ผู้จัดการออนไลน์ – คอลัมนิสต์ไทยรัฐ “ลมเปลี่ยนทิศ” โวย คนพลังประชาชนแย่งเก้าอี้ รมว.คมนาคม เพราะหวังฟันเมกะโปรเจกต์ 7-8 แสนล้าน ปูดรถเมล์เอ็นจีวี ซื้อจริงแค่ 3.24 ล้านบาท แต่ รบ.สมัคร ตั้งราคากลางสูงถึง 16-18 ล้านบาท ชี้ งานนี้มีคนยักยอกภาษีประชาชนเข้ากระเป๋า 2.5 หมื่นล้านบาท
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีสมัย นายสมัคร สุนทรเวช ได้อนุมัติโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศเอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามข้อเสนอของคณะรัฐมนตรีกลั่นกรองคณะพิเศษ ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเห็นชอบให้ ขสมก.เช่ารถเมล์ปรับอากาศจำนวน 4,000 คัน เป็นเวลา 10 ปี และลดวงเงินโครงการเหลือ 62,598 ล้านบาท จากมติเดิมกำหนดจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 6,000 คัน อัตราค่าเช่า 5,100 บาทต่อวันต่อคัน เป็นเวลา 10 ปี วงเงิน 111,690 ล้านบาท
วันนี้ (24 ก.ย.) คอลัมน์หมายเหตุประเทศไทย โดย ลมเปลี่ยนทิศ ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้เขียนบทความเรื่อง “ทำไมแย่งเก้าอี้คมนาคม” (อ่านบทความฉบับเต็มจากเว็บไซต์ไทยรัฐ) โดยระบุถึงข่าวการแก่งแย่งกันเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของคนในพรรคพลังประชาชนว่า มีสาเหตุอันเนื่องมาจากเมื่อประเมินดูแลงบลงทุนของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงคมนาคมมีมูลค่ามากถึง 7-8 แสนล้านบาทด้วยกัน
ทั้งนี้ “ลมเปลี่ยนทิศ” ได้ยกตัวอย่าง โครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี 4,000 คัน มูลค่า 62,598 ล้านบาท ว่า เป็นโครงการที่ถือว่ามีความฉ้อฉล และมีการคิดค่าเช่าที่แพงเกินจริงถึงคันละ 18.36 ล้านบาท ในระยะเวลาการเช่า 10 ปี และแม้ค่าเช่าดังกล่าวจะรวมเอาค่าซ่อม ค่าอู่ ค่าระบบเก็บตั๋วโดยสารอัตโนมัติ และระบบจีพีเอส เข้าไปด้วยก็ยังถือว่าแพงมาก
“ในทางบัญชีการหักค่าเสื่อมรถยนต์ ถ้าผมจำไม่ผิด เขาให้แค่ 5 ปี ครบ 5 ปี เมื่อไร รถเมล์คันที่เช่ามา ก็จะเหลือมูลค่าจริงเท่ากับศูนย์ทันที เรียกว่า เหลือแต่ซาก ไม่มีมูลค่าทางบัญชีอีกต่อไป แต่โครงการนี้กลับเอาซากรถเมล์ที่มีมูลค่าเหลือศูนย์ เอาไปให้ ขสมก.เช่าต่อไปอีก 5 ปี ในราคาค่าเช่าเดิมเหมือนตอนที่เป็นรถเมล์ใหม่” ลมเปลี่ยนทิศ ระบุ
นอกจากนี้ คอลัมน์หมายเหตุประเทศไทย ยังเปิดเผยด้วยว่า จริงๆ แล้ว นายธวัชชัย เผ่าเหลืองทอง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.และปัจจุบันประกอบธุรกิจขนส่ง ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่ารถเมล์ปรับอากาศรุ่นเดียวกับที่ ครม.สมัคร อนุมัติ นั้นจริงๆ แล้ว หากซื้อโดยใช้เงินสดจะมีราคาเพียงคันละ 2.8 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนถ้าซื้อผ่อนหรือเช่าซื้อเป็นเวลา 4 ปี หรือ 48 เดือน ก็จะมีราคาเพียงคันละ 3.24 ล้านบาทเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ “ลมเปลี่ยนทิศ” จึงกล่าวว่า การประมูลเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี 4,000 คัน ของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่ระบุว่า มีราคากลางที่ 16-18 ล้านบาท เอาเข้าจริง หากเช่าซื้อ 4 ปีก็จะมีราคาเพียงคันละ 3.8 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ส่วนต่างของราคาจริงและกำไรส่วนเกินของผู้ประมูลโครงการนี้นั้นอาจสูงถึง 20,000-25,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
