“สมเกียรติ” เชื่อ อสส.กุลีกุจอส่งฟ้องยุบพรรค เหตุกลัวติดคุก หลัง “วีระ” ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. ชื่นชม “เปลว สีเงิน-กาแฟดำ” วิจารณ์พันธมิตรฯ อย่างเข้าใจ ยอมรับพันธมิตรฯ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถูกวิจารณ์ได้ แต่ติงสื่อบางฉบับอ้างคำ “สมัคร” ด่าพันธมิตรฯ แบบผิดๆ แถมอ้างคำพูดทั้งที่ไม่เคยให้สัมภาษณ์ จวกนักการเมืองแห่งสุพรรณฯ สติแตกคดียุบพรรค-กลัวลูกไม่ได้เป็น รมต. พร้อมแฉพฤติกรรมฉาวยุคพฤษภาทมิฬ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เมื่อเวลา 23.57 น.วันที่ 23 ก.ย. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวว่า ในช่วงนี้มีข่าวสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ วันที่ 25 ก.ย.นี้ ศาลอุทธรณ์จะอ่านคำพิพากษาคดีที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี หมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ และวันนี้อัยการสูงสูดได้แถลงข่าวว่าจะส่งคดียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา หลังจากที่เมื่อวันก่อนนายวีระ สมความคิด ได้ไปยื่นให้ ป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนเอาผิดอัยการสูงสุดที่เหนี่ยวรั้งไม่ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ และอาจจะติดคุกแบบอดีต กกต.ยุค 3 หนา
นายสมเกียรติ กล่าวว่า คดียุบพรรคถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าบ้านเมืองไม่โชคร้ายจนเกินไป จะมีนักการเมืองถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากเดิม 111 คน เพิ่มอีก 129 คน รวมเป็น 240 คน ทั้งนี้เมื่อย้อนไปดูถึงการส่งคดียุบพรรคไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ สมัยที่พรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ถูก กกต.เสนอให้ยุบพรรคเมื่อปี 2549 นั้น ในกรณีพรรคไทยรักไทย กกต.ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.49 หลังจากนั้นอัยการสูงสุดได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค.49 เท่ากับใช้เวลา 36 วันในการพิจารณา
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น กกต.เสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุด ลงวันที่ 26 มิ.ย.49 เมื่อไปถึงอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 ก.ค.49 เท่ากับว่าใช้เวลาเพียง 9 วัน และยื่นฟ้องก่อนพรรคไทยรักไทยที่ส่งเรื่องไปก่อน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า เอกสารการเสนอยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็มีถึงพันกว่าหน้า มากกว่าเอกสารการยุบพรรคที่ กกต.ยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณายื่นฟ้องขณะนี้ อัยการสูงสุดยังใช้เวลาเพียง 9 วัน แต่ขณะนี้ อัยการสูงสุดปล่อยเวลาผ่านมานานมาก พอมีคนไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.จึงรีบแถลงจะยื่นฟ้องเลย โดยฟ้องวันเดียวกันกับที่ศาลอุทธรณ์จะอ่านคำพิพากษาคดีนายสมัคร
นายสมเกียรติ ได้พูดถึงสื่อมวลชนว่า มีทั้งสื่อที่ให้กำลังใจพันธมิตรฯ บางฉบับก็ท้วงท้วงติงอย่างน่ารับฟัง แต่บางสื่อก็ต้องการให้พันธมิตรฯ แพ้ อย่างสื่อฉบับหนึ่งที่บอกว่าพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นพวกอันธพาลทางการเมือง โดยอ้างคำพูดของนายสมัคร สุนทรเวช ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วนายสมัครไม่เคยพูดถึงพันธมิตรฯ ว่าเป็นอันธพาลทางการเมือง แต่นายสมัครพูดแค่ว่าเป็นแก๊งข้างถนนเท่านั้น
นอกจากนี้ ในบทความเดียวกันยังได้ระบุความตอนท้ายสุดว่า ในที่สุดพันธมิตรฯ จะกลับบ้านโดยไม่ได้อะไรเลย ก็ต้องขอบคุณสื่อฉบับนี้ที่กรุณาวิจารณ์ว่าเราจะไม่ได้อะไรเลย แต่อย่างน้อยๆ เราจะมีมือตบที่ทรงพลังถือกลับบ้าน
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ข้อวิจารณ์เหล่านี้ถือว่าเล็กน้อย สามารถโต้แย้งได้ เพราะพันธมิตรฯ ไม่ใช่วิเศษมาจากไหนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่สื่อก็ไม่ใช้ผู้วิเศษที่จะวิจารณ์ไม่ได้เช่นกัน แต่เราจะใช้เหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ในการวิพากษ์วิจารณ์สื่อ เพราะเราถือว่าสื่อก็ทำประโยชน์ให้สังคมเช่นกัน
ต่อมา นายสมเกียรติ กล่าวถึงคอลัมน์ “คนปลายซอย” ของนายวิโรจน์ งามแม้น หรือ “เปลว สีเงิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ว่า ล่าสุดได้วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ว่าชุดไหนก็ตามล้วนเป็น “ทรราชทาสแม้ว” ซึ่งแม้ “เปลว สีเงิน” จะวิจารณ์พันธมิตรฯ บ้างในบางครั้ง แต่ก็ได้เห็นนำใสใจจริงที่ต้องการให้ขบวนการประชาชนได้รับการปรุงแต่งให้สมเหตุผล อะไรเกินเลยก็ท้วงติงกันมา จึงขอได้รับความขอบคุณมาในโอกาสนี้
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่าในช่วง 6-7 วันมานี้ อ่านบทความของเปลว สีเงิน แล้วมีความสุข วันก่อนแม้จะติติงเรา แต่พอถึงคราวจะฟันธงจริงๆ โดยเฉพาะหลังจากนายสมัครสร้างสถานการณ์เพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อจะให้ทหารมาสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ แถมขู่จะลงโทษ ผบ.ทบ.ที่ไม่ทำตามว่าเป็นบกฏ แต่สุดท้ายเมื่อ ผบ.ทบ.และแม่ทัพภาคที่ 1 ไม่ทำตาม ก็เรียกประชุม ครม.และจะให้ลงประชามติ เปลว สีเงิน ก็เลยเขียนบทความว่า ต่อไปนี้ยุบสภาก็ไม่ต้องเอา ลงประชามติก็ไม่ต้องเอา ให้ถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณไปเลย
ต่อมา นายสมเกียรติ ได้กล่าวถึง “กาแฟดำ” หรือ สุทธิชัย หยุ่น ว่า ได้เขียนถึงพันธมิตรฯ อย่างเข้าใจว่า ไม่แปลกใจที่ชาวบ้านมองรัฐมนตรีบางคนว่าไม่ต่างจากโจรสลัด ที่ตั้งหน้าตั้งตาเข้ามาปล้นบ้านปล้นเมือง ดูหน้าตา ครม.รัฐบาลสมชายก็ยังคงขี้เหร่เหมือนเดิม ไม่แปลกใจที่ชาวบ้านจะเรียกหาการเมืองใหม่ เพราะเอือมระอาเหลือเกินแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณกาแฟดำ ที่แม้จะเขียนติงเราบ้าง แต่เนื้อหาได้สะท้อนน้ำใสใจจริงว่าต้องการช่วยพวกเรา แต่เราต่อสู้มา 100 กว่าวัน ก็ย่อมเหน็ดเหนื่อย และอาจมีผิดพลาดหรือเกินเลยไปบ้าง
