xs
xsm
sm
md
lg

ถามใจพรรคร่วมสุขดีหรือฟ้าหม่องจากการจาบจ้วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้เห็นภาพแกนนำพรรคร่วมรัฐบาบรับประทานอาหารค่ำร่วมกันเมื่อคืนวันที่ 15 ต.ค.แล้วดูเหมือนพวกท่านจะมีความสุขกับการเป็นรัฐบาลร่วมต่อไป จึงอยากจะถามว่ายังกินข้าวลงคอกันอีกหรือ ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟอยู่ และวันนี้มีเว็ปไซด์โจมตีสถานบันอย่างรุนแรง มีการใช้สื่อวิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ แม้แต่การนัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวงก็ยังมีการกล่าวพลาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างโจ้งครึ่ม จึงอยากถามว่ารัฐบาลจะเดียวดายปล่อยให้คนเหล่านี้ย่ำยีสถานบันเบื้องสูงไปถึงไหน
อยากจะถามใจพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่มีเงื่อนไข ก่อนเข้าร่วมรัฐบาล เกี่ยวกับการโจมตีสถาบันว่าวันนี้คิดอย่างไร ทำไมพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ ไม่แหงนหน้ามองดูฟ้าบ้าง ว่าวันนี้ ฟ้าหม่นหมองอย่างไร เห็นน้ำตาฟ้าบ้างหรือไม่ หรือมัวแต่ปิดหูปิดตาไม่มองไม่ฟังอะไรเลย นอกจากเรื่องผลประโยชน์ของตนเอง
นายเทพไท กล่าว่า การที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ท่องคาถา 3 เวลาว่า ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ขอให้ไปดูบทเรียนจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่เคยท่องคาถาบทนี้มาแล้ว ว่ามีจุดจบอย่างไร ถ้านายกฯ ยังดึงดันไม่ลาออก ไม่ยุบสภา เพื่อปลดล๊อคทางการเมืองด้วยตัวเองก็เชื่อว่า น่าจะมีคนอื่นมาปลดล๊อคให้ เหมือนกับรัฐบาลนายสมัคร

จี้แม้วเทพเจ้าของพปช.ปลดล็อค
บ้านเมืองที่ติดล๊อคอยู่ในขณะนี้เพราะตัวรัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นคนที่จะมาแก้คือคนที่เป็นเจ้าของรัฐบาล นั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะ พ.ต.ท.ทิกษิณ ก็คือเทพเจ้า ของพรรคพลังประชาชนและ นปช. หากพ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณมา ก็เชื่อว่าสาวกทั้งหมดจะทำตาม และพันธมิตรฯ ก็คงจะสลายตัวไปโดยปริยาย หากไม่มีระบบทักษิณ หลงเหลืออยู่ และเป็นที่รับรู้ของคนทั้งประเทศ ว่าพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ที่จะปลดล๊อกและหยุดความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียวคือต้นต่อของปัญหาบ้านเมืองในวันนี้
ส่วนกรณีที่ พล.ต.โกวิทย์ วัฒนะ รมว.มหาดไทย พูดในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศว่ามีความพยายามทำการปฏิวัติให้เสร็จภายในเดือนนี้นั้น นายเทพไท กล่าวว่า ไม่ทราบว่า รมว.มหาดไทยมีข้อเท็จจริงอย่างไร เพราะนายกฯ ก็บอกไม่รู้ ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ แต่รมว.มหาดไทย กลับกรุข่าวนี้ขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ทั้งๆ นี้ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในกองทัพ ยืนยันตลอดเวลาว่าจะไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็น เพราะ รมว.มหาดไทย เคยเป็นสมาชิก คมช. ที่ร่วมกันปฏิวัติเมื่อ 19 ก.ย. 2549 จึงมีสัญชาติญาณรับรู้ว่าจะมีการปฏิวัติจริง แล้วทำไม ในฐานะที่เป็น รมว.มหาดไทย ผู้ดูแลความมั่นคงภายในประเทศ เป็นเจ้าหน้าที่ของ บ้านเมืองไม่ดำเนินการต่อคนคิดร้ายต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต หากรู้แล้วไม่ดำเนินการเรื่องนี้ กลับมาพูดให้บรรยากาศทางการเมืองเสียหาย ก็อาจจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก็ได้

รัฐบาลทำลายสมานฉันฑ์จึงไม่สังฆกรรม
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ออกมาใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่าฉวยโอกาสไม่เข้าร่วมหารือ 4 ฝ่าย เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภาว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมหารือ 4 ฝ่าย เพราะเจตนารมณ์ของกรรมการชุดนี้เพื่อสร้างความสมานฉันท์ โดยหาทางออกให้กับบ้านเมือง แต่เหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการทำลายความ สมานฉันท์ที่ทุกฝ่ายต้องการให้เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการแสดงละครตบตาประชาชน ท่ามกลางความไม่จริงใจของรัฐบาล
การเรียกร้องของพรรคประชาธิปัตย์ให้มีการยุบสภา เพราะเห็นว่า การยุบสภา เท่านั้นที่จะเป็นการแก้วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ เพราะหากนายกฯ ลาออก หรือเปลี่ยนขั้วการเมือง ก็ยังทำให้ความขัดแย้งและวิกฤตยังคงอยู่ เพราะฉะนั้น การไม่เข้าร่วมหารือ 4 ฝ่าย กับข้อเรียกร้องให้ยุบสภา เป็นคนละประเด็นกัน นายเอกพจน์ ไม่ควรที่จะมาเหมารวมใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าที่ให้โอกาสทางการเมืองกับนายเอกพจน์มาแล้ว แต่หาก นายเอกพจน์คิดว่าการด่าหรือใส่ร้ายพรรคการเมืองที่ให้กำเนิดตัวเองมาแล้วจะทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งเหมือนกับอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนก็เชิญตามสบาย

