“สมชาย” นายกฯ ตอกย้ำ “นอมินี”-พันธมิตรฯลั่นชุมนุมไล่ยืดเยื้อแน่

“สุริยะใส” เชื่อ “สมชาย” เข้าป้ายนั่งนายกฯ ตามฉบับหวยล็อก ความอึมครึมทางการเมือง ยังคงมีอยู่ รวมถึงการชุมนุมขับไล่นอมินียังคงยืดเยื้อต่อไป พร้อมเป็นกำลังใจให้พนักงานเอ็นบีทีที่กล้าออกมาเรียกร้อง ย้ำ ยุทธศาสตร์ดาวกระจายและยุทธศาสตร์ใหม่คงอยู่เหมือนเดิม เชื่อ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ปชช.จะยอมรับรัฐบาลประชาภิวัฒน์ในที่สุด

วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 19.10 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการสรรหานายกฯ คนใหม่ ในวันพรุ่งนี้ ว่า มีความชัดเจนแล้วว่า นายกฯ คงจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ว่า กลุ่มของ นายเนวิน ชิดชอบ คงจะสมประโยชน์เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลก็ฉีกเงื่อนไข และสัตยาบันทั้ง 5 ข้อ ที่เคยให้ไว้กับสังคม เป็นการตบหน้าประชาชนอย่างแรง แม้พันธมิตรฯ พยายามชี้ทางออก แต่รัฐบาลก็ปฏิเสธ และไม่เห็นความสำคัญ เชื่อว่า ในวันพรุ่งนี้สภาก็ไม่สามารถหาทางออกให้บ้านเมืองได้ แต่จะยิ่งตอกย้ำความเป็นนอมินีให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า นายสมชาย มีความใกล้ชิดขนาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการได้ ฉะนั้น ความอึมครึมทางการเมืองจะยังอยู่อีกนาน ซึ่งพันธมิตรฯคงต้องคิดเรื่องการชุมนุมยืดเยื้อในระยะยาว เพื่อต่อต้านรัฐบาลนอมินีต่อไป

“เราไม่สนใจว่า นายสมชาย จะมีนโยบายอะไร แต่อยากจะถามว่า ถ้าหากเป็นนายกฯแล้วจะมีแนวทางนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างไร ซึ่งในวันที่ 17 กันยายน ศาลนัดเตรียมอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่น้องเขยกำลังจะได้รับเลือกเป็นนายกฯ ดังนั้น เชื่อว่า ประชาคมโลกจะให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่ง นายสมชาย คงจะต้องอธิบายต่อประชาคมโลกพอสมควร และพันธมิตรฯคงจะไม่หวังอะไรไว้ เพราะเกมการเมืองจะยังอยู่ในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ” นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า กรณีช่างเทคนิคของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ชุมนุมประท้วงผู้บริหารและฝ่ายการเมือง เพื่อให้กลับไปเป็นสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 รวมถึงปราศจากการแทรกแซงว่า อยากให้สังคมไตร่ตรองปรากฏการณ์วันนี้ กับเหตุการณ์ที่พันธมิตรฯบุกยึดเอ็นบีที ว่า สองปรากฏการณ์นี้อันไหนสร้างความเสียหายให้กับสังคมมากกว่ากัน เพราะวันนี้เป็นการสะท้อนให้สังคมเห็นว่าเกิดจากฝ่ายการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ในรัฐบาล ที่ใช้เอ็นบีทีเป็นเครื่องมือทางการเมือง ส่วนเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม นั้น จากกรณีที่คนจากพันธมิตรฯหลุดไปห้องส่ง เป็นเพียงการกระตุ้นเตือนสังคม ให้ตั้งคำถามสถานีแห่งนี้ และโชคดีที่พนักงานบางส่วนยังมีควมรับผิดชอบ และกล้าหาญพอ ที่จะออกมาปกป้องสมบัติของแผ่นดิน

นอกจากนี้ รายการ ความจริงวันนี้ ถือเป็นรายการเพียงด้านเดียวมัดมือชกประชาชน เชื่อว่า น่าจะเป็นจุดสำคัญที่พนักงานช่อง 11 เดิมรับไม่ได้จึงออกมาต่อต้าน ซึ่งจะต้องขอบคุณและให้กำลังใจในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปการแถลงข่าวในช่วงเช้าจะเป็นในรูปแบบใด นายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร และธรรมชาติของสื่อ อาจจะยังไม่พร้อมทั้งบรรยากาศ และสภาวะแวดล้อมอย่างเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา การตั้งคำถามบางคำถามจึงอาจมีความหวาดกลัวที่มีผู้ชุมนุมอยู่ด้วย ฉะนั้น ตนจึงจะแจ้งกับแกนนำในการประชุมวันนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแกนนำพันธมิตรฯมีความเห็นว่า ถ้าหากแถลงข่าวอยู่ตรงนั้น ประชาชนจะได้รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในวันถัดมา และจะทำให้โปร่งใส ว่า เราคิดอะไรอยู่ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพราะประชาชนจะได้รับรู้ด้วย

ส่วนกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ระบุว่า เหตุการณ์ประท้วงของพนักงานเอ็นบีทีนั้น เกิดจากความไม่พอใจจากการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นการบิดเบือนที่ชัดเจนมาก เพราะว่ารายการความจริงวันนี้ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของช่อง 11 อีกทั้งผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน เป็นแกนนำ นปก.ที่มีการปฏิบัติการของมวลชน มีการเคลื่อนไหว แต่ตัวแทนกลับใช้สื่อของรัฐได้ ตรงนี้เป็นการหักหน้า และดูหมิ่นศักดิ์ศรีพนักงานเอ็นบีทีจนเกินไป จึงไม่แปลกที่พนักงานเอ็นบีทีจะอึดอัด จนต้องออกมาเคลื่อนไหวในที่สุด

นอกจากนี้ ยังพูดถึงรักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กรณีที่ระบุว่า จะเพิ่มสวัสดิการนั้น อยากจะให้ทบทวนตรงนี้ด้วย แต่ความไม่ท่าเทียมของเงินเดือนนั้น ตนเห็นด้วยว่า ไม่เป็นธรรม ถามอีกว่า หาก นายสมชาย เป็นนายกฯจะเกิดความรุนแรงถึงขั้นไหน นายสุริยะใส กล่าวว่า สังคมพยายามพูดว่าต้องเอานายกฯที่ไม่มีพฤติกรรมนอมินี ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีตัวที่ดีกว่านั้น แต่เมื่อหวยล็อกแบบนี้ความรุนแรงก็คงจะมีอีก และเมื่อโจทย์เก่ายังอยู่ การบ้านของเราก็คงต้องเข้มข้นขึ้น ยุทธศาสตร์ดาวกระจายและการเคลื่อนไหวใหม่ๆ จึงยังมีความจำเป็น ส่วนรัฐบาลประชาภิวัฒน์นั้น เชื่อว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง สังคมจะให้ความสนใจ และฉันทานุวัฒน์ ในที่สุด

ด้าน นายแซมดิน เลิศบุศย์ ประธานชุมชนสันติอโศก กล่าวถึงกรณีที่ได้รับร้องเรียน ว่า ไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องเอกสารของพระราชพิธีต่างๆ รวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เอกสารสำนักพระราชวังนั้น เราไม่บังอาจ และไม่เคยขัดเลย โครงการพระราชดำริต่างๆ แกนนำพันธมิตรฯยินดีและสนับสนุน เพื่ออำนวยให้อย่างเต็มที่ ไม่มีการรั้งเหนี่ยวไว้ ที่ผ่านมา ก็มี 2 ครั้ง เนื่องจากในครั้งแรกเอกสารได้ไปไม่ครบ ส่วนเรื่องเอกสารความเดือดร้อนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตนก็ได้มอบเอกสารเท่าที่ต้องการทั้งหมดไป ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2551

ดังนั้น ที่บอกว่า ไม่ได้รับความสะดวกนั้นไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมา แม้แต่ธนาคารออมสิน เราก็อนุญาต รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ที่ต้องการนำรถยนต์ส่วนตัวออกไป หรือต้องการนำเสื้อผ้าออกไป เราก็ไม่เคยขัด แต่ที่ได้รับความไม่สะดวกนั้นเฉพาะเรื่องที่เป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับรัฐบาลในเรื่องงบประมาณ เพราะการใช้งบประมาณของรัฐในทิศทางที่ฟุ่มเฟือย ไม่เป็นไปตามครรลองคลองธรรม เราจึงไม่อนุญาตให้เข้าไปเอาข้อมูลทั้งหมด ส่วนการที่ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีฯ จะขอมาเอาคอมพ์ 2 ชุด เพื่อเอาแม่ข่ายออกไปนั้น ตรงนี้แกนนำไม่อนุญาต แต่ได้มีการขอทบทวนเข้ามาอีกครั้ง และจะมีการนำเสนอในที่ประชุมอีกครั้งในคืนนี้

นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ประธานกลุ่มสาธิตมัฆวาน กล่าวว่า กลุ่มสาธิตมัฆวาน กลุ่มแนวร่วมนิสิต นักศึกษา เพื่อประชาธิปไตย และกลุ่ม Young PAD ได้ร่วมการจัดงาน Democracy In Town ถนนคนรักชาติ ดนตรี กวี ศิลปะ และการเมือง ในวันเสาร์ที่ 20 กันยายน-อาทิตย์ที่ 21 กันยายน ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความคิดเห็นทางประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ โดยจะมีการจัดกิจกรรมด้านต่างๆ อาทิ เซรามิกต่างๆ ล้อเลียนนักการเมือง, โขนการเมือง, แฟชันโชว์กู้ชาติ, การโต้วาที ในหัวข้อ “เก่งแล้วโกง ดีกว่าไม่เก่งไม่โกง”, เวทีเสวนาประสบการณ์เดือนตุลาฯ ถึงปรากฏการณ์พันธมิตรฯ

นอกจากนี้ ยังมีการรับสมัครการประกวด แฟนพันธุ์แท้พันธมิตรฯ การแต่งคอร์สเพลย์เลียนแบบนักการเมือง หรือแกนนำพันธมิตรฯ, การประกวด ดาวและเดือนพันธมิตรฯ รวมทั้งการประกวดเพลงกู้ชาติยุคใหม่ด้วย