นายสมเกียรติ ยืนยันว่า กรณีที่มีสื่อบางฉบับลงว่าตนได้กล่าวถึงนายแพทย์ประเวศ วะสีนั้น ตนไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือพูดถึงนายแพทย์ประเวศ ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียนให้ท่านทราบแล้ว รวมถึง ศ.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ซึ่งมีสื่อบางฉบับลงไปว่านายสมเกียรติกล่าวว่า ทั้งๆ ที่นายสมเกียรติหุบปาก
เราเดินทางมาไกล สื่อมาติติงเราไม่ว่า การต่อสู้ของภาคประชนชนในหลายประเทศไม่ใช่แค่สู้กับทรราชเท่านั้น แต่สู้กับสื่อที่บิดเบือนและสื่อทรราชด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเขียนบทความในหนังสือพิมพ์มา 20 กว่าปี รวมจำนวนกว่า 800 ชิ้น มีความเข้าใจในการการทำหน้าที่สื่ออย่างดี หวังว่าที่ตนพูดอย่างนี้คงเข้าใจ
นายสมเกียรติย้ำว่า การยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งขณะนี้ทั้ง 3 พรรคเตรียมม้วนเสื่อกลับบ้าน หลังจากอัยการสูงสุดประกาศว่าวันนี้จะยื่นฟ้องยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย วันพรุ่งนี้ฟ้องยุบพรรคชาติไทย มะรืนนี้ตรวจสำนวนสุดท้ายยุบพรรคพลังประชาชน
หลังจากนั้น นายสมเกียรติกล่าวถึงนักการเมืองระดับ ฯพณฯ จากจังหวัดสุพรรณบุรี ที่กล่าวหาพรรคฝ่ายค้านที่เข้าประชุมสภาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.และได้เสนอชื่อหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านขึ้นเป็นนายกฯ ว่า เป็นการวิ่งราว ลักไก่ และหวานคอแร้ง โดยนายสมเกียรติกล่าวว่า การประชุมสภาวันนั้นมีวาระของการเสนอชื่อนายกฯ อยู่แล้ว แต่พรรครัฐบาลไม่เข้าประชุมเอง พอพรรคฝ่ายค้านเสนอชื่อหัวหน้าพรรค และกำลังจะลงมติ ก็รีบเสนอปิดประชุมเพราะองค์ประชุมไม่ครบ แต่ที่นักการเมืองผู้นั้นกล่าวหาพรรคฝ่ายค้าน ก็เพราะตัวเองเกิดอาการสติแตกจากคดียุบพรรคและจะดันลูกชายให้เป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเรามักเห็นหัวหน้าพรรคคนนี้ไปประชุมข้าราชการกับรัฐมนตรีเกษตรฯ ด้วย ถ้าลูกชายเขาได้เป็นรัฐมนตรีคมนาคม น่าจะสร้างสะพานเชื่อม 2 กระทรวง เขาจะได้ไปร่วมประชุมได้ง่าย
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า บ้านเมืองเราแย่ เพราะพรรคการเมืองทำตัวเป็นพรรคมาร พรรคการเมืองดีๆ ต้องอยู่รวมกลุ่มกับเขาด้วย หลังจากนั้นนายสมเกียรติได้อ่านเอกสารบันทึกพฤษภาคม 2535 ซึ่งเป็นการต่อสู้เพื่อล้มรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร โดยสมาพันธ์ประชาธิปไตยที่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมืองเป็นผู้นำ รวมถึงนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่นำขบวนการแรงงานเข้าร่วมต่อสู้ด้วย บันทึกเหตุการณ์บางตอนระบุว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง ทหารได้ตั้งพรรคสามัคคีธรรมขึ้นมา และมีครูประถมกลุ่มหนึ่งเอาดอกไม้ไปมอบให้ ท่ามกลางเสียงก่นด่าว่าสยบยอมต่อเด็จการ ซึ่งครูเหล่านั้นก็ไม่สนใจและมาอยู่ใน นปก.ทุกวันนี้ หลังจากนั้นก็มีกระแสเรียกหานายกฯ คนนอก เพื่อเอา พล.อ.สุจินดามาเป็นนายก ท่ามกลางเสียงประท้วงของคนทั้งประเทศ
