ปชป.เสนอ 5 กรอบการจัดตั้ง ครม. แนะ “สมชาย” ปลดแอกนายทุน-ซากศพ 111 ทรท. ตอกกลับ “เจ๊หน่อย” ป้ายสีเอี่ยวผลประโยชน์กับพันธมิตรฯ ยินดีรับข้อกล่าวหาเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ
วันนี้ (21 ก.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลใช้โอกาสในการตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อสร้างศรัทธากลับคืนสู่สังคมไทยและสังคมโลก ซึ่งการจะให้การเมืองและเศรษฐกิจเดินหน้าได้นั้น นายกรัฐมนตรีต้องส่งสัญญาณอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความช่วยเหลือในการฟื้นคืนความเชื่อมั่น แต่เรารู้สึกเสียดายที่จุดทดสอบสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะให้ความมั่นใจต่อประชาชนในการปกป้องกระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์แล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสถาบันตุลาการก็รู้สึกผิดหวัง นายกฯ จึงสอบตกในเรื่องนี้
นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า ขอเสนอหลักในการแต่งตั้งบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล 5 ข้อ คือ 1.กระทรวงที่มีบทบาทในเรื่องการฟื้นความเชื่อมั่นก็คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้คนนอกเข้ามา ครม.จะได้ไม่ขี้เหร่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชน 2.รัฐมนตรีเดิมที่มีปัญหาติดคดีหวยบนดิน เขาพระวิหาร หรือการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่มีปัญหา อยากเรียกร้องว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ควรมารับตำแหน่งอีก 3.การเป็นรัฐมนตรีเพียงเพราะเป็นคู่สมรส ญาติพี่น้องของคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งในสังคมโลกไม่ยอมรับเท่าไหร่ ควรที่จะเสียสละไม่ตำแหน่ง 4.รัฐมนตรีที่เข้ามาเพราะเป็นนายทุนพรรค ซึ่งข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเป็นข้อหาที่รุนแรง ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ควรรับตำแหน่ง 5.บุคคลที่เคยเป็นหรือจะมาเป็นรัฐมนตรีที่มีส่วนในการนำ นปช.มาสร้างความรุนแรง ไม่ควรปูนบำเหน็จให้แก่คนเหล่านั้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีความรับผิดชอบสูงสุดในการปลดชนวนความขัดแย้งซึ่งจะมีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะล้มเหลวหากยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรคและทำให้คดี พ.ต.ท.ทักษิณตกไป น่าเป็นห่วงก็คือ นายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของสภาฯ นอกจากนั้นยังมีกระบวนการนิรโทษกรรม และการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง และใช้มวลชนมาชนมวลชน เรื่องเหล่านี้นายกรัฐมนตรีจะไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การเจรจาจะลุล่วงไม่ได้ถ้ามีคนใกล้ชิดกับรัฐบาลหรือกับ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาบิดเบือน เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ และพันธมิตรฯ เป็นพวกเดียวกันได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ชี้ให้เห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์แม้เวลาผ่านไป แนวทางการเมืองก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์พูดมาหมายความว่าการเป็นพวกเดียวกับพันธมิตรฯ เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณที่ทำลายชาติบ้านเมือง เราก็ยินดีจะเป็นพวกเดียวกัน แต่อย่าใส่ร้ายว่ามีส่วนรู้เห็นมีผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะเป็นการทำลายการเมืองภาคประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณที่ยังมาใช้การเมืองแบบเก่า ไม่ทราบว่าความพยายามทั้งหมดเพื่อเป็นการกลบเกลื่อนหลักฐานที่ปรากฏว่าบุคคลใน ครม.ชุดที่แล้วระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการที่จะดำรงตำแหน่งอีกใน ครม.ชุดใหม่มีส่วนจ้างวานมวลชนเข้ามาใช้ความรุนแรงเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีการสูญเสียชีวิตของคนไทยด้วยกัน” นพ.บุรณัชย์ กล่าว