ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ขอให้ไปดูบทเรียนจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่เคยท่องคาถาบทนี้มาแล้ว ว่ามีจุดจบอย่างไร ถ้านายกฯ ยังดึงดันไม่ลาออก ไม่ยุบสภา เพื่อปลดล็อกทางการเมืองด้วยตัวเองก็เชื่อว่า น่าจะมีคนอื่นมาปลดล็อกให้ เหมือนกับรัฐบาลนายสมัคร และบ้านเมืองที่ติดล๊อคอยู่ในขณะนี้เพราะตัวรัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นคนที่จะมาแก้ คือ คนที่เป็นเจ้าของรัฐบาล นั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะ พ.ต.ท.ทิกษิณ ก็คือ เทพเจ้า ของพรรคพลังประชาชน และ นปช.หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณมา ก็เชื่อว่า สาวกทั้งหมด จะทำตาม และพันธมิตรฯ ก็คงจะสลายตัวไปโดยปริยาย หากไม่มีระบอบทักษิณ หลงเหลืออยู่ และเป็นที่รับรู้ของคนทั้งประเทศ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ที่จะปลดล๊อกและหยุดความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียวคือต้นต่อของปัญหาบ้านเมืองในวันนี้
ส่วนกรณีที่ พล.ต.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย พูดในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ว่ามีความพยายามทำการปฏิวัติให้เสร็จภายในเดือนนี้ นายเทพไท กล่าวว่า ไม่ทราบว่า รมว.มหาดไทยมีข้อเท็จจริงอย่างไร เพราะนายกฯ ก็บอกไม่รู้ ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ แต่ รมว.มหาดไทย กลับกุข่าวนี้ขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ทั้งๆ นี้ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในกองทัพ ยืนยันตลอดเวลาว่าจะไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็น เพราะรมว.มหาดไทย เคยเป็นสมาชิก คมช. ที่ร่วมกันปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 จึงมีสัญชาตญาณ รับรู้ว่าจะมีการปฏิวัติจริง แล้วทำไมในฐานะที่เป็น รมว.มหาดไทย ผู้ดูแลความมั่นคงภายในประเทศ เป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองไม่ดำเนินการต่อคนคิดร้ายต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีฐานะถึงประหารชีวิต หากรู้แล้วไม่ดำเนินการเรื่องนี้ กลับมาพูดให้บรรยากาศทางการเมืองเสียหาย ก็อาจจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก็ได้
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี ชาติไทย ออกมาใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ฉวยโอกาสไม่เข้าร่วมหารือ 4 ฝ่าย เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภานั้น ว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมหารือ 4 ฝ่าย เพราะเจตนารมณ์ของกรรมการชุดนี้เพื่อสร้างความสมานฉันท์ โดยหาทางออกให้กับบ้านเมือง แต่เหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการทำลายความสมานฉันท์ที่ทุกฝ่ายต้องการให้เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการแสดงละครตบตาประชาชน ท่ามกลางความไม่จริงใจของรัฐบาล
“การเรียกร้องของพรรคประชาธิปัตย์ให้มีการยุบสภา ก็เพราะเห็นว่าการยุบสภาเท่านั้นที่จะเป็นการแก้วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ เพราะหากนายกฯ ลาออก หรือเปลี่ยนขั้วการเมือง ก็ยังทำให้ความขัดแย้งและวิกฤตยังคงอยู่ เพราะฉะนั้นการไม่เข้าร่วมหารือ 4 ฝ่าย กับข้อเรียกร้องให้ยุบสภา เป็นคนละประเด็นกัน นายเอกพจน์ไม่ควรที่จะมาเหมารวมใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าที่ให้โอกาสทางการเมืองกับนายเอกพจน์มาแล้ว แต่หากนายเอกพจน์จะคิดว่าการด่า หรือใส่ร้ายพรรคการเมืองที่ให้กำเนิดตัวเองมาแล้วจะทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งเหมือนกับอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนก็เชิญตามสบาย