“เทพมนตรี” ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ย้ำไทยเสีย 4.6 ตร.กม.บนเขาพระวิหารให้เขมรในยุค “รบ.หมัก” ค่อนข้างแน่ หลังจากเสีย 150 ไร่ ตอนประกาศมรดกโลก แฉรัฐบาลยกให้กัมพูชาตั้งแต่ก่อนวันประกาศ เตรียมทำหนังสือถึงราชเลขาธิการกราบบังคมทูลในหลวงทรงทราบ นายกฯ-ครม.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทำให้สูญเสียอธิปไตยเขาพระวิหาร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายเทพมนตรี ลิมปพยอม ปราศรัย
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ ขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า 100 กว่าวันแล้วที่พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุม ตนก็ทำเรื่องปราสาทเขาพระวิหารมาจนครบ 100 วันพอดี และได้ข้อสรุปว่า ตอนนี้เรากำลังจะสูญเสียที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตร ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นี้
นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตระกูลสุนทรเวช ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างคุณแจ่ม สุนทรเวช ปู่ของนายสมัคร กับพระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี ซึ่งเป็นลุงของนายสมัคร เพราะทั้ง 2 ท่านนั้นรักแผ่นดินไทยมาก
นายเทพมนตรี กล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศสมัยที่มีนายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีนั้น เคยทำหนังสือกราบเรียนราชเลขาธิการในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 ก่อนการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก 17 วัน ปรากฏว่าข้อความในนั้นบ่งชัดว่า รัฐบาลนายสมัครขณะนั้นรู้อยู่แล้วว่าเขมรต้องได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก แล้วก็สร้างกลลวงหลอกพวกเราตั้งนายปองพล อดิเรกสาร มาเป็นประธานคณะกรรมการมรดกโลก กดดันให้ ศ.ดร.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ให้ลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อเอาคณะของตัวเองเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็ยกดินแดนรอบปราสาทเขาพระวิหารให้แก่เขมร
นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า อยากจะสั่งสอนรัฐบาลชุดนี้ด้วยพระราชกระแสรับสั่งของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปที่เกาะกง ในปี 2450 พระองค์ท่านได้เขียนหนังสือเป็นเอกสารลับเฉพาะตัวถึงพระยาสุริยานุวัตร ต้นตระกูลบุนนาค ของนายเตชนั่นเอง พระองค์ได้บอกไว้ว่า “เรามีความเหนื่อยหน่ายใจ ในการซึ่งต้องเอาใจกันอยู่เช่นนี้เหลือกำลัง ความมุ่งหมายว่าจะได้ความสงบจากสัญญาที่ได้กระทำแล้ว หรือที่จะทำใหม่ก็เป็นสุดทางที่จะทำมุ่งหมายอยู่แล้ว มีแต่ทางที่จะต้องรอนกำลังตัว แลให้เขาเดินหนักขึ้นไปตามใจชอบทุกที เสียรายทางอยู่ไม่ขาด การซึ่งจะมีผลร้ายในเวลาที่สัญญาไม่ตกลง กับที่จะต้องเสียรายทางเช่นนี้อยู่เสมอ จะผิดกันอย่างไร ก็แลไม่เห็น พระยาสุริยาคิดแลหนทางอย่างไร ขอให้แนะนำตักเตือนสักหน่อย หน้ามืดเต็มที่”
นายเทพมนตรี กล่าวว่า นี้เป็นการเสียดินแดนครั้งสุดท้ายของเราในสมัยรัชกาลที่ 5 หนังสือฉบับนี้เขียนในวันที่ 11 พฤษภาคม 2450 หลังจาก 100 ปีผ่านมา บัดนี้เรากำลังจะเสีย 3,000 ไร่ให้กับกัมพูชาตรงบริเวณเขาพระวิหาร แล้วรัฐบาลก็ทำเนียนๆ นายสมัครบอกว่าเราไม่เคยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ซึ่งนายสมัครโกหก
ตนในฐานเป็นนักประวัติศาสตร์ ขอยืนยันว่า ตั้งแต่ทำเรื่องนี้มา 3 เดือน นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็น รมว.กลาโหม แต่ไปเยี่ยมทหารแค่ครั้งเดียวที่ปราสาทพระวิหารนั่นเอง แล้วไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเขาพระวิหารอีกเลย นอกจากบอกว่าเราได้เสียดินแดนให้เขาไปแล้วเมื่อ 46 ปีก่อน นายสมัครไม่อ่านคำพิพากษาศาลโลก แม้แต่ศาลของเราคือศาลปกครองสูงสุดที่ไม่ให้เอาแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาไปใช้ นายสมัครก็ไม่อ่านข้อความ เพราะข้อความศาลปกครองสูงสุดบอกว่าเราเสียดินแดน
นายเทพมนตรี เปิดเผยอีกว่า มีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่ทำเรื่องนี้อยู่ และเราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำอะไรบางอย่าง นายสมัครมักพูดอยู่เสมอว่าไปเฝ้าฯ เจ้านาย นายสมัครเป็นใคร ไปพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าเป็นเจ้านาย ซึ่งไม่ถูกต้อง ใครกันแน่ที่เอาเบื้องสูงลงมาทุกครั้ง แม้แต่วันที่จะพยายามเคลื่อนย้ายพี่น้องออกจากทำเนียบ ก็อ้างเบื้องสูงอยู่เสมอ มันไม่ไหวแล้ว
นายเทพมนตรี กล่าวว่า ตนกำลังจะทำหนังสือถึงราชเลขาธิการ เรื่องขอนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ กรณีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บกพร่อง ประมาท เพิกเฉยอย่างร้ายแรง ทำให้ประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยกรณีปราสาทพระวิหาร
หนังสือดังกล่าวจะเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ที่เราสูญเสียพื้นที่ไปแน่นอนแล้วประมาณ 150 ไร่ จากการประกาศของคณะกรรมการมรดกโลก มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่นายนพดล ปัมทะ อดีต รมว.ต่างประเทศที่บอกว่าเราไม่เสียดินแดน
นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า ตนเคยนำเรียนต่อ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในวันที่เรามีการประชุมระหว่างนักวิชาการและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรว่าเราได้เสียดินแดนไปแล้วตอนประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก ปรากฏว่า พล.อ.บุญสร้างเห็นด้วย และบอกว่าจะพยายามเอารั้วลวดหนามและประตูเหล็กกั้นตรงบันไดนาคใกล้กับตัวปราสาทพระวิหาร แต่บัดนี้เวลาผ่านไป 1 เดือนกว่าแล้วก็ยังไม่มีทหารคนไหนขึ้นไป อยากจะฝากบอกไปถึง ผบ.ทบ.ด้วยว่า ท่านก็รู้ว่าเราเสียดินแดนไปแล้ว แต่ทำไมถึงไม่เอาทหารขึ้นไปบนเป้ยตาดีของเรา ปล่อยให้นางรานีเมียของนายฮุนเซนขึ้นมาทำพิธีบ้าๆ บอๆ
“คุณอย่าลืมว่าประวัติศาสตร์มันจะบอกว่าคุณเป็นใคร มันมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ไม่ว่านายกฯ สมัครหรือใครก็ตามที่ทำให้เสียดินแดน คุณคิดอยู่เสมอหรือไม่ว่าคุณต้องการอนุสาวรีย์แบบไหน อนุสาวรีย์ที่มีคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ไปไหว้ หรืออนุสาวรีย์ที่ร้างลาและมีสุนัขไปเยี่ยวใส่” นายเทพมนตรีกล่าว