เมื่อเสียงเรียกร้องหานายกฯ คนนอกกระหึ่ม นายบรรหาร ศิลปอาชา ก็แสดงท่าทีออกหน้าออกตา เชิญแกนนำ 5 พรรคการเมืองไปหารือที่บ้านจรัญสนิทวงศ์ แล้วเสนอชื่อ พล.อ.สุจินดาเป็นนายก อย่างไรก็ตาม หลังจากนายบรรหารเสนอเสร็จ ก็มีการเปิดโปงเรื่องผลประโยชน์เฉพาะตัวนายบรรหาร ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าพรรคมวลชน ที่ลี้ภัยรัฐประหารไปอยู่เยอรมันขอกลับประเทศ มาลงเลือกตั้ง ได้พบนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคสามัคคีธรรม เผยว่า มีข้อมูลผู้จัดการรัฐบาลชุดนี้ ได้รับเช็กของขวัญ 256 ล้าน นำเข้าบัญชีนักธุรกิจที่จะถูกฟ้องล้มละลายจากธนาคารกรุงเทพฯ สาขาสวนสยาม บางโพ บางซ่อน ซึ่งคนๆ นี้ไม่ได้ถูกยึดทรัพย์ ซึ่งคนๆ นี้ หมายถึงคนที่เราพูดถึงเมื่อสักครู่นี้ และไม่อยากจะพูดถึงอีก เพราะถึงอย่างไรก็จะถูกยุบพรรคอยู่แล้ว
“มาหาว่าเราหวานคอแร้ง ทั้งที่เราพวกขมจะตายอยู่แล้ว แต่พวกมันหวานคอแร้ง มันกินแม้กระทั่งรถเมล์ มันกินแม้กระทั่งรัฐสภา กินเมกะโปรเจกต์”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องการเมืองใหม่ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอยู่พรรคหนึ่ง หากเข้าไปร่วมด้วยกลัวพันธมิตรฯ จะเสียหาย แต่ใจยังอยู่กับประชาชนเกินร้อย อย่างไรก็ตาม โดยมารยาท ตั้งแต่เคลื่อนไหวมา 100 กว่าวัน จึงไม่เคยไปแถลงข่าวเลย แต่ก็มีสื่อบางฉบับไปลงว่านายสมเกียรติกล่าวว่า ทั้งที่ไม่เคยกล่าวเลย
อย่างไรก็ตาม วันนี้การเมืองใหม่เหมือนว่าวติดลมแล้ว แม้สายขาดก็ลอยไปสู่สวรรค์ สถานีโทรทัศน์ใด เว็บไซต์ใด หนังสือพิมพ์ฉบับใด กล่าวหาพันธมิตรฯ ไปในทางเลวร้าย มันไม่จริง กระแสขณะนี้เป็นกระแสของธรรมะ กระแสของประชาธิปไตยคุณธรรม ไม่ใช่ประชาธิปไตยอธรรมโกงการเลือกตั้งมา
นาสมเกียรติ กล่าวว่า นับแต่นี้ไป ตนจะเสนอภาพของคนจนในฐานะ ผู้ตั้งสมัชชาเกษตรรายย่อย สมัชชาคนจน และเป็นที่ปรึกษาสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และจะพูดถึงคนจนให้มากขึ้น เพื่ออธิบายว่าทำไมต้องปฏิรูปการเมือง ทำไมต้องมีการเมืองใหม่ เพื่อคนยากไร้ หลังจากที่พูดเพื่อคนชั้นกลางและผู้ใช้แรงงานมามากแล้ว จะขอพูดถึงเกษตรกรบ้าง
“การเมืองของทรราชทาสแม้วที่เปลว สีเงินพูดไว้ ใกล้จะจบลงแล้ว วันที่ 25 นี้ศาลอุทธรณ์กรณีของสุนัขจิ้งจอกหอกหัก วันที่ 21 ต.ค. จำคุกหรือไม่จำคุกทักษิณ-พจมาน อีกประมาณ 30 กว่าวันหลังจากนั้น จะทำพิธีกรรมยุบพรรคการเมืองพรรคที่ 1 พรรคที่ 2 พรรคที่ 3 บ้านเมืองจะดีขึ้นครับพี่น้อง”
นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า หวังว่าพี่น้องประชาชนคงเข้าใจพันธมิตรฯ 100 กว่าวันอาจจะมีพลั้งพลาดไปบ้าง ผิดไปบ้าง เกินเลยไปบ้าง การ์ดเราทำอย่างโน้นอย่างนี้ 5 แกนนำพูดไม่สุภาพ คนของเราพูดไม่เหมาะสม ขอให้อภัยให้เรา เพราะว่าใจเราไม่เป็นเช่นนั้น ใจเราบริสุทธิ์เพื่อชาติประชาชนและพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเรา บางทีก็พูดกระทบกระทั่งบริษัทประกันชีวิตบ้าง บางทีก็พูดกระทบหนังสือพิมพ์บ้าง โทรทัศน์บ้าง ก็ด้วยวิสัยของการต่อสู้กัน โปรดอภัยให้เราด้วย ใจเราบริสุทธิ์เพื่อชาติ ประชาชน และสถาบันหลักของเราจริงๆ