หน.ปชป.ปิดช่องรัฐบาลใช้ ส.ส.ร.เป็นข้ออ้างยื้ออำนาจ ลั่นเลยสภาพปัญหาเย้ยสังคมรู้ทันหมดแล้ว ดักคอเจตนารมณ์สวนทางความจริงใจ ย้อนถามนายกฯ กอดเก้าอี้แน่นเพื่อใคร หวั่นอย่าใช้ ปชช.เป็นตัวประกันจี้ยุบสภาก่อนนองเลือด
วันนี้ (20 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่ายในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า ตนได้ทำหนังสือแจ้งต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งชื่อบุคคลเข้าไปร่วมทำงานเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เลยจุดที่จะมาพูดถึงเรื่องการตั้ง ส.ส.ร.และการจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็มีกระบวนการอื่นอยู่ ที่สำคัญคือ ไม่ควรที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง หรือเบี่ยงเบนประเด็นจากสภาพปัญหาของบ้านเมืองที่แท้จริงในขณะนี้ และหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา ส.ส.ร.ก็ได้ถูกหยิบยกเป็นข้ออ้างของการที่รัฐบาลจะไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ และปล่อยให้สภาพปัญหาของบ้านเมือง เรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาต่างๆไม่ได้รับการแก้ไข
เมื่อถามว่าการที่ประธานวุฒิสภาไม่เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่ายด้วย รัฐบาลควรนำจุดนี้ไปไตร่ตรองดูหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่ากับว่า การประชุมดังกล่าวเป็นเพียงแค่เสียงข้างมากของสภา คือรัฐบาลควรทบทวนได้แล้วว่าจริงๆแล้วที่ดึงดันกันและพยายามเอาเรื่องนี้มาเบี่ยงเบนหรือกลบเกลื่อนคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำง่ายๆเพราะสังคมเขารู้ทัน ส่วนการประชุมสภาวันที่ 22 ต.ค.นี้ พรรคจะมีการประชุม ส.ส.เพื่อพิจารณาก่อนว่าจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานสภาอ้างว่าถึงแม้ประธานวุฒิสภาและฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมประชุมด้วย การประชุมก็จะต้องเดินหน้าเพราะยังถือว่ามีหลายฝ่ายอยู่ คือ รัฐบาลกับสภาผู้แทนราษฎร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงในระบบรัฐสภา เสียงข้างมากในสภากับรัฐบาลก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่แล้ว และสิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าต่อในขณะนี้น่าจะยืนยันได้ว่าก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้คิดว่าจำเป็นจะต้องระดมความร่วมมือ จากฝ่ายอื่นๆ เพราะคิดว่าโดยลำพังแล้วอยากจะทำต่อไป ซึ่งความจริงไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่พูดกันในเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการระดมมวลชนมาสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นปัญหาซึ่งเรื้อรัง และวันนี้น่าจะต้องมาคุยทางออกของบ้านเมือง ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าเสียก่อน ว่าปัญหาวิกฤติทางการเมืองที่เกิดขึ้นส่งผล กระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างและทำให้ประชาชน มีความยากลำบากในเรื่องปัญหาปากท้อง และมีความตึงเครียด รวมทั้งการเสื่อมศรัทธาในตัวการเมือง
ต่อข้อถามว่า ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ทำอะไรเพื่อที่จะแก้ปัญหาเลย อย่างนี้จะหาทางออกได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่เข้าใจ นอกจากนายกฯไม่แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว ยังไม่รับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศชาติบ้านเมืองด้วย เพราะว่านำทั้งประชาธิปไตย และชีวิตของคนไทยเข้าไปเสี่ยงอยู่ตอดเวลาโดยไม่สามารถตอบได้ว่าเพื่ออะไร
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯ ยังนิ่งเฉยกับผลการสอบสวนเหตุการณ์ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่านี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงได้บอกว่าถ้าให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการเองก็มีโอกาสสูญเสียมากกว่า ไม่ได้เป็นคณะกรรมการอิสระอย่างแท้จริง มีแต่ชื่อเท่านั้นที่บอกว่าอิสระ และองค์กรที่ทำงานเรื่องนี้ตนคิดว่าน่าจะยึดความเห็นของเขาเป็นหลัก
