โฆษก ปชป. เรียกร้องนายกฯ สั่งพักราชการนายตำรวจสั่งเข่นฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ “7 ตุลาทมิฬ” พร้อมเลิกทุรังผลักดันแก้ รธน.และออก กม.นิรโทรกรรม “แม้ว” ปลดล็อกเงื่อนไขความรุนแรง วอนรัฐบาลนัดเจรจาสานเสวนากลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนงานพระราชทานเพลิงพระพี่นางฯ
วันนี้ (9 พ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เสนอรัฐบาลเจรจากลุ่มพันธมิตร ผ่านเวทีสานเสวนา ก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพราะถือเป็นโอกาสที่จะให้คู่กรณีที่มีความขัดแย้งกันได้ร่วมกันหาทางออกให้แก่บ้านเมืองอย่างเป็นรูปธรรม โดยแนวทางที่จะทำให้เกิดการเจรจาได้ คือ รัฐบาลจะต้องลดเงื่อนไขความขัดแย้งทั้งหมด ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 และการออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม ทันทีที่มีผลสอบจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการอิสระที่รัฐบาลตั้งขึ้น ซึ่งทั้งสามองค์กรต้องเร่งพิจารณาเพื่อสรุปผลโดยเร็ว
สำหรับการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมนั้น นายแพทย์บุรณัชย์เสนอให้เริ่มต้นจากการพักการปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแสดงความจริงใจ และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจังหากพบว่ามีการกระทำผิด ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้เกิดการเจรจาระหว่างรัฐบาล และพันธมิตรฯ ได้
“ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่ควรเพิ่มเงื่อนไขใหม่ที่จะทำให้การเจรจาเป็นไปได้ยากขึ้น และเปิดโอกาสให้กระบวนการสานเสวนาเริ่มต้นขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้ง ก่อนที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงหลังงานพระราชทานเพลิงพระศพ เนื่องจากพรรคมีความเป็นห่วงว่าหากไม่รีบดำเนินการยุติความขัดแย้งระหว่างกัน จะมีการสร้างเงื่อนไขที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นหลังงานพระราชทานเพลิงศพ ดังนั้น หากมีการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม และทั้งสองฝ่ายยึดหลักประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรม โดยละเว้นประโยชน์ส่วนตัว แต่ยึดประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ดึงพลังความดีจากทั้งฝ่ายสีเหลืองและสีแดงมาร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อแก้ปัญหาความล้มเหลวทางการเมืองที่เป็นวิกฤตของชาติ” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ ยังเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะลี้ภัยอยู่ในต่างแดนเพื่อหลบหนีคดีที่มีการพิพากษาแล้ว หรือจะกลับมาสู้คดีในประเทศไทย ซึ่งยังเหลือเวลายื่นอุทธรณ์อีกกว่า 1 สัปดาห์ จากนั้นควรยุติการกระทำที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ เช่นเดียวกับกลุ่ม นปช. และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน จะต้องเลิกขบวนการใต้ดินที่จะดึงสถาบันเบื้องสูงเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมือง และยุติการจัดรายการผ่านทีวีดาวเทียมซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งเพิ่มขึ้น