xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” ทำใจศาลตัดสิน “หมัก” พ้นเก้าอี้ - อ้างพรรคร่วมพร้อมโหวตกลับเป็นนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตแกนนำ นปก.ตีฝีปากร่ายยาวจาก PTV ถึง NBT เรียกคะแนนสงสารแทน “หมัก” การเป็นพิธีกร ชิมไปบ่นไป ไม่ใช่เรื่องเสียหายต่อชาติ แต่กลับถูกกลั่นแกล้งจนเป็นคดีความ แปลกใจ ศาลตัดสินคดีเร็วเกินเหตุ คาด นายกฯ ถูกตัดสินให้พ้นตำแหน่งแน่ ด้าน “จตุพร พรหมพันธุ์” เผย ที่ประชุมพรรคร่วม มีมติแล้ว ถึง “หมัก” ตกเก้าอี้จริง ทุกพรรคจะโหวตให้มาเป็นนายกฯ อีก - สุดช้ำ ประธานวุฒิฯ รับข้อเสนอพันธมิตรฯ ให้"หมัก"ลาออก ด่า"ประสพสุข"ความคิดโหล่ยโท่ย ยังตะแบงประชามติคือทางออกที่ดีที่สุดของชาติ


วันนี้ (8 ก.ย.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี

เนื้อหาในรายการ ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีที่วันนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เข้าให้ปากคำต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำร้องของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนา ส.ว.สรรหาและคณะ ส.ว.รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นพิธีกรดำเนินรายการ “ชิมไปบ่นไป”

โดยผู้ดำเนินรายการ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายสมัครนั้น ถือเป็นกับดักของรัฐธรรมนูญ ที่คนกลุ่มหนึ่งได้วางไว้เพื่อกลั่นแกล้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ออกจากตำแหน่ง ซึ่งสาเหตุที่ต้องกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะแท้จริงแล้วเรื่องดังกล่าวไม่ควรจะต้องนำมาประเด็นโจมตีนายสมัครตั้งแต่แรก เพราะแค่การจัดรายการทำอาหาร ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายตรงไหน ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรี ต้องออกจากตำแหน่ง เพราะคดีนี้จริง ต่างชาติคงจะหัวเราะเยาะ ว่า เป็นการออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่หน่อมแน้มที่สุด เท่าที่เคยมีมา

ทั้งนี้ พวกตนเห็นว่า กลุ่มคนที่ทำเช่นนี้ ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะเป็นการกลั่นแกล้งโดยไม่คิดถึงว่าบ้านเมืองจะเสียหายเพียงใดหาก เพราะหากศาลตัดสินว่านายสมัคร ผิดจริง ต้องพ้นตำแหน่งไปพร้อมกับรัฐมนตรีทั้งคณะ แม้สภาจะเลือกนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่งานต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินอยู่ ก็ต้องสะดุดลง ทำให้การบริหารบ้านเมืองต้องชะงักไป แทนที่จะเดินหน้าไปตามอย่างที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการไม่ได้พูดถึงหลักการของรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามคนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีไปทำงานให้กับบริษัทเอกชน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน โดยกรณีรายการชิมไปบ่นไปนั้น ถือว่านายสมัครไปทำงานให้กับบริษัทเอกชนคือ บ.เฟซมีเดีย เจ้าของรายการ โดยได้รับค่าตอบแทนตอนละประมาณ 100,000 บาท แม้นายสมัครจะอ้างว่าไม่ได้เป็นลูกจ้าง แค่รับจ้าง แต่การที่นายสมัครไปเป็นพิธีกรให้รายการนี้ ทำให้ได้เปรียบรายการอื่นในการหาสปอนเซอร์

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คดีของนายสมัครนี้ มีการเร่งรีบดำเนินการอย่างผิดปกติ เพราะเรียก นายสมัคร เข้าสอบปากคำในวันนี้ แต่วันพรุ่งนี้ก็ตัดสินชี้ขาดเลย ต่างกันโดยสิ้นเชิงของการพิจารณาคดี ปรส.ที่มีการดำเนินคดี หาหลักฐานกันเกือบ 10 ปี ทั้งที่เป็นคดีที่สร้างความเสียหายต่อประเทศมหาศาล แต่ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้ ทั้งนี้พวกตนได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ว่าเมื่อศาลนัดฟังคำตัดสินรวดเร็วอย่างนี้ ก็เป็นไปได้สูงว่าคำตัดสินคดีของ นายสมัคร คงออกมาในทางที่ไม่ดีอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณี นายนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ที่ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ ขึ้นมาดำเนินการหาทางแก้ไขปัญหาการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากคณะทำงานดังกล่าวไดประสานงานหารือกับทางผู้บัญชาการทหารบก และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มีความเห็นในเบื้องต้นว่า ทางออกของวันนี้ ก็คือ ทุกฝ่ายควรต้องลดทิฐิ และเสียสละเพื่อชาติ ถอยกันคนละก้าว โดยนายกรัฐมนตรีควรจะต้องลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตั้งรัฐบาลใหม่ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ทำหน้าที่ชั่วคราวในระยะสั้นก่อนที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชน หรือนายกรัฐมนตรีควรประกาศยุบสภา ขณะเดียวกัน ทางพันธมิตรฯ ควรจะต้องเคารพและปฏิบัติภายใต้กฎหมาย และต้องยุติการชุมนุม พร้อมเห็นว่าแนวทางในเรื่องของการทำประชามติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอนั้น ไม่น่าจะปฏิบัติได้ในตอนนี้

ซึ่ง 3 ผู้ดำเนินรายการ ได้แสดงทัศนะว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นความคิดที่โหล่ยโท่ยที่สุด ที่จะไปรับฟังข้อเสนอของพันธมิตรฯ ซึ่งคนในบ้านเมืองคงไม่อาจจะรับเงื่อนไขแบบนี้ได้ เพราะเหมือนกับการยกย่องกบฏ ให้กบฎอย่างแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน มีอำนาจต่อรองกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งพวกตนก็ไม่รู้ว่านายประสพสุข ยังมีวุฒิภาวะ ยังมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่จริงหรือจึงมาเสนอความคิดแบบนี้ว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ พวกตนคิดว่าทางออกของปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น ควรจะทำประชามติสอบถามความคิดเห็นของประชาชนจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะในเมื่อต่างฝ่าย ต่างอ้างว่ามาจากความต้องการของประชาชน ก็ควรจะให้ประชามติตัดสินไปเลย ว่าแท้จริงแล้วประชาชนมีความต้องการอย่างไร ต้องการให้รัฐบาลออกจากตำแหน่งตามที่พันธมิตรฯ กล่าวอ้างหรือไม่ แต่ไม่ใช่เอาแค่การชุมนุมของคนกลุ่มเดียวมาตัดสิน ว่าเป็นเสียงของคนทั้งประเทศ

อนึ่ง หลังจบรายการเพื่อนพ้องน้องพี่แล้ว ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 ก็ได้เดินสายไปจัดรายการ “ความจริงวันนี้” ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที เช่นเคย ซึ่งเนื้อหาก็ยังคงซ้ำซ้อนกับเนื้อหาที่กล่าวไปแล้วในรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ นั่นคือ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร อาจถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ โดยผู้ดำเนินรายการได้ขอให้ผู้ชมทางบ้านร่วมแสดงความคิดเห็นมายังรายการ ว่า หากนายสมัคร ต้องออกจากตำแหน่งจริง คิดว่านายสมัคร ควรกลับมาเป็นนายกอีกครั้งหรือไม่ หากเห็นด้วยให้พิมพ์ 1 และหากไม่เห็นด้วยให้พิมพ์ 2

แต่อย่างไรก็ตาม นายจตุพร กล่ายยืนยันว่า ถึงแม้วันพรุ่งนี้ศาลตัดสินให้ นายสมัคร ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริง พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็ได้มีมติกันแล้วว่าจะโหวตเลือกนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งอย่างแน่นอน

จากนั้นได้กล่าวถึงกรณีที่วันนี้ อัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้อง นายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธาน ปรส.กับพวกทั้งบุคคลและนิติบุคคล ในคดีเอื้อประโยชน์แก่กองทุนรวม โดยทำการประมูลขายสินทรัพย์ 56 ไฟแนนซ์โดยมิชอบ โดยศาลจะนัดตรวจพยานหลักฐาน 20 ต.ค.นี้ ว่า ถือเป็นอีกขั้นที่คดีที่มีมูลค่าความเสียหายกว่า 6 แสนล้าน ได้คืบหน้าไปอีกขั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ทั้งนี้พวกตนอยากจะฝากไปยังประชาชนทุกคนด้วยว่า หากใครก็ตามที่เคยได้รับผลกระทบ หรือเสียหายจากคดีดังกล่าว ให้รีบติดต่อไปที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหาเพิ่มเติมได้อีก เพื่อจะได้มีหลักฐานเพิ่มเติมใช้ในการเอาผิดกับผู้กระทำความผิดได้

และในช่วงท้ายผู้ดำเนินรายการก็ได้กล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ เช่นเคย โดยกล่าวว่า พวกตนจะไม่ขอเรียกว่า กลุ่มพันธมิตรฯ อีกต่อไป แต่จะเรียกว่า พวกก่อการกบฏที่มีความคิดวิปริตไปแล้ว โดยพวกตนเห็นว่า ข้อเสนอการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีทางยอมรับ ซึ่งหากนำเอามาใช้จริงก็จะขัดต่อหลักประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก และการบริหารประเทศต่อไปจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก และว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีสิทธิ์จะเสนอความคิดไม่ได้เรื่องแบบนี้ได้ จนกว่าแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 ที่ถูกออกหมายจับ จะมอบตัวสู้คดี และค่อยแสดงความคิดเห็นตามแบบประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ใช้อำนาจการชุมนุม มาต่อรองให้มีการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองเช่นนี้
นายวีระ มุสิกพงษ์
นายจตุพร พรหมพันธุ์
นายก่อแก้ว พิกุลทอง
กำลังโหลดความคิดเห็น