ต่อข้อถามว่า สังคมทุกฝ่ายในเวลานี้ออกมากดดันนายกฯหมดแล้วแม้แต่ทหาร คิดว่ายังมีอะไรที่ทำให้นายกฯ เมินเฉยต่อท่าทีเหล่านี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวนายกฯ เองก็ต้องคิดว่าที่อยู่ไปทุกวันนี้เพื่ออะไร ตนไม่เห็นว่าการอยู่ของท่านในขณะนี้ ได้แก้ปัญหาอะไรให้ใคร ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรที่เดือดร้อนจากผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำ ความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ตนมองไม่เห็นเลยว่าขณะนี้ที่นายกฯดำรงอยู่เพื่ออะไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลจะยุบสภาในขณะนี้ ก็ไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไร พระราชพิธีเป็นงานที่คนไทยทั้งประเทศร่วมด้วยกันอยู่แล้ว และไม่มีสุญญากาศทางการเมือง และยังไม่เห็นใครเป็นคนที่มีปัญหาและทำตัวขวาง เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศพร้อมใจกันอยู่แล้ว ตรงนี้ต้องตั้งคำถามว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลอยู่เพื่อการนี้จริงหรือเปล่า ที่นายสมชาย อ้างว่าสู้ต่อเพราะ 6 พรรคร่วมเห็นด้วยและจะต้องทำภารกิจให้เสร็จ 3 อย่างนั้น ตนคิดว่าถ้าพรรคร่วมยึดประโยชน์ของตัวเองก็เป็นอีกเรื่อง ก็บอกมาตรงๆ ดีกว่าไม่ต้องอ้างเรื่องนี้
เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดในวันที่ 21ต.ค.นี้หรือไม่ เพราะเป็นวันตัดสินคดีที่ดินรัชดาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนห่วงว่าสถานการณ์จะตึงเครียดมาก และมีความเสี่ยงสูง และถ้ายิ่งไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดจากรัฐบาล และมิหนำซ้ำบางทีรัฐบาลก็เหมือนกับให้ท้ายด้วย ก็อาจจะเป็นปัญหา
ต่อข้อถามว่า กรณีนายตำรวจนอกราชการและนายทหารในราชการออกมาเคลื่อนไหว คิดว่ารัฐบาลควรจะปรามหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่อยู่ข้างนอกไม่เป็นไร ถ้าใช้สิทธิ์เสรีภาพในกรอบของกฎหมาย แต่ในส่วนของคนที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ต้องช่วยกันแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะฉะนั้น ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่ตัวนายกฯด้วยเพราะเป็นผู้ที่รู้เห็นกับหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และไม่มีความพยายามที่จะระงับยับยั้ง
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่เวทีปราศรัยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะหมิ่นเหม่ต่อเบื้องสูง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าใครทำผิดก็ต้องดำเนินคดีไป ขณะนี้ยังไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการ แต่ถ้าไม่ดำเนินการก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายอภิสิทธิ์ ยังยืนยันว่า การยุบสภาถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดและสากลยอมรับ ถ้ายุบสภาเร็วการที่ประชาชนทั้งประเทศจะกลับไปตัดสินใจในการเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายยอมรับ แต่ถ้าช้าไปตนไม่ทราบ เพราะว่าความรุนแรงหรืออารมณ์ต่างๆจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อถามย้ำว่า เลือกตั้งใหม่พรรคพลังประชาชนชนะทางพันธมิตรฯก็ยังชุมุนมต่อแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งที่แล้วพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้อยู่และนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พันธมิตรฯก็ไม่ได้ชุมนุมเพราะฉะนั้นถ้าคิดอย่างนี้แล้วขอถามว่าถ้านายกฯอยู่ต่อพันธมิตรฯจะเลิกชุมนุมหรือไม่ ซึ่งมันไม่ใช่เหตุผล แต่เหตุผลคือเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ประเทศ วันนี้ประเทศมีความขัดแย้ง ตามกระบวนการประชาธิปไตย วิธีที่ง่ายที่สุดคือกลับไปให้ประชาชนตัดสินใจใหม่เท่านั้นเอง เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปคุยกับแกนนำพันธมิตรฯเพื่อให้มีการยุบสภาและยุติการชุมนุมไปก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อำนาจการยุบสภาเป็นของนายกฯ
เมื่อถามว่า มองการพบกันระหว่างนายกฯ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชากาทหารบก (ผบ.ทบ.) ในงานซ้อมริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพี่นางฯอย่างไร ที่อยู่ๆนายกฯลุกจากเก้าอี้เพื่อไปนั่งใกล้ๆ ผบ.ทบ. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาคงอยากคุยกันไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า กรณีทีนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเกิดการนองเลือด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายเสนาะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ น่าจะบอกกกับนายกฯและแสดงท่าที่จุดยืนของพรรคประชาราชเหมือนกันว่าจะปล่อยให้สภาพบ้านเมืองลุกลามไปถึงจุดนั้นหรือไม่