“ภูวดล” ยก “ความยุติธรรม” ตอกหน้า “หมัก” ชี้ชัดถูกศาลรัฐธรรมนูญเชือดพ้นเก้าอี้นายกฯ เหตุดันทุรังตะแบงจัดรายการ “ชิมไป บ่นไป” แฉแหลกกระบวนการยุติธรรมในอดีตถูกแทรกแซงจาก “นักการเมืองพันธุ์ชั่ว” สังกัด ทรท. จนตกทอดไปสู่ พปช. พร้อมวอนประชาชนยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง มั่นใจไม่เกิน 5 ปี ช่วยฟื้นฟูประเทศอย่างยั่งยืน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย
วานนี้ 10 (ก.ย.) ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หมดความเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการจัดรายการชิมไปบ่นไป เพราะเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างว่า วันนี้เป็นวันที่ชาวไทยทุกคนต่างเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะถ้าเราศึกษาข้อเท็จจริงตั้งแต่สมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาจนถึงรัฐบาลในสมัยของนายสมัคร สุนทรเวช นั้น รัฐบาลเหล่านี้นพยายามอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง และพวกพ้อง เพราะคนเหล่านี้เชื่อว่าสามารถครอบงำกระบวนการยุติธรรมได้อย่างง่ายดาย
“เห็นได้จากคดีซุกหุ้น ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยในขณะนั้นกระบวนการยุติธรรมได้ถูกแทรกแซงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้บรรดาข้าราชการ และขุนนางกังฉินบางคน ก็ทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ของนักการเมืองพันธุ์ชั่วเหล่านี้ จึงเกิดตำนาน “ขอให้เป็นความผิดสักครั้งหนึ่ง เพื่อชาติบ้านเมือง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประเทศไทยก็ยินยอมให้คนชั่วช้าสารเลว ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่การซุกหุ้นนั้น เกิดขึ้นจากกรณีที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีในขณะนั้น ซึ่งมีหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้นอีกไม่นาน สถานีโทรทัศน์ไอทีวี กลายเป็นของเครือชินวัตร” ดร.ภูวดล กล่าว
ส่วนกระบวนการยุติธรรมของไทยซึ่งถูกครอบงำนั้น ดร.ภูวดล กล่าวว่า เกิดจากวิธีการฉ้อฉลต่างๆ ของนักการเมืองพันธุ์ชั่วช้าสารเลว ซึ่งรวมตัวอยู่ในพรรคไทยรักไทยขณะนั้น และกลายเป็นมรดกตกทอดมายังพรรคพลังประชาชนในขณะนี้ ถ้าศึกษาตามข้อเท็จจริง ก็จะเห็นว่าหลักเกณฑ์ของกฎหมายบางครั้งก็ถูกลบล้างด้วยข้อเท็จจริงเหมือนกรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้ โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ใช้วิธีตะแบงภาษาเป็นหลัก โดยนายสมัคร อ้างว่าไม่ได้เป็นลูกจ้าง แต่รับเงินค่าจ้าง และถูกหักเงินภาษีตลอดมา ฉะนั้น ไม่ว่าจะตะแบงอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ความยุติธรรมยังมีอยู่ในโลกนี้
“ประเทศนี้ 10 ปีที่ผ่านมา เรารับประชาธิปไตยจากต่างชาติมาเพียงแค่เปลือก แต่จิตวิญญาณความบัดซบยังคงอยู่ ดังนั้นความบัดซบจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยจะเห็นได้จากนักการเมืองไทยแต่งตัวใส่สูทอย่างดี และยังทำจริตแบบชาติตะวันตก ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้แม้แต่ผูกเนคไทยังทำไม่เป็นเลย แต่ยังสะเออะใช้เนคไทราคาแพงๆ ที่สำคัญกระบวนการยุติธรรมของเราในขณะนี้ กำลังดำเนินการเป็นหัวหอกของการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะข้าราชการซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนดี กำลังรู้แล้วว่าพิษภัยของระบอบทักษิณ เป็นอย่างไร โดยเฉพาะกองทัพไทยวันนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้พัฒนามาสู่ความเป็นเอกภาพอีกครั้งหนึ่ง คือไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาล” ศ.ดร.ภูวดล กล่าว
ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ถ้านายสมัครยังดึงดันที่จะเป็นนายกฯ อีกครั้ง หรือบังอาจที่จะปลด ผบ.ทบ. ทหารทุกเหล่าทัพจะไม่ยอมให้นายสมัคร เข้ามาบริหารประเทศอีกต่อไป ส่วนตำรวจไทยวันนี้ ประจักษ์ข้อเท็จจริงแล้วว่า พัฒนาการทางการเมืองจะออกมาเป็นอย่างไร และจะทำให้บุคคลเหล่านี้ ไม่มีวันที่จะเป็นสมุนรับใช้ระบอบทรราชของนายสมัคร อีกต่อไป โดยจะสังเกตเห็นไดจากคำพูดซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะเขาเหล่านั้นตระหนักว่า ระบอบดังกล่าวจะทำลายล้างประเทศไทย
“ถ้าหากมนุษย์สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองถึงนวตกรรมใหม่ๆ ที่ระบอบทักษิณ นำมายัดเยียดให้พี่น้องประชาชนผู้ทุกข์ยากตลอดระยะเวลา 7-8 ปีเต็มว่ามันมีพิษภัย หรือคุณประโยชน์ เพราะถ้าเปรียบเทียบวิถีชีวิตก่อน และหลังระบอบทักษิณ ก็จะรู้ว่าชีวิตของพ่อแม่พี่น้องดีขึ้นหรือไม่ ส่วนคนที่มาชุมนุมถามว่า พี่น้องต้องเสียเวลาทำมาหากิน แต่มาทำเพื่อลูกหลานในอนาคตใช่หรือไม่ และถ้าหากมนุษย์กลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์พันธุ์ชั่ว แล้วมนุษย์จะมีคุณค่าได้อย่างไร เพราะนักการเมืองเหล่านั้นไม่ใช่โอรสสวรรค์ แล้วคนเหล่านี้ร่ำรวยขึ้นมาเพราะเล่นการเมืองเพียง 1-2 ปี ได้อย่างไร” ดร.ภูวดล กล่าว
ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า นักการเมืองประเทศไทย ตอนหาเสียงมาไหว้เรา แต่ตอนได้เป็น ส.ส. แม้แต่พ่อแม่มันยังไม่ไหว้ มีแต่จะให้ไหว้มัน ฉะนั้นเราควรสอนลูกสอนหลานให้เคารพคนดี ให้รู้จักชีวิตมัธยัสถ์ เพราะจะทำให้สังคม ชุมชน และครอบครัว มีความมั่งคั่ง ดูอย่างประเทศสิงคโปร์เขาเก็บภาษี 25 เปอร์เซ็นต์ มายาวนาน ทำให้ทุกวันนี้ประเทศมีความเขามั่งคั่งมากกว่าเรา ดังนั้นเราอย่าเห็นความหรูหราฟุ้งเฟื้อโดยเอาที่ดินไปซื้อความมั่งคั่ง สุดท้ายที่ดินก็จะถูกเปลี่ยนมือ ในที่สุดตระกูลนั้นก็จะยากจนลง ฉะนั้นขอให้พ่อแม่พี่น้องเลิกชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย แล้วหันมาใช้ชีวิตพอเพียงเจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตนเชื่อว่าไม่เกิน 5 ปี ประเทศไทยจะฟื้นตัวกลับมาอย่างแน่นอน
“เรามีนักการเมืองบัดซบ โกงชาติมากมายเหลือเกิน แต่บัดนี้กำลังถูกพวกเราชำระสะสาง ขณะเดียวกันกระบวนการยุติธรรมขั้นสุดท้ายเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ประเทศนี้เดินหน้าไปสู่จุดที่เรียกว่า ตุลาการภิวัฒน์สมบูรณ์แบบภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน และประเทศนี้จะไม่มีการนองเลือด และจะเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน และเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่ประเทศนี้จะต้องมีรัฐบาลใหม่ที่ไม่ได้มาจากนักการเมืองพันธุ์ชั่ว และเมื่อมีรัฐบาลใหม่ ขอให้ทุ่มเทที่จะฟื้นฟูประเทศนี้อย่างจริงจัง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วประเทศนี้จะไม่มีวันหวนกลับมาสู่ความยั่งยืนได้อีกต่อไป” ดร.ภูวดล ระบุ
ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า แต่ถ้าชนชั้นปกครองที่เข้ามาใหม่เล่นพวกพ้องด้วยวัฒนธรรมแบบเดิมๆ ประเทศนี้ก็จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างแน่นอน และถ้าเป็นเช่นนั้นขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันระดมกำลังความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อทำให้ประเทศนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา อย่าทำเหมือนนักการเมืองบัดซบที่กำลังโชว์หางของมันโผล่ออกมาในขณะนี้ ที่สำคัญในโลกของความเป็นจริง พลังก้าวหน้า และพลังสร้างสรรค์เท่านั้นที่จะเป็นพลังชี้ขาด ส่วนพลังล้าหลัง และพลังบัดซบจะถูกกวาดล้างออกไป นั่นหมายถึงไม่มีที่ยืน เพราะถึงแม้ว่าจะหลบหนีไปต่างประเทศ ก็จะกลายเป็นสวะที่จะไปทำลายความสุขของประเทศนั้นๆ
“ขอทำนายว่า ครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หลบหนีไปอยู่ประเทศอังกฤษ จะกลายเป็นตัวจัญไรที่ชาวต่างชาติไม่สามารถรับได้อีกต่อไป ฉะนั้นวันเวลาที่เราได้ช่วยกันร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศ กำลังพุ่งขึ้นมาภายใต้การผลักดันของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนพลังกองทัพ พลังภาคประชาชน หรือพลังภาคธุรกิจ ส่วนใหญ่เลิกมึนงงแล้ว แต่ยังมีบางส่วนยังมึนงงอยู่ ขณะเดียวกันนักวิชาการที่สร้างสรรค์จำนวนมาก ต่างเห็นคุณค่าของการแสดงพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ ฉะนั้นจงภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ที่พี่น้องร่วมมือกันสร้างสรรค์ประเทศนี้มายาวนานกว่า 3 เดือน ซึ่งจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสวยงามในรูปแบบของมหาปฏิวัติสังคมไทยให้ยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยสันติสุขในอนาคตนี้อย่างแน่นอน” ดร.ภูวดล กล่าวทิ้งท้าย