สมศักดิ์ระรื่นนายกฯยันเดินหน้าต่อ
นายสมศักดิ์ ปริศนานนัทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคชาติไทย กล่าวว่าการเมืองขณะนี้ยังไม่มีอะไรบอกเหตุให้รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง รัฐบาล ก็ทำงานได้ สภาก็ทำงานได้ การเมืองจึงดำเนินต่อไปไม่มีอะไรน่าห่วง เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีการยุบสภา ลาออก เพราะนายกฯยืนยันว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหา และยังมีภารกิจสำคัญต้องทำ ส่วนเรื่องการปฏิวัติยิ่งเป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งให้สังคมไทยถอยหลังไปอย่างน้อย 20 ปี คงไม่มีใครกล้าปฏิวัติ ซึ่งผบ.ทบ.เองก็ยืนยันว่าไม่มี
ส่วนที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนประเมินว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือนนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนพูดไม่ได้อยู่ในรัฐบาล พรรคพลังประชาชนมีกว่า 200 คน คนพูดไม่มีทางรู้ว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร และมีแผนจะทำอะไร แต่คนที่เป็นพรรคพลังประชาชนและอยู่ในรัฐบาลย่อมจะรู้ว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร
นายสมศักดิ์ กล่าวว่านายกฯมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง การตัดสินใจเพื่อเป็น ทางออกทางการเมืองเชื่อว่าต้องบอกพรรคร่วมรัฐบาลก่อนคงไม่ตัดสินใจโดยพละการ ซึ่งตนเคยพูดในที่ประชุมครม.ว่ากรณีการตัดสินใจที่จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลนั้น ครม.ยินดีให้ความร่วมมือ ขอให้บอกมา

โต้แนวคิดประเวศไม่ถูกต้อง
สำหรับข้อเสนอของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ที่ให้ทหารยึดอำนาจ เพื่อสลายขั้วการเมืองแล้วขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น นายสมศักดิ์ ปฏิเสธแนวคิดนี้ทันทีโดยอ้างว่าไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง การเมืองในระบอบประชาธิปไตยมักจะมีทางออกเสมอ ขอเพียง หันหน้าเข้าหากัน เคารพกติกาซึ่งกันและกัน ช่องทางออกมีอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่มีความจริงใจและหันหน้าเข้าหากันเพื่อช่วยกันคลำหาทางออกให้สังคมหรือไม่เท่านั้น
ส่วนการยุบสภานั้น นายสมศักดิ์ ย้อนถามว่าแก้ปัญหาได้หรือไม่ ถ้ายุบไปแล้ว สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับสังคมยิ่งเป็นเรื่องน่ากลัว ซึ่งในอดีตเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 จะไม่เกิดขึ้นเลยหากมีรัฐสภา แต่เพราะไม่มีสภาจึงถึงทางอับจนทั้งหมด ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ท้ายที่สุดจึงเกิดรัฐประหารขึ้น ตนอยากให้รัฐสภาเป็นช่องทางแก้ปัญหาของสังคมไทย จะอ้างว่ายุบสภาดีกว่าปฏิวัติ คนที่จะปฏิวัติวันนี้ต้องคิดแล้วว่า การปฏิวัตินั้นง่าย แต่การปกครองประเทศหลังการปฏิวัตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศ ที่ต้องคบค้าด้วยนั้นเราโดนบอยคอตแน่ ทุกคนมีบทเรียนมาแล้ว ตนจึงเชื่อว่า ไม่มีใครทำ
ผมอยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์และทุกพรรคการเมืองหันหน้าเข้าหากัน ในฐานะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติด้วยกัน ช่วยกันใช้องค์กรฝ่ายนิติบัญญัติคลี่คลายปัญหา ผมเชื่อว่าสมาชิกทุกคนมีความเชื่อเหมือนกับที่ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา เพราะถ้าไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาคงไม่มีระบบไหนอีกแล้วที่จะดีกว่านี้ และอย่าคิดว่าการไม่ชอบรัฐบาล ไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลนั้นจะส่งผลไปถึง การไม่ทำสังฆกรรมในรัฐสภาด้วย รัฐบาลกับรัฐสภานั้นเป็นคนละส่วนกัน รัฐสภาต่างหากเป็นสถานที่ที่พวกเราฝ่ายนิติบัญญัติต้องให้ความเคารพ และต้องทำงานอย่างเต้ฒที่ รัฐบาลจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ แต่รัฐสภาต้องอยู่ เพราะถึงขณะนี้ ผมยังไม่เชื่อว่าการเมืองบ้านเรามันถึงทางตัน ในระบอบประชาธิปไตยมีทางออก เสมอ เพียงแต่เราจะจริงใจร่วมกันหาทางออกภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น