“สมเกียรติ” หยันมติ 6 พรรคหนุน “หมัก” เป็นนายกฯ ต่อ หวังรวมหัวกินประเทศต่อไป เย้ยสภาที่เคยลงมติรับรองคนขายชาติไม่มีทางแก้ปัญหาได้ เผยได้หารืออดีตผู้พิพากษา ระบุตำรวจไล่หวด-กระทืบ-เอาปืนจ่อหัวพันธมิตรฯ เข้าข่ายพยายามฆ่า-เตรียมการฆ่า ทำเกินคำบังคับคดีศาล เตรียมฟ้องตำรวจจันทร์นี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 23.20 น.วันที่ 30 ส.ค. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงมติที่ประชุม 6 พรรคร่วมรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อ โดยยังให้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และอ้างว่าการประชุมร่วมของ 2 สภาในวันอาทิตย์นี้จะหาทางออกของวิกฤติทางการเมืองขณะนี้ได้ นอกจากนี้จะดำเนินการกับพันธมิตรฯ อย่างนุ่มนวล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สภาก็ด่าพันธมิตรฯ มาตลอด ตนเพิ่งถูกรุมด่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แถมยังเรียกร้องให้ตนลาออก โดยอ้างว่าเพราะถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ ตนจึงได้ท้าไปว่า ถ้าตนลาออกรัฐมนตรีทั้ง 35 คนก็ต้องลาออก เพราะตนและรัฐมนตรีเป็น ส.ส.สัดส่วนเหมือนกัน แล้วใน 35 คนนั้น ล้วนแต่มีปัญหา ทั้งหมอเลี้ยบ (มีปัญหาเรื่องหุ้น) รัฐมนตรีที่ปลอมวุฒิการศึกษา ก็ลาออกสิ ตนจะลาออกตาม
ส่วนสภาชุดนี้ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ยกมือเห็นด้วยกับรัฐมนตรีที่ยกแผ่นดินไทยให้กับเขมร เมื่อมีการเสนอกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางนักการเมือง เพื่อพิพากษานักการเมือง สภาชุดนี้ก็ทำกฎหมายให้ตกไป นี่มันสภาอะไร ตนจึงไม่คิดว่าสภาจะแก้ไขปัญหาได้ ถ้าแก้ได้คงแก้ไปนานแล้ว ตอนที่ตนนำสมัชชาคนจน มาล้อมทำเนียบเป็นเวลา 99 วัน เมื่อปี 2539 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไข 125 ปัญหา ที่เกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการของรัฐ ปัญหาที่ดิน ผลกระทบจากการสร้างเขื่อน และราคาผลผลิตทางการเกษตร เรื่องหนี้สิน
ต่อมา นายสมเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ไปกราบเรียนอดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่ง โดยได้นำภาพตำรวจตีประชาชนระหว่างพยายามสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอดีตผู้พิพากษาบอกว่า ภาพที่ตำรวจใช้ไม้หน้าสามตีนั้น ไม้หน้าสามไม่ใช่อาวุธปกติ แต่เป็นอาวุธพยายามฆ่า
นอกจากนี้ ได้นำภาพที่ประชาชนถูกตีจนสลบ แล้วตำรวจเอาเท้าเหยียบหน้า และภาพที่ตำรวจเอาปืนจ่อหัวประชาชนในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่พวกเราท่องคำว่าอหิงสาคือไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งที่จริงอหิงสาไม่ได้หมายความว่าไม่ต่อสู้ แต่มหาตมะคานธี เคยบอกว่าอะไรที่ทำได้ก็ต้องทำ
สำหรับภาพตำรวจเอาปืนจ่อหัวนั้น อดีตผู้พิพากษาบอกว่า ถือเป็นการตระเตรียมฆ่า ส่วนรูปคนที่เจ็บหนักแล้วเอาเท้ากระทืบซ้ำนั้น ท่านบอกว่าเป็นเจตนาฆ่า เพราะบาดเจ็บแล้วยังกระทืบซ้ำ
“อดีตผู้พิพากษาคนนั้นท่านจบปริญญาเอก ท่านบอกผมว่า ให้ไปดูหมายศาลหน่อย ที่เขาฟ้องแพ่งให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาล แล้ววันรุ่งขึ้นมีการไปร้องศาล ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานบังคับคดีมาติดหมายศาลที่ทำเนียบ ลองไปเอาหมายศาลมาดูซิว่ายังไง ถ้าติดแล้วไม่ออกให้กระทืบมน ให้ตีมัน ศาลว่าอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าศาลไม่ได้ว่าอย่างนั้น ท่านว่า ฟ้องเมื่อไหร่ชนะเมื่อนั้น ตำรวจเป็นจำเลยทันที”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า วันจันทร์นี้จะมอบหมายให้นายวัชระ เพชรทอง ไปคัดคำบังคับคดีของศาล เพื่อจะดูว่าศาลได้สั่งให้กระทืบ หรือใช้ไม้หน้าสามหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ไปฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลย ฟ้องเมื่อไหร่ชนะเมื่อนั้น เพราะศาลในโลกนี้ไม่มีหรอกที่จะบอกว่า ถ้าติดหกมายศาลแล้วไม่ทำตามให้พยายามฆ่า ให้ใช้ไม้หน้าสามตี ให้กระทืบ หรือให้เอาปืนจ่อหัว ไม่มีที่ไหนทำหรอก นอกจากศาลสมัคร
“นายสมัครบอกว่าไปดุด่าว่ากล่าวต่างๆ ตำรวจเขาก็เดือดร้อน ทั้งๆ ที่เขาทำงานตามคำสั่งศาล เข้าไปข้างในจะจบอยู่แล้ว แต่อาจเกิดการกระทบกระทั่งกันบ้าง โอย..สุนัขจิ้งจอก หอกหัก ตะกวด และแลน มันบอกว่า ที่ตีหัวกัน ไม้หน้าสาม ใกล้ตายแล้วกระทืบซ้ำ ปืนจ่อหัว คืออาจกระทบกระทั่งกันบ้าง”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้นายสมัครกำลังร่างแถลงการณ์ยุบสภา หรือลาออก ซึ่งถ้ายุบสภา ต้องรอลงพระปรมาภิไท ส่วนลาออก ไม่ต้อง แค่เปล่งเสียงก็พ้นตำแหน่งเลยโดยกฎหมาย วันพรุ่งนี้จึงเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้าย จะเอาปัญหาต่างๆ ไปแก้ไขในสภาที่ขายชาติ ยกเขาพระวิหารให้เขมร แล้วก็บอกว่าจะอะลุ่มอะหล่วยต่อพันธมิตรฯ จะพูดถึงพันธมิตรในแง่บวก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เคยพูดถึงพันธมิตรฯ ในแง่ลบตลอด
“เขาเคยกล่าวว่าเราเป็นแก๊งข้างถนน เขาบอกว่าฝ่ายเขามามากแล้ว จะขอฆ่าคืนบ้าง แล้วก็บอกให้เลือกข้าง มาวันนี้บอกว่าจะเลือกข้างพันธมิตรบ้าง แต่จะไม่ลาออก เพื่อจะอยู่โกงกินงบประมาณ 18 แสนล้านต่อ” นายสมเกียรติกล่าวประชด