ม็อบนรกป่วนกรุง! เคลื่อนขบวนจากสนามหลวง มุ่งป่วนพันธมิตรฯ อ้างจะยึดทำเนียบคืน ขณะตำรวจปล่อยให้ฝ่าด่านหน้า สน.นางเลิ้ง-แยก จปร.และหน้า บก.ทบ.อย่างง่ายดาย จนเข้าปะทะกับการ์ดพันธมิตรฯ ที่มัฆวานได้รับบาดเจ็บหลายรายทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีรถขนอุปกรณ์ตั้งเต็นท์มาจอดที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาล สน.นางเลิ้ง เมื่อสอบถามทราบว่าจะมีการปักเต็นท์สำหรับการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปก.) โดยจะมีการตั้งเวลทีถาวร พร้อมกับเต็นท์ 20 หลัง โดยจะแบ่งกำลังคนของ นปก.จากสนามหลวงมาบางส่วน เพื่อมาชุมนุมที่ถนนราชดำเนินนอก จากบริเวณหน้า สน.นางเลิ้ง ไปจนถึงแยก จปร.
ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่ม นปก.จะเคลื่อนมายังหน้า สน.นางเลิ้ง ในเวลาประมาณ 00.30 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง คอยประสานงานการชุมนุมเพื่อไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.20 น. ขบวนของ นปก.2,000 คน รถเครื่องเสียง 3 คัน ถือไม้พร้อมท่อนหล็กได้เดินออกมาจากสนามหลวง โดยมุ่งหน้ามาตามถนนราชดำเนินกลาง พร้อมตะโกนร้องขับไล่แกนนำพันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะบุกเอาทำเนียบคืน
ขณะที่การตั้งรับของเจ้าหน้าที่นั้น ทีมการ์ดของพันธมิตรฯ ได้มาหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีตำรวจจากกองกำกับการตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา และลพบุรี
พ.ต.ท.ประเวศ ศรีนาค รอง ผกก.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า จะให้ นปก.ตั้งแนวตั้งแต่ แยก สน.นางเลิ้งมาจนถึงแยก จปร.ไม่ให้มาเผชิญหน้ากับพันธมิตรฯ โดยการเคลื่อนขบวนของ นปก.ครั้งนี้อ้างว่ามาเพื่อทวงทำเนียบรัฐบาลคืน โดยจะทำการปิดล้อมทำเนียบอีกชั้นหนึ่ง ห้ามไม่ให้ใครเข้าไป แต่ให้ออกได้ และห้ามรถน้ำ-อาหารเข้าออก
ส่วนคนรับจ้างติดตั้งเต็นท์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการว่าจ้างให้มาติดตั้งเต็นท์ติดกับเวทีของพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ แต่ตนไม่กล้าเพราะกลัวจะเกิดการปะทะแล้วโดนลูกหลงด้วย จึงนำเต็นท์มาลงที่หน้า สน.นางเลิ้ง แต่ก็ยังไม่กล้าติดตั้ง แค่วางเอาไว้เท่านั้น
โดยตำรวจใช้กำลัง 8 กองร้อยตั้งด่านสกัด 3 จุด จุดแรกที่ สน.นางเลิ้ง แต่ นปก.ใช้เวลา 10 นาที ก็ฝ่าแนวกั้นได้ จุดสกัดที่ 2 อยู่ที่แยก จปร. กลุ่ม นปก.ก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ผ่านได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะมาถูกสกัดที่จุดที่ 3 ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก จุดนี้ตำรวจพยายามสกัดดั้น แต่ก็ปล่อยในที่สุด จนไปเผชิญหน้ากับพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน และมีการปะทะกัน เมื่อเวลาประมาณ 01.10 น.
ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดทำให้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายจำนวนหลายสิบคน โดยรถพยาบาลได้แยกลำเลียงส่งโรงพยาบาลวชิระและโรงพยาบาลจุฬาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเคลื่อนขบวนของ นปก.นั้น วิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ 97.25 เมกะเฮิตซ์ ได้มีการปลุกระดมโดยนายถนอม การะเกด ให้คนขับรถแท็กซี่และรถตู้ออกมาล้อมทำเนียบรัฐบาลเอาไว้ และประกาศว่าจะยึดทำเนียบรัฐบาลคืนให้ได้ภายในคืนนี้ รวมทั้งยังได้กล่าวหาว่า พันธมิตรฯ ได้ยึดเอาอาวุธสงครามของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว
ขณะที่กลุ่มม็อบต่างมีอารมณ์กราดเกรี้ยว มีอาวุธเป็นไม้หน้าสามจำนวนมาก ส่วนบนเวทีรถเครื่องเสียงมีนายวิภูแถลง วิพัฒนภูมิไท นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตแกนนำ นปก.กล่าวปราศรัยปลุกเร้า ส่วนผู้ชุมนุมต่างตะโกนร้องด้วยความโกรธ โดยมีนายอริสมันต์ พงษ์เรือง อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยรักไทย นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ร่วมเดินมาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์เผชิญหน้ากับการ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์นั้น ฝ่าย นปก.พยายามฝ่าด่านเข้าไป แต่ถูกพันธมิตรดันออกมา และมีการขว้างปาสิ่งของ อิฐ ไม้ เข้าใส่กัน จนเวลาประมาณ 01.16 น. มีเสียงดังคล้ายเสียงปืนขึ้น 8 ครั้ง ที่แนวปะทะ และฝ่าย นปก.ถูกการ์ดพันธมิตรฯ รุกไล่จนถอยออกไปตั้งหลักอยู่บริเวณซอยพะเนียง หน้าสำนักงาน อ.อ.ป.ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรไม่ได้ตามไป เพียงแต่วางกำลังคุมเชิงอยู่ในที่ตั้ง โดยทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามากั้นแม้แต่คนเดียว
ส่วนผลจากเหตุปะทะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เท่าที่ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นมี 2 ราย โดยรายหนึ่งเป็นวัยกลางคนมีผ้าแดงโพกที่หัว ถูกยิงที่ขาซ้ายเสียเลือดมาก นอนกองที่ซอยพะเนียง เพื่อรอรถพยาบาล คาดว่าจะส่งไปที่โรงพยาบาลวชิระ ส่วนอีกคนอายุ 50-60 ปี มีเลือดออกที่ใบหน้า กำลังมีรถพยาบาลมารับ
นอกจากนี้ มีรายงานว่าฝ่ายพันธมิตรฯ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บด้วย 3 คน
ขณะที่สถานการณ์เผชิญหน้ายังคงมีอยู่ เนื่องจากฝ่าย นปก.ได้ประกาศบนรถเครื่องเสียงว่า จะไม่ถอยไปมากกว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเพลี่ยงพล้ำต่อพันธมิตรฯ โดยยังปักหลักที่หน้าซอยพะเนียง
ส่วนที่เวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้รายงานสถานการณ์ให้ผู้ชุมนุมทราบเป็นระยะๆ โดยระบุว่าตำรวจได้ปล่อยให้ นปก.เข้ามาโดยง่าย ขณะเดียวกันกลับล็อกการ์ดพันธมิตรไว้ไม่ให้ออกไป อย่างไรก็ตาม กำลังของการ์ดพันธมิตรฯ สามารถรักษาแนวป้องกันเอาไว้ได้ และสามารถจับตัวฝ่ายก่อกวนได้ 2 คนมีอาการเมาสุรา และสารภาพว่าได้รับจ้างมาหัวละ 500 บาท จึงนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ขอให้พี่น้องผู้ชุมนุมไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วจะเอามาขึ้นเวที
ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นได้ชัดเจนว่าตำรวจได้ร่วมมือกับ นปก.ในการปิดล้อมพันธมิตรฯ นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดที่สุด โดยจะปล่อยให้ นปก.บุกเข้ามา ขณะที่ประชาชนที่จะมาสมทบพันธมิตรฯ นั้น ก็ห้ามไม่ให้เข้ามาเสริมและห้ามส่งน้ำส่งอาหาร ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องที่อยู่ข้างในใช้น้ำให้ประหยัดที่สุดและแบ่งปันกัน เชื่อว่าพวกเขาคงไม่กล้าบุกเข้ามา เพราะถ้าบุกจะต้องปีนกำแพง
นายสนธิ ได้ประกาศให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่อยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดให้พากันเข้ามาสมทบ และหากถูกตำรวจสกัดก็ให้รวมตัวกันให้ได้สัก 2 พันคนแล้วค่อยบุกเข้าไป เชื่อว่าตำรวจจะไม่สามารถสกัดกั้นได้
ด้าน นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกบนเวที กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่าการจัดม็อบมาก่อกวนพันธมิตรฯ ครั้งนี้ มีรัฐมนตรี 2 คนควบคุมมาด้วยตนเอง คือ นายพงศกร อรรณพพร รมช.ศึกษาธิการ กับนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ซึ่งมาบัญชาการเองอยู่ที่ซอยพะเนียงใกล้ร้านลิขิตไก่ย่าง
เวลา 01.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้ตั้งแถวกั้นระหว่าง 2 ฝ่ายแล้ว และมีรายงานว่าการเคลื่อนขบวนของ นปก.ครั้งนี้มี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกขับรถตามมาด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 02.00 น.มีรายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิต 3 ราย ติดอยู่ในแนวปะทะยังไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใด
ต่อมาเวลาประมาณ 02.25 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ และให้สัมภาษณ์ว่าจะขอความร่วมมือจากทหารกองทัพภาคที่ 1 มาช่วยควบคุมสถานการณ์ โดยแม่ทัพภาคที่ 1 อาจมาดูแลด้วยตัวเอง และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ กำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ถึงขึ้นที่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และจะเจรจากับผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนี้ จะดูภาพเหตุการณ์จากโมเดิร์นไนน์ทีวี และฟังรายงานสรุปจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ส่วนกำลังทหารที่จะมาช่วยควบคุมสถานการณ์นั้นจะมาอยู่ที่แนวด้านหลัง นปก.
ด้าน นายจรัญ ดิษฐาอภิชัย อดีต แกนนำ นปก.ซึ่งเดินทางมากับขบวนของ นปก.กล่าวว่า นปก.เคลื่อนขบวนมาเพราะทราบว่าพรุ่งนี้พันธมิตรฯ จะเผด็จศึกจึงมาตรึงกำลังไว้ตรงนี้ เพราะไม่รู้ว่าพันธมิตรจะทำอะไร แต่ก็ไม่ประสงค์จะมาประทะ แต่ยอมรับว่ามวลชน นปก.นั้นอยู่ในสภาพที่คุมไม่ได้ แม้มีประสบการณ์จากการเผชิญหน้าเมื่อวันที่ 25 พ.ค.มาแล้ว แต่ก็เชื่อว่าครั้งนี้จำเป็นต้องเคลื่อน เพราะเป้าหมายคือการทวงคืนทำเนียบรัฐบาล โดยใช้วิธีชุมนุม แม้จะรู้ดีว่าพันธมิตรฯ คงไม่ออกจากทำเนียบ
นายจรัญ บอกอีกว่า โดยส่วนตัวการคลี่คลายปัญหาขัดแย้งขณะนี้ไม่เห็นด้วยกับการประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งจะเอื้อให้ทหารออกมา วิธีการที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องยุบสภา เพราะเป็นวิธีการที่นุ่มนวลที่สุด
ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย รายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมของ นปก.ส่วนใหญ่จะเป็นชายฉกรรจ์ และมีอาการมึนเมาสุรา ส่วนเอ็นบีทีรายงานว่าฝ่ายพันธมิตรฯ มีอาวุธพร้อมทุกอย่าง ขณะที่ นปก.มีเพียงไม้และหมวกกันน็อกเท่านั้น นอกจากนี้ยังพูดย้ำอยู่ตลอดว่าฝ่ายพันธมิตรฯ เป็นฝ่ายที่ยิงปืนทำให้ นปก.เสียชีวิต
ทั้งนี้ ได้มีม็อบ นปก.ส่วนหนึ่งเดินทางไปปิดล้อมที่บริเวณสนามม้านางเลิ้งที่มีพันธมิตรฯ บางส่วนไปพักผ่อนและใช้บริหารห้องน้ำอยู่ และขู่บังคับไม่ให้พันธมิตรฯ ออกมา
ศูนย์เอราวัณเผยยอดเจ็บ 34 ตาย 1
เวลา 03.00 น. วันที่ 2 ก.ย. นพ.เพ็ชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ ให้สัมภาษณ์ในช่วงเกาะติดสถานการณ์ข่าว สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ถึงจำนวนผู้ขาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่กลุ่ม นปก.บุกเข้าไปที่สะพานมัฆวานฯ ว่า มีจำนวนผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 34 ราย โดยมีอาการบาดเจ็บสาหัสจำนวน 4 ราย ซึ่ง 2 รายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น มาจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน
ส่วนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว จำนวน 1 ราย ชื่อนายณรงค์ศักดิ์ เกาะไธสงค์ อายุ 35 ปี ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตจากการถูกตีด้วยของแข็ง เนื่องจากมีบาดแผลถูกทุกตีเป็นรอยบุบ บริเวณใบหน้าและศีรษะ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิต เป็นคนของกลุ่มใด หรือเป็นชาวจังหวัดอะไร
เวลาประมาณ 03.10 น. ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 จำนวน 1 หมวด 150 นาย มาร่วมตรึงกำลังที่แนวตรงกลางระหว่าง นปก.กับพันธมิตรฯ พร้อมอุปกรณ์โล่ปราบจลาจล
เวลา 03.20 น. เกิดเหตุวุ่นวายที่ซอยพะเนียง เมื่อกลุ่ม นปก.รุกไล่ผู้ที่เข้าไปในซอย เพื่อรุมทำร้ายเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นฝ่ายพันธมิตรฯ เข้าไปในกลางซอย มีการขว้างปาข้าวของ รวมทั้งระเบิดขวดเข้าไปในตรอกด้วย แต่ไม่มีเหตุเพลิงไหม้ใดๆ และมีเสียงคล้ายปืนดังขึ้นระหว่างชุลมุน ซึ่งเหตุครั้งนี้ไม่มีรถเครื่องเสียงนำ และไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุม อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด