เยาวชนเมืองชลฯชี้รัฐบาลควรยอมรับความจริงพร้อมระดมความคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร

ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักเรียนโรงเรียนดาราสมุทรจัดนิทรรศการเสริมสร้างการเรียนรู้ โดยยกเรื่องราวเขาพระวิหารมาเผยแพร่ พร้อมแสดงความคิด เขาพระวิหารน่าจะเป็นดินแดนที่เป็นการปกครองร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา

นายคฑาวุธ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนดาราสมุทร จังหวัดชลบุรี เผยว่า จากกรณีที่กัมพูชาได้เสนอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกต่อองค์การยูเนสโก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ณ เมืองไครสเชิร์ช นิวซีแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2550 แต่ไทยมีปัญหาว่าแผนที่ ที่กับพูชาแนบท้ายว่าเป็นอาณาบริเวณของพระวิหารนั้นได้ ขีดเส้นเขตแดนล้ำเข้ามาในบริเวณทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของปราสาท ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อน และได้ขีดเส้นเขตแดนประเทศล้ำเข้ามาในฝั่งไทย

ต่อมานายนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้ลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกับฝ่ายกัมพูชาและยูเนสโก ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศเพื่อขับไล่นายนพดล ปัทมะ ให้ออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร เนื่องจากไม่ยอมเปิดเผยแผนที่ทับซ้อนเขาพระวิหารให้กับประชาชนคนไทยได้รับรู้ หลังจากตกลงร่วมกับประเทศกัมพูชาไปก่อนหน้านี้

เรื่องดังกล่าว เป็นที่น่าสนใจในกระแสสังคม เพื่อนนักเรียนในกลุ่มจึงสนใจและอยากศึกษา พร้อมทั้งกำลังศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งมีเรื่องเขาพระวิหารในบทเรียนด้วย จึงได้ติดตามข่าว และค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งทำให้เรารู้ว่าอะไรอีกมาก จึงได้หารือกับเพื่อนในกลุ่ม จัดนิทรรศการวิการเรื่องเขาพระวิหาร ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ในขณะนี้ มาเผยแพร่ด้วย

สาเหตุที่นักเรียนกลุ่มนี้จัดแสดงก็เพราะเรื่องปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในช่วงที่ประชาชนให้ความสนใจ เป็นเรื่องราวที่นักเรียน และเยาวชนสมควรรับทราบข้อมูล ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้ได้ศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดเพื่อนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ กลุ่มอื่น ๆ ในโรงเรียนได้รับทราบข้อมูล ซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

โดยในความรู้สึกแล้ว อยากให้ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้ใช้พื้นที่ส่วนนี้ร่วมกัน และ มีสิทธิที่จะดูแลรักษาร่วมกัน จะได้ไม่เกิดการขัดแย้ง อยากให้ทั้งสองประเทศมีสิทธิร่วมกันรักษาเขาพระวิหารที่เป็นมรดกโลกร่วมกัน เพราะเมื่อในอดีตดินแดนแห่งนี้ประชาชนทั้งสองประเทศได้อาศัยอยู่ด้วยกันอย่าง รักใคร่กันดี แต่เมื่อมีการตัดสินว่าดินแดนตรงนี้เป็นมรดกโลกของกัมพูชา จึงทำให้เกิดการขัดแย้ง เป็นการบาดหมาง จึงอยากให้ศาลโลกตัดสินให้พื้นที่บริเวณเขาพระวิหารเป็นเขตปกครองร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา

นายสราวุธ นักเรียนชั้นม.6 ร.ร.ดาราสมุทร เผยเพิ่มเติมว่า "เท่าที่ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องเขาพระวิหาร เราได้ทราบถึงอดีต เรื่องการที่เราต้องสูญเสียดินแดนของไทยไป เราจะเห็นได้ว่าศาลยุติธรรมของโลกหรือศาลโลกนั้นบางทีอาจมีคำพิพากษาที่ผิดพลาดไปบ้าง ทำให้คนไทยต้องเสียดินแดนส่วนหนึ่งไปให้ประเทศกัมพูชา แต่เมื่อมาถึงจุดนี้เราควรหาจุดที่ประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

ในขณะนี้ผมเองไม่สามารถบอกได้ว่าผมต้องการได้เขาพระวิหารคืนมาไม่ แต่จะเป็นคำตอบของคนไทยทั้งประเทศ แต่ตอนนี้ผมอยากให้ประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาร่วมกันหารือเรื่องนี้โดยด่วน ซึ่งประเทศไทยมีคนที่มีความรู้ความสามารถทางวิชาการเป็นจำนวนมาก มีผู้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่จะสามารถออกมาให้ความรู้เรื่องนี้แก่ประชาชนได้ ก็อยากให้ผู้ใหญ่ทางบ้านเมืองออกมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เผยแพร่แก่เด็กและเยาวชนเกี่ยวกับเขาพระวิหารให้ได้รับทราบข้อมูลกันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งพวกเราเยาวชนเห็นความสำคัญของคดีนี้เราจึงได้จัดนิทรรศการนี้ขึ้นมาคับ"

นานณรัฐ 1 ในกลุ่มที่ร่วมจัดนิทรรศการ ฯเผยว่า "เรื่องเขาพระวิหารนั้น แต่เดิมเป็นที่ส่วนรวมของคนสองฝั่งทั้งคนกัมพูชาและคนไทย พอมรการประกาศว่าเขาพระวิหารจะต้องเป็นมรดกโลก ของประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็ทำให้คนสองฝั่งที่เขาเคยอยู่ร่วมกันต้องมาทะเลาะ แบ่งแยกกัน จริง ๆ แล้วถ้าศาลโลกตัดสินว่าให้เป็นมรดกโลกร่วมกัน ให้ทั้งสองประเทศมีส่วนร่วมกันดูแลรักษามรดกโลกอันนี้ มันก็ดีกว่าที่จะมาแบ่งแยกว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา หรือของไทย ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดความแตกแยกขึ้นได้”