“อดีตอธิบดีกรมตำรวจ” หดหู่พฤติกรรม ตร.ทมิฬ ชี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย

“พล.ต.อ.ประทิน” สุดหดหู่ใจ เห็นตำรวจทำร้ายประชาชน ชี้ตำรวจไม่มีสิทธิ์เข้าสลายและถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย พร้อมระบุคำสั่งคุ้มครองไล่ออกทำเนียบฯ มีผลบังคับแค่แกนนำฯประชาชนไม่เกี่ยว เตือนคนตั้งข้อหากบฎหากพิสูจน์พบพฤติกรรมไม่เข้าองค์ประกอบเจอข้อหากลั่นแกล้งโทษหนักถึงคุกตลอดชีวิต “เจิมศักดิ์” ระบุหลังปฏิรูปครั้งใหญ่ควรยุบกรมประชาฯ ทิ้ง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย" 

วันนี้ (30 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.20 น. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. ดำเนินรายการรู้ทันประเทศไทย บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และอดีต ส.ว.กทม. ร่วมรายการด้วย

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้กำลังสลายประชาชนที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากว่า รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะที่ตนเองเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ เห็นตำรวจทำร้ายประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย อยากบอกพีน้องประชาชนและนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่าการที่ประชาชนมาชุมนุมกันอย่างนี้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายใดห้ามไว้ เรามีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และนายสมัครเป็นนักกฎหมายก็น่าจะรู้ถึงสิ่งเหล่านี้

“ที่ตำรวจอ้างว่าเอาหมายศาลไปปิดแล้วไล่รื้อนั้น ไม่มีอำนาจทำได้ และไม่มีอำนาจไปไล่สลายการชุมนุมของประชาชนที่สะพานมัฆวานฯ ผมเสียใจในรัฐบาลและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เขาน่าจะคาดการณ์ได้ว่าถ้าทำอย่างนั้น (เข้าไปปิดหมายศาล) จะมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น พวกนี้มันไม่ใช้หัวเลย มันใช้หัวแม่ตีนกรอง” พล.ต.อ.ประทิน กล่าว

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวต่อว่า คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว บังคับได้เฉพาะ 6 คนที่เป็นแกนนำฯ เท่านั้น บังคับประชาชนที่อยู่ทนี่ไม่ได้ เพราะปะรชาชนไม่ได้เป็นจำเลยแล้วแกนนำเมื่