xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ชี้ นปช.วัดกำลัง 1 พ.ย.ก่อนปลุกระดมป่วนใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วิปฝ่ายค้าน” เชื่อหลังเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพพระพี่นางฯ เหตุการณ์บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ แฉซ้ำรัฐบาลเขยแม้วปล่อยวาง รับใบสั่งจุดชนวนแก้ 291 ก่อวิกฤตช่วยครอบครัวพี่เมีย ย้ำเคลื่อนไหว “กลุ่มเสื้อแดง” 1 พ.ย.วัดกำลังก่อนเดินเกมปลุกระดมรอบใหญ่

วันนี้ (4 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์โดยรวมของประเทศ ว่า หลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพี่นางเธอฯ จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น จนเป็นที่น่าวิตก วิปฝ่ายค้านประเมินกันว่า เป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน รวมทั้งกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังคงดำรงเป้าหมาย 3 อย่าง คือ 1.ต้องการแก้รัฐธรรมนูญและช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ 2.ต้องการดำรงอยู่ในอำนาจรัฐต่อไป และ 3.ต้องการยึดกุมมวลชนที่สนับสนุนตัวเอง โดยใช้หลากหลายวิธีการ

นายสาทิตย์ กล่าวว่า การที่วิปรัฐบาลระบุจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าสู่ที่ประชุมสภาในสัปดาห์หน้า วิปฝ่ายค้านยังเชื่อว่าจะเป็นชนวนทำให้เกิดวิกฤต ซึ่งจะเกิดการชุมนุมของผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะจากคำให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะหยุดวิกฤตได้หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งๆที่มีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยและที่มาของ ส.ส.ร.ที่ยึดรูปแบบรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีการบล็อกโหวตของ ส.ส.ร.และในสภาพปัจจุบันที่มีความขัดแย้ง ยิ่งจะทำให้ได้ง่ายขึ้น และที่น่ากังวลคือ รัฐบาลมีธงชัดเจน คือ เชื่อว่า จะมีการลดอำนาจองค์กรอิสระลง ลดเงื่อนไขการตรวจสอบนักการเมืองที่ทุจริต เพราะที่ผ่านมาถูกคัดค้านโดยพรรคพลังประชาชนและพรรคชาติไทยมาตลอดและจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางอย่างที่จะมีผลดีต่อการสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้วิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวของมวลชนเมื่อวันที่ 1 พ.ย.โดยเห็นว่า เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้รับการตอบรับมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่น่าวิตก คือ มีใช้โทรทัศน์ของรัฐเป็นกระบอกเสียงที่ชัดเจนถือเป็นความเสียหายทรัพย์ของประชาชน ซึ่งฝ่ายค้านเชื่อว่าจะมีการขยายผลเหตุการณ์วันที่ 1 พ.ย.มากขึ้นอีก โดยผ่านทางเคเบิ้ลทีวี ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมหลักฐานเอาไว้แล้ว เพราะมีการพาดพิงบุคคลสำคัญของพรรคด้วย ส่วนการที่มีม็อบเสื้อแดงไปล้อมสถานีไทยพีบีเอสที่จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นการกดดันการทำงานของสื่ออย่างรุนแรง ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้เป็นสัญญาณนำสู่ความรุนแรงหลังงานพระราชพิธี

“การสานเสวนาที่หลายฝ่ายเห็นด้วย แต่คงสำเร็จได้ยาก เพราะรัฐบาลไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นปัญหา ประเด็นสำคัญ คือ ต้องตั้งคำถามว่าใครคือรัฐบาลที่แท้จริง เป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือไม่ แต่วิปฝ่ายค้านเห็นว่านายสมชายไม่มีสถานะเป็นนายกฯ เป็นผู้นำที่แท้จริง เพราะการขับเคลื่อนในรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนถูกกำหนดโดยคนนอกรัฐบาล นายสมชาย เป็นเพียงนายกฯในนามและถูกกระทำพิธีกรรมในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจหรือชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น ดูได้จากเหตุการณ์วันที่ 1 พ.ย.ที่ทุกฝ่ายตั้งรับมือกับเหตุการณ์ แต่ นายสมชาย กลับไปนอนบ้านภรรยาที่เชียงใหม่แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว” นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ปัญหาคือเมื่อไม่มีรัฐบาล และนายกฯ ที่สามารถควบคุมบริหารราชการแผ่นดิน และพรรคการเมืองได้จริง ปล่อยให้คนนอกมาดำเนินการ ความเสียหายที่เกิดขึ้นคนเหล่านั้นก็ไม่ต้องเสนอหน้ารับผิดชอบใดๆ ในการกระทำของตนเอง และนายสมชายก็อยู่ในตำแหน่งไปวันๆ โดยที่บ้านเมืองยังมองไม่เห็นทางออก สังคมไทยจะรอปาฏิหาริย์ไม่ได้ เพราะสถานการณ์ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ทุกคนต้องช่วยกันคิด และการแสดงออกให้แต่ละฝ่ายยอมรับว่าตัวเองเป็นปัญหา และเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเป็นทางออกทางเดียวเท่านั้นที่สามารถแก้ไขวิกฤตประเทศได้ การปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการโดยบอกว่าอยู่ไปอย่างนี้อะไรจะเกิดก็ให้เกิด คนไทยทั่วประเทศคงรับไม่ได้ การแสดงออกทุกวิถีทางเพื่อกดดันรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มให้ทุกฝ่ายหันมาสู่สันติวิธีเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องทำก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
กำลังโหลดความคิดเห็น