xs
xsm
sm
md
lg

ฉากหลัง พลังมวลชนกู้ชาติ 2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ้าสีเหลืองนับหมื่นผืนที่นำมาพันรอบแขน บ้างก็นำมาโพกศีรษะ ...พลังบริสุทธิ์ของผองพันธมิตรที่หยิบเงินสดๆนับแสนบาทมาหยอดใส่ตู้บริจาคเป็นประจำเกือบทุกวัน...พ่อ แม่ ลูก และถัดไปเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศกำลังหยิบผ้าพลาสติกมานั่งล้อมวงเพื่อเฝ้ารอการขึ้นปราศรัยของ “สนธิ ลิ้มทองกุล”

รอยยิ้มของแม่ครัวกู้ชาติแม้มือของเธอจะหยาบกระด้างเมื่อยล้า...ไกลออกไปในต่างแดน คนไทยจำนวนไม่น้อยต่างร้องตะโกน สู้ๆๆได้ยินมาถึงเมืองไทย

ภาพของการชุมนุมของเหล่าพันธมิตรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2550 ยังเป็นเรื่องราวและภาพความจริงของการต่อสู้ หลายคนยกย่องว่า เป็นภาพประวัติศาสตร์ไทยอีกบทบันทึกหนึ่งของพลังบริสุทธิ์มวลชนอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมารวมตัวกันต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เหล่านักธุรกิจ-ข้าราชการ ร่วมต้านอำนาจมืด


จากการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าคนกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด คือกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่มีทั้งความรู้และมีฐานะในสังคม บางคนประกาศตัวอย่างท้าทายบนเวทีพันธมิตรฯ บ้างร่วมบริจาคสมทบทุนครั้งละเป็นหมื่นเป็นแสนบาท ขณะที่บางคนปิดบริษัทขนพนักงานมาร่วมชุมนุม พวกเขาคิดอย่างไรกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้

เจ้าของร้านชาชักแบรนด์ดัง ซึ่งตั้งอยู่ ในห้างสรรพสินค้าสุดหรู สะท้อนความคิดและเหตุผลที่เขานำชาเย็นมาชงให้ผู้ชุมนุมกินกันสดๆวันหนึ่งนับพันแก้ว ว่า

“สิ่งที่พันธมิตรกำลังต่อสู้อยู่ขณะนี้เป็นเรื่องของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และที่ผมเข้ามาร่วมด้วยมันเป็นจิตสำนึกที่ผมมองว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม สังคมมีแผล สังคม และคนที่เจ็บปวดที่สุดตอนนี้ก็คือประชาชนทั้งประเทศ เจ็บปวดเราจะนิ่งเฉยได้หรือ ถ้าผมเมินเฉยมันก็ขัดกับสโลแกนของร้านผมที่บอกว่า ‘ขอเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสรรค์สังคม’ ซึ่งผมไม่ได้เขียนขึ้นมาลอยๆ แต่เขียนจากความตั้งใจ บางคนบอกว่าออกมาร่วมแบบนี้แล้วไม่กลัวตัวเองเดือดร้อนหรือ ผมก็อยากถามว่าแล้วเราเคยคิดบ้างไหมว่าเราเกิดมาทั้งที ก่อนตายได้ทำอะไรไว้บ้าง ถ้าคุณกลัว คุณเป็นแย้สิครับ เห็นคนก็รีบหนีเข้ารู มันไม่ใช่ ลองถามตัวเองดูว่าเรากล้าให้แก่คนที่เราไม่รู้จักไหม ถ้าเราคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวบ้านเมืองนี้ก็คงอยู่ไม่ได้ ” เจ้าของร้านชาชัก กล่าว

ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นแนวร่วมในการเคลื่อนไหวเคียงบ่าเคียงไหล่พันธมิตรฯ ตลอดมา แม้บางคนยังหวั่นเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งจากคนในรัฐบาลซึ่งกุมอำนาจการบริหารอยู่ในมือ

จากการพูดคุยกับตัวแทนสหภาพการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งได้นำน้ำดื่ม อาหาร และเงินบริจาคมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทราบว่า พวกเขาพร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้จนถึงนาทีสุดท้าย โดยครั้งนี้สหภาพ กฟภ.ได้รวบรวมหนังสือลงชื่อถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่หนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมามอบให้พันธมิตรฯ ด้วย

“ สมาชิกสหภาพการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ได้เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยาฯ (2549) ถึงวันนี้เราจำเป็นต้องร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อนำความชอบธรรมกลับคืนสู่สังคม และหากการเคลื่อนไหวยืดเยื้อพวกเราก็จะร่วมสู้จนถึงที่สุด ที่ผ่านมาสมาชิกสหภาพฯทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่ มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่กำลังของแต่ละคน วันนี้ก็มีสมาชิกที่ลพบุรีฝากขนมมาช่วยหลายลัง คือสหภาพการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของเราครอบคลุม 70 กว่าจังหวัด มีสมาชิกประมาณ 2 หมื่นคนทั่วประเทศ คิดดูพลังมันมากขนาดไหน แต่หลายคนก็ไม่อยากเปิดตัว” หนึ่งในสมาชิกสหภาพการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าว

คนไทยในต่างแดนคล้องแขนร่วมฝ่าฟัน

นอกจากการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในประเทศไทยแล้ว คนไทยในต่างแดนโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาได้มีการรวมตัวเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน โดยพวกเขาเริ่มรวมตัวกันมาตั้งแต่มีการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในช่วง ก่อนการปฏิวัติ 19 กันยา (2549) โดยมีประชุมระดมความเห็น จัดชุมนุมที่หน้าสถานกงสุลไทยในเมืองนั้นๆ ร่วมทั้งร่วมบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่เมืองไทยด้วย หลายครั้งเราจึงได้ยินเสียงประกาศจากเวทีพันธมิตรฯ ที่เมืองไทยว่าได้รับเงินบริจาคจากพันธมิตรฯ ในสหรัฐฯ เป็นเงินหลายแสนบาท

อาร์ต บุญมา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ชิคาโก ระบุว่า มีคนไทยที่ชิคาโกจำนวนไม่น้อยที่รวมตัวกันต่อต้านความเลวร้ายของระบอบทักษิณ และครั้งนี้พวกเขาได้จัดชุมนุมที่สถานกงสุลไทยประจำชิคาโก เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องใน 3 ประเด็นด้วยกัน คือ 1) เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 2) เพื่อเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามกฎหมายกับ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน และเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออกทั้งคณะเพื่อรับผิดชอบต่อการบริหารงานที่สร้างความเสียหายให้บ้านเมือง

“แม้จะมาทำมาหากินต่างบ้านต่างเมือง แต่เราก็เป็นคนไทยที่รักและหวงแหนแผ่นดิน คนไทยทุกคนที่นี่ต่างสำนึกในพระเมตตาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมคุยกับเพื่อนชาวอังกฤษ เขายังบอกว่าไม่มี KING ประเทศไหนที่ประเสริฐเท่า KING ของเมืองไทย ผมฟังแล้วก็ขนลุก ดังนั้นเมื่อมีคนในรัฐบาลกระทำการจาบจ้วงเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่พวกเรายอมไม่ได้”

ด้านไพลิน คำศิริ ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ นิวยอร์ก บอกเล่าถึงการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯไทยในนิวยอร์กว่า

“ คนไทยที่นิวยอร์กตื่นตัวกันมาก ตั้งแต่เริ่มชุมนุมวันแรก พอเห็นข่าวว่าพวกม็อบ นปก.มาไล่ตีพันธมิตรฯ จนหลายคนหัวร้างข้างแตก เราก็คุยกันว่าพวกเราทางนี้จะเอายังไงดี ก็เลยนัดชุมนุมกันที่หน้ากงสุลไทยประจำนิวยอร์ก ยกป้ายประณามรัฐบาลสมัครที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรง แล้วเราก็เดินจากหน้ากงสุลไปอยู่ตรงไทม์สแควร์ซึ่งเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมากัน ฝรั่งก็เข้ามาถามว่าคุณทำอะไรกัน เราก็บอกว่าเรากำลังประกาศให้คนทั่วโลกรู้เห็นถึงความเลวร้ายของรัฐบาลนี้ และหากมีการสลายม็อบเกิดขึ้นเราก็จะไปชุมนุมประณามรัฐบาลกันที่หน้ากงสุลอีก

ขอบอกว่าพันธมิตรฯ ที่เมืองไทยจะไม่โดดเดี่ยว ถ้าที่เมืองไทยชุมนุมยืดเยื้อ พันธมิตรที่นิวยอร์กก็จะชุมนุมที่หน้ากงสุลทุกวันเหมือนกัน นอกจากนั้นเรายังมีการประสานกับพันธมิตรฯที่แอลเอและที่วอชิงตันดี.ซี. ร่วมกันเป็นเครือข่าย มีการรวบรวมปัจจัยมาช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่เมืองไทย ล่าสุดได้รับแจ้งว่าเจ้าของร้านอาหารไทยที่แอตแลนตาก็จะโอนเงินบริจาคไปให้อีก 5,000 ดอลล่าร์”

กองทัพบริจาคคึกคัก
ภาพที่แสดงออกถึงพลังการต่อสู้อีกอย่างหนึ่ง คือ จำนวนเงินบริจาคในแต่ละวันที่มียอดนับล้านบาท ซึ่งมีนักธุรกิจบางคนถึงขนาดเบิกเงินสดเป็นแสนๆบาทมาให้ และมีความประสงค์ว่าจะให้วันละแสนบาททุกวัน บางคนก็บริจาคเป็นแสนบาทแต่ไม่ประสงค์ออกนาม เป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าเชื่อ แรงใจจะเกิดขึ้นขนาดนี้

ขณะเดียวกัน ภาพที่สะท้อนถึงพลังของกลุ่มพันธมิตรฯ อีกอย่างหนึ่ง คือ สิ่งของบริจาคกองมหึมา ซึ่งทะลักเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย อย่างเช่น กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการหมวกกันน็อก ต้องการเสื้อกันฝน แม้แต่ผักสด กะปิ น้ำปลา ทุกอย่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

โดยเฉพาะภายในเต็นท์ขนาดย่อม ที่แปลงสภาพเป็นครัวเล็กๆ แต่มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในหน้าที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหล่าพันธมิตรฯ กู้ชาติ มีข้าวสารหลายกระสอบ เครื่องปรุงอาหารนานาชนิดที่ล้วนเป็นของบริจาคซึ่งหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ครัวกู้ชาติ ถือเป็นกองเสบียงสำคัญ ทุกวันนี้ครัวกู้ชาติมีกลุ่มสตรีแห่งสันติอโศก เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการปรุงเมนูอาหาร สำหรับอาหารในครัวแห่งนี้ ทั้งหมดเป็นอาหารมังสวิรัติ ซึ่งผลิตออกมาทุกวัน ด้วยฝีมือแม่ครัวจำเป็นหลายคน

เกวลี ภาคีฉาย หัวหน้าแม่ครัวของสันติอโศก เล่าว่า แต่ละวันต้องใช้งบค่าอาหารประมาณ 30,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นของบริจาคทั้งจากแม่ค้าปากคลองตลาด ผู้มีจิตศรัทธาต่างๆ เพื่อมาปรุงอาหารในแต่ละวัน โดยจะตื่นตั้งแต่ตี 4 มาจัดเตรียมอาหาร ถึง 2-3 ทุ่ม

เมนูประจำยามเช้า คือ ข้าวต้มกุ๊ย ต้มจับฉ่าย ยามสายถึงเที่ยง คือ แกงส้ม น้ำพริกอ่อง ต้มจืด ตกเย็น เป็นข้าวต้มเครื่อง สรุปแต่ละวันทำรวมกันมากถึง 50 กว่าหม้อใหญ่ แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมได้ลิ้มลองกัน

“ดิฉันเคยมีอาชีพแม่ครัวมาก่อน ปรุงอาหาร ด้วยความภาคภูมิใจ ยินดีที่ผู้ชุมนุมได้กินอาหารดีๆ อิ่มท้อง เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราได้ทำเพื่อส่วนรวม”

เจ๊ลั้ง แห่งปากคลองตลาด เป็นแม่ครัวอีกผู้หนึ่งที่ขันอาสาเดินทางมาร่วมทำอาหารแทบทุกวัน แม้บุคลิกของเธอจะขึ้นชื่อเรื่องความปากจัด แต่ความตั้งอกตั้งใจในการปรุงอาหารของเธอเต็มเปี่ยม สังเกตมือสองข้างที่หยาบกระด้าง แดงช้ำ

…นี่คือ ตัวอย่างภาพหนึ่ง ของเบื้องหลังการต่อสู้ มวลชนคนหลังฉากที่ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์อย่างแรงกล้า



กำลังโหลดความคิดเห็น