xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯชุมนุมต่อปกป้องรธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – พันธมิตรฯออกแถลงการณ์ ประกาศจุดยืนชุมนุมต่อ หลังสมัครหมดความชอบธรรมแล้ว แสดงจุดยืนเร่งสะสางปัญหา เผยรู้เกมทักษิณดึงสนั่นตั้งพรรคใหม่หวังสกัด การเมืองใหม่ ด้าน 7 องค์กรพุทธศาสนาแถลงขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง
          เมื่อเวลา 21.30น. วานนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ฐานกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 กรณีเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยงหกโมงเช้า”
โดยเนื้อหาระบุว่า แถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่องชุมนุมต่อเนื่องหลังนายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี
ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อเวลา 15.30 น.วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ.2551 ว่า นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กรณีการจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์ และรับผลตอบแทนในการจัดรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกโขยง 6 โมงเช้า โดยได้รับผลตอบแทน คำนึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตนไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นผลให้ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงประชุมและแถลงจุดยืนดังต่อไปนี้
1.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่า นายสมัคร สุนทรเวช ได้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือเป็นหลักฐานการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซ้ำซาก ภายหลังจากที่ได้กระทำผิดรัฐธรรมนูญในกรณีมติคณะรัฐมนตรีในการลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาขี้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีอำนาจตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2551
การกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของชาติ ที่ได้ผ่านประชามติของคนส่วนใหญ่ในประเทศกว่า 14 ล้าน 7 แสนคน จึงย่อมเป็นเครื่องยืนยันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง ว่า นายสมัคร สุนทรเวช และคณะรัฐบาลหุ่นเชิด ไม่เคารพต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปนานแล้ว
2.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงธำรงความมุ่งหมายเดิมในภารกิจศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญเพื่อมิให้นำมาแก้ไขใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกความผิดของตัวเองและพวกพ้องทั้งในการทุจริตคอร์รัปชัน และการโกงการเลือกตั้ง โค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด ตลอดจนสร้างการเมืองใหม่ให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
          บัดนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาให้ นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงถือว่าคำพิพากษาดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่พิสูจน์ความชอบธรรมในการชุมนุม เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่กระทำผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ดังนั้น ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ต่อการใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญในทำเนียบรัฐบาลยังไม่สิ้นสุด และต้องดำเนินการต่อไป
3.เพื่อคลี่คลายวิกฤตที่สุดในโลก และมิให้ประเทศชาติล่มจมต่อไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเตือนต่อสภาผู้แทนราษฎรให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ และปกป้องมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ อย่าได้นำเสนอชื่อบุคคลใดก็ตามที่มีประวัติด่างพร้อย กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตระบัดสัตย์ต่อมวลมหาชน แสดงพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดเพื่อช่วยเหลือ หรือปกป้องผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายในระบอบทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีอีกเป็นอันขาด
4.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประณามการมีมติของพรรคพลังประชาชนที่จะสนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ได้กระทำความผิดต่อรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นกลุ่มนักการเมืองที่ไร้ซึ่งจริยธรรมและหมดความชอบธรรมในการที่จะปกครองประเทศต่อไป และถือว่า นักการเมืองเหล่านี้คือผู้ที่จงใจเลือกที่จะสร้างเงื่อนไขให้วิกฤตในบ้านเมืองยังดำรงอยู่ต่อไป
นอกจากนั้น เราถือว่าบุคคลที่อยู่ในพรรคพลังประชาชนหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป เพราะกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้ยุบพรรคอยู่ในขณะนี้
5.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองของผู้ที่ปรารถนาดีต่อประเทศชาติจากทุกฝ่าย ให้เข้ามาคลี่คลายวิกฤตของชาติ ดังนี้
5.1 แสดงจุดยืนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มิให้นำมาแก้ไขเพื่อฟอกความผิดที่กระทำสำเร็จไปแล้วให้กับตัวเองและพวกพ้อง มิให้นำมาแก้ไขเพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง มิให้นำมาแก้ไขเพื่อลดพระราชอำนาจ หรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5.2 แสดงจุดยืนเพื่อสะสางปัญหาความเลวร้ายของระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติด้วยกระบวนการยุติธรรมและความจริงใจดังนี้
5.2.1 เร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชันให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ
5.2.2 เร่งรัดยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภรรยา
         
          5.2.3 เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัวผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยทันที
5.2.4 ประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหาร และพื้นทีโดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยจนถึงที่สุด
5.2.5 เร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐและอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่คุกคามทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม
5.2.6 เร่งรัดดำเนินคดีความนายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมดโดยเร็ว
5.2.7 ยุติการใช้สื่อของรัฐในการโฆษณาชวนเชื่อ และโกหกหลอกลวงประชาชนโดยทันที และพร้อมเข้ามาปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง
5.2.8 ประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัว และไม่โปร่งใสที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที
5.2.9 ยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 และใช้การปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทนเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติ และนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.
5.3 แสดงจุดยืนพร้อมให้ความร่วมมือในการสร้างการเมืองใหม่ เพื่อให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ และเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในทุกภาคส่วนให้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น
***ไม่เอาพปช.ทุกคน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เราเคยพูดเรื่องอนิจจัง วันนี้เห็นหรือยัง วานนี้เป็นนายก วันนี้ไม่ใช่แล้ว ไม่ต้องใช้เวลาพิสูจน์นานเลย หลักพุทธศาสนามีนานแล้ว ไม่เข็ดทำเวรกรรมซ้ำอีก ถ้าสภาเลือกมาอีกครั้ง แสดงว่ายังไม่เข้าใจคำว่าอนิจจัง ในที่สุดต้องพินาจฉิบหายไปอีกครั้ง
คุณประพันธ์เคยพูดว่า ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ไทย ที่มีการเมืองชั่วร้ายเลวทรามบัดซบเท่าครั้งนี้ครับ เรามีพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มาจาการโกงการเลือกตั้ง ศาลฎีกาแผนคดีอาญาเป็นคนตัดสินว่านายยงยุทธ โกงการเลือกตั้ง กกต.สรุปแล้วเสนอให้ยุบพรรคพปช. เป็นพรรคที่มีอำนาจจากการโกงการเลือกตั้ง
เมื่อชาติบ้านเมือง มีศาลรธน.เป็นตัวกำหนด กติกา ทำได้ไม่ได้ เมื่อมีความผิดแล้วยังไม่ยอมรับความผิด เราจะยอมรับได้ไงว่านี่คือรัฐบาลที่ถูกต้อง นี่คือรัฐบาลเถื่อน เพราะฉะนั้นผู้บัญชาการต่างๆ ปลัดกระทรวงทุกคน ต้องไม่ยอมรับคำสั่งของรัฐบาลชุดนี้เด็ดขาด
“มีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่บอกว่า อีตาสมัครเมื่อไรจะไปซักที พันธมิตรฯน่าเบื่อหน่าย นี่คือพวกกลางแต่กลางกลวง พี่น้องเจอบ่อยใช่ไหม ถ้าใครกลางกลวงช่วยเคาะกระโหลกถามหน่อยว่าไม่ชอบพันธมิตรฯตรงไหน เราเรียกความถูกต้องกลับคืนสู่สังคมคุณไม่ชอบหรือให้มีความถูกต้อง เราต่อสู้เพื่อความให้ยึดถือคุณงามความดี ต่อสู่ไม่ให้มีการฉ้อราษฏร์บังหลวง ต่อสู้ไม่ให้มีการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณไม่ต้องการหรือ ถ้าเขาเห็นด้วยทุกข้อ แล้วถามว่าไม่ชอบเราตรงไหน ไอ้พวกกลางกลวงนี่น่ากลัวที่สุด พวกไม่เห็นด้วยคนละฝั่งกับเราเรายังเข้าใจได้”
นี่คือความน่ากลัวของสังคมไทย รากหญ้ายังไม่น่ากลัวเลยเพราะเขาไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง นี่คือปัญหาของสังคมไทย ของความเป็นอวิชชาที่เราต้องสู้ต่อไป
การที่นายสมัครไม่อยู่หรือพรรคพลังประชาชนเสนอใครในพปช.ขึ้นมาเราก็ไม่เอา เอาไม่ได้พี่น้อง ถ้าเราเอาแสดงว่าเราทรยศต่อจิตวิญญาณของเรา แสดงว่าพอนายสมัครไป ไม่เสนอนายสมัครมา เราเก็บข้าวของกลับบ้าน ผมบอกว่าเรามาไกลเกินกว่าที่จะถอยอีกต่อไปแล้ว ชัยชนะเริ่มเห็นแล้วตั้งแต่สมัครออก วันนี้ไม่มีซ้าย ไม่มีขวาจัด ไม่มีซ้ายอกหัก ขวาอกหักไม่มีคอมมิวนิสต์ ไม่มีขบวนการอนุรักษ์นิยม มีแต่ถูกกับผิด ดีกับชั่ว ไม่มีซ้ายไม่มีขวา ถูกก็ถูก ผิดก็ผิด ดีก็ดี ชั่วก็ชั่ว
“พอเราสู้ให้ชาติบ้านเมือง เรื่องอื่นเล็กแล้วในชีวิต ไม่ไม่สำคัญแล้ว ขอให้ชาติอยู่รอด เราต้องรู้ว่าชาติคืออะไร ลึกๆแล้วชาติคือประชาชนและพระมหากษัตริย์เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
วันนี้เอเชียไทม์ออนไลน์ มีคนดู 5 แสนคนทั่วโลก มาสัมภาษณ์ผม คือนายจอห์น คริสปิ้น เขาถามผมว่าคุณสนธิต้องการอะไร ผมก็บอกว่า ผมต้องการสันติสุขในดินแดนไทย ผู้คนกินดีอยู่ดี ไม่รังแกใคร ขนมเค้กชิ้นหนึ่งคือผลประโยชน์ของชาติ แบ่งเท่าเทียมกัน ไม่ใช่นักการเมืองเอาไป 90% ที่เหลือประชาชนแบ่งกัน ผมต้องการให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ ที่ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน ไม่มีใครมาล้มล้างขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี วัฒนธรรมที่มีแต่บรรพบุรุษถึงวันนี้ แค่นี้พวกคุณไม่เข้าใจหรือ คุณอย่าคิดว่าประชาธิปไตยคือการเดินเข้าร้านแมคโดนัลด์แล้วซื้อมาอันหนึ่ง มาเปิดร้านแมคโดนัลด์ในที่อื่นๆ
**เผยสนั่นรับงานใหญ่ทักษิณ
ถ้าเขาเสนอคุณสมัคร แล้วสมัครอยากเป็นนายกรัฐมนตรีอีก แสดงว่าโครงการเมกกะโปรเจ็คต์ยังไม่เสร็จ แต่ผมรู้เกมการเมืองของทักษิณ ตอนนี้พลตรีสนั่น กำลังไปรับงานทักษิณอยู่ วิธีรับงานคือ ถ้ามีการยุบสภา พลตรีสนั่นจะแยกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ทักษิณจะสนับสนุน โดยดึงสส.พปช.บางส่วนให้มาอยู่กับสนั่น ให้มีซัก 50-60 เสียงเพื่อเอามารวมกับพรรคประชาธิปัตย์ และให้ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ นี่คือวิธีการยันเอาไว้ เพื่อให้พวกเราสลายตัว เพราะว่าทักษิณโยกย้ายเทนักการเมืองง่าย เพียงแค่ 30 เสียงอยู่นั่นเอาเงินไป อยู่นี่เอาเงินไป แล้วพรรคการเมืองใหม่ยอมเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไล่คนพวกนี้กลับบ้านให้หมด ทักษิณมองว่าย้ายคนง่าย ของเราเรียกคนยาก
ทุกวันนี้พวกเราคือกระดูกชิ้นใหญ่ขวางขอเขา ทำอะไรไม่ได้ สมัครเป็นนอมินีชัดเจน เพียงแต่สมัครบ้าระห่ำดีเดือด ถ่อยในตัวเราก็เลยเกลียดสมัคร มากที่สุด แต่เราหารู้ไหมว่า เบื้องหลังสมัครคือ ทักษิณเหมือนเดิม คอยดู วันนี้สนั่นเปิดบ้านสนามบินน้ำ เริ่มมีคนพลุกพล่านแล้ กำลังทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรัฐบาลแล้ว เพื่อดึงความสนใจออกจากพปช. ที่ไม่เกิน 60 วันถูกยุบ
เมื่อพปช.ถูกยุบสนั่นก็จะเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ พปช.ส่วนหนึ่งย้ายไปอยู่เพื่อวางเกมการเมืองใหม่ เขากลัวการเมืองใหม่ เพราะคือใบหนาดกันผี ถ้าเกิดขึ้นจริง พวกผีเปรตพวกนี้ จะไม่มีโอกาสเข้ามาเล่นการเมืองสูบเลือดสูบเนื้อได้อีกต่อไป จึงต้องสร้างภาพให้เห็น เอาปชป. เป็นแกนนำ แล้วบอกว่า ปชป. เป็นรัฐบาลแล้วนะ พักรบชั่วคราว เพื่อไม่ให้การเมืองใหม่ขยับได้ มีคนน้อยคนที่รู้เรื่องนี้นอกจากนักศึกษา มหาวิทยาลัยลัยราชดำเนินเท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้
“วันนี้อย่าไปสนใจเรื่องสมัคร สมัครเป็นหมากตัวหนึ่งที่ถูกวางเอาไว้ ถ้าสมัครถูกเสนอกลับมาอีก แสดงว่าพปช.เอาส้นเท้าเหยียบหน้าคนไทยทั้งหมดเลย เราต้องไม่ยอมไม่ใช่เพียงแค่สมัครคนเดียว หมายความว่า ทั้งพรรคพลังประชาชน เราต้องไม่เอา เหนื่อยผมรู้ เมื่อยผมรู้ แต่ว่าสู้นะพี่น้อง เราเดินทัพมาไกลเกินกว่าที่จะถอยแล้ว เมื่อจะถึงชัยชนะอีกนิดเดียวข้ามภูเขาอีกลูกเดียวถึงฝั่งแล้ว แค่ว่ายน้ำอีกไม่ไกลก็ถึงฝั่งแล้ว”

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงท่าทีของพันธมิตรฯ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายสมัคร สุนทรเวช พ้นสภานภาพนายกฯ ว่า เท่าที่ตรวจสอบท่าทีของพรรคพลังประชาชน ไม่ได้ยอมรับผิดแต่กลับพยายามผลักดันนายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากเงื่อนไปเป็นแบบนี้ก็เป็นการยากที่พันธมิตรฯ จะถอยหรือยุติการชุมนุม จนกว่าพรรคพลังประชาชน และนายสมัคร จะยอมรับผิด แต่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมนายสมัครจึงไม่ยอมรับผิด เพราะมีความเป็นไปได้ว่ามีการปั้นหลักฐานเท็จ ดังนั้น เราคงจะดูว่าจะมีช่องทาง เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไปได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า พันธมิตรฯเคยบอกว่ามีนายกฯ อยู่ในใจแล้ว นายสุริยะใส กล่าวว่า เราคงเอาเรื่องของหลักการก่อน เอาเรื่องการเมืองใหม่ก่อนและวาระที่ต้องทำเร่งด่วนนั้นมีอะไรบ้าง จากนั้นจึงเป็นการเฟ้นหาตัวบุคคล เมื่อถามว่านายกฯ รักษาการอาจจะมีการยุบสภา และมีการล้างไพ่ใหม่เป็นไปได้หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่านายกฯ รักษาการนั้นมีอำนาจในการยุบสภาได้หรือไม่ แต่ถ้าหากในวันศุกร์มีการตั้งนายกฯ เฉพาะกิจ จากนั้นรอโปรดเกล้าฯ แล้วก็จัดการยุบสภาแบบนี้คงจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป และเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
***องค์การพุทธบิณฑบาตอาวุธ
  วานนี้(9 ก.ย.) เวลาประมาณ 13.00 น. ที่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก 7 องค์กรพุทธศาสนา นำโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย พระศรีญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดพระรามเก้า พระไพศาล วิสาโล ประธานเครือข่ายพุทธิกา และเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เสถียรธรรมสถาน และองค์การเครือข่าย ประกอบด้วย องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์โลก ยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย และยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ได้แถลงขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง
  โดยตัวแทนของพระสงฆ์และแม่ชีเห็นว่า มาตรการหนึ่งที่จะช่วยป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงขึ้นก็คือ การไม่มีอาวุธหรืออุปกรณ์ที่สามารถเป็นอาวุธไว้ในครอบครอง แม้ว่าแต่ละฝ่ายจะมีเหตุผลว่าใช้ป้องกันตัวก็ตาม และหากแต่ละฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยว่าฝ่ายของตนปลอดอาวุธอย่างสิ้นเชิง จะช่วยสร้างให้เกิดบรรยากาศแห่งความไว้วางใจได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่ทางออกอย่างสันติ
  พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ จึงถือว่ามีต้นทุนทางด้านความสงบ สันติสูงตั้งแต่อดีต  หากเราสามารถก้าวข้ามผ่านความรุนแรงไปได้ ไทยจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศต้นแบบที่สามารถผ่านวิกฤติความขัดแย้งไปได้โดยสันติ ปราศจากการเสียเลือดเนื้อ ฉะนั้นคนไทยทุกฝ่ายต้องร่วมกันสถาปนาชาติเป็นของขวัญที่ดีที่สุดให้ประเทศชาติขณะนี้ เวลานี้ใครที่ครอบครองความคิด คำพูด และการกระทำที่รุนแรงอยู่จึงขอถามว่าพระจะขอบิณฑบาตได้หรือไม่”
การขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรงนี้เป็นเพียงก้าวแรกของการเรียกร้องให้เกิดสันติสุขในสังคมเท่านั้น โดยขั้นตอนต่อไปจะทำการแจกบัตรขอบิณฑบาตความรุนแรง ซึ่งจะเริ่มแจกตั้งแต่พรุ่งนี้(10 ก.ย.) เป็นต้นไป หากประชาชนสนใจให้ขอรับได้ที่ 7 องค์กรที่ร่วมสนับสนุนข้างต้น สามารถรับได้ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่มีจำกัดจำนวน โดยขั้นที่สามจะจัดพิมพ์เป็นหนังสือขอบิณฑบาต เนื้อหาในหนังสือจะนำแนวคิดและชี้ทิศทางที่จะนำสู่การก้าวข้ามวิกฤติโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
    ด้านพระไพศาล วิสาโล ให้ข้อเตือนสติว่า สังคมไทยยังขาดสัจจานุรัก ต่างฝ่ายต่างคิดตลอดว่าตนเองถูกต้อง ความคิดของตัวเองถูกโดยคนที่อยู่อีกฝั่งผิดเสมอ เท่านี้ก็จะทำให้เกิดความกลัว ด่ากันไปมา พอฝ่ายไหนโกรธก่อนก็จะเริ่มใช้กำลัง ที่พระสงฆ์ แม่ชี ออกมาไม่ใช่เสนอทางออกเพราะมีคนเสนอมามากแล้ว แต่เราออกมาให้วิธีการคือ การปลอดอาวุธ การยับยั้งวาจายั่วยุ ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นการท้าทายสังคมไทย และหวังว่าเราจะผ่านไปได้อย่างสันติ
  แม่ชีศันสนีย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางความคิดจะไม่เป็นปัญหา หากผู้มีอำนาจทั้งหลายใช้อำนาจในทางที่ถูก ดังนั้นจึงขอเตือนสติทุกฝ่ายในฐานะบุตรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ให้แต่ละคนใช้อำนาจที่มีในทางที่ถูกต้องเพื่อสร้างอิสระ และความไม่เกลียดให้เกิดขึ้นในสังคมไทยให้เร็ววัน
กำลังโหลดความคิดเห็น