รมว.ยุติธรรม “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เชื่อ ประชามติ จะสามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้ ชี้ ไม่ควรเสียดายงบแค่ 2,000 ล้าน เพราะหากไม่ทำ อาจจะเกิดความเสียหายกับบ้านเมืองเป็นหมื่นล้าน ด้าน รมว.คลัง “สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ย้ำ รบ.ไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง แต่จะลาออกก็ต่อเมื่อผลประชามติระบุว่า ปชช. อยากให้ลาออกเท่านั้น – รองนายก “สนั่น ขจรประศาส์น”แนะรัฐบาล ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินเสียก่อนทำประชามติ เพื่อลดความกดดันให้ทุกฝ่าย
วันนี้ (6 ก.ย.) นายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงคดีออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรว่า ขอให้พันธมิตรเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมมามอบตัวและประกันตัวไป แล้วกลับไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลได้ ก็ไม่มีปัญหา ทำเนียบไม่ได้หนีไปไหน อยู่ที่นั่นก็อยู่ไปเถอะ อยู่ได้ก็อยู่ไป รัฐบาลก็ทำงานไป แต่ควรแสดงความเคารพศาล เชื่อมั่นวิธีพิจารณากฎหมาย ซึ่งศาลให้ความเป็นธรรมเสมอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการทำประชามติจะเป็นทางออกแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การทำประชามติเป็นการถามความเห็นประชาชน ว่าการกระทำของทั้งสองฝ่าย เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับใคร ซึ่งตนก็จะลงพื้นที่ไปถามชาวบ้าน 3-4 อำเภอ ด้วยเหมือนกันและเชื่อว่าจะไม่สร้างความแตกแยกในสังคมเพิ่มขึ้น เพราะหากสังคมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพันธมิตร รัฐบาลก็ต้องไป แบบขี่ม้าออกไปเลย ส่วนเรื่องของงบประมาณในการทำประชามตินั้น ตนคิดว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะแม้วการทำประชามติ จะต้องใช้เงิน 2,000 ล้านบาท แต่ตนคิดว่าหากไม่ทำประเทศก็อาจเสียหายนับหมื่นล้านบาททีเดียว
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการทำประชามติน่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศได้ เพราะหากจะยุบสภาก็ต้องเป็นเหตุผลที่สมควรแก่เหตุ เช่น มีเรื่องความเห็นแตกต่างในสภา ชนิดที่ไม่สามารถตัดสินใจในสภาและไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ต้องส่งเรื่องกลับไปให้ประชาชนตัดสิน แต่ถ้ายุบสภาเพราะมีคนมายึดทำเนียบรัฐบาล ไทยก็จะถูกตั้งคำถามจากทั่วโลกว่ายังมีหลักเกณฑ์ มีกติกากันอยู่หรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลประชามติออกมาว่าให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือให้ยุบสภา รัฐบาลจะทำอย่างไร นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า “เอาเลย พร้อมเลย ถ้าประชามติบอกว่า รัฐบาลไม่ควรอยู่ต่อไปแล้ว เราก็ไป เพราะว่ากระบวนการประชามติ เป็นกระบวนการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ และประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเห็นแบบนั้น รัฐบาลต้องยอมรับและต้องไป แต่ตอนนี้นายกฯยังสู้ต่อไป เพื่อรักษากติกาของบ้านเมือง ไม่ใช่เพราะยึดติดกับตำแหน่ง หรือรองบประมาณอย่างที่มีใครตั้งข้อสังเกตกัน”
เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นหรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เรื่องปฏิวัติไม่เคยอยู่ในความคิดของรัฐบาลเลย เพราะถ้ามีการปฏิวัตอีกครั้ง ประเทศไทยจะกลายเป็นแบบประเทศพม่าไปเลย
ขณะที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ในงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 74 ปีในวันที่ 7 ก.ย.นี้ โดยมีประชาชนจังหวัดพิจิตรประมาณ 2,000 คน ได้ร่วมกับจัดงานดังกล่าว โดย พล.ต.สนั่นกล่าวว่า รัฐบาลควรยกเลิกภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแ ละเพื่อเป็นการลดการกดดันของทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนเรื่องของการทำประชามตินั้น ตนเชื่อว่าจะมีต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และหากผลประชามติออกมาว่ารัฐบาลควรลาออกหรือยุบสภา รัฐบาลก็ต้องยอมรับความจริง เพราะรัฐบาลเป็นผู้เสนอให้มีการทำประชามติเอง นอกจากนี้ตนยังเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ในเร็วๆ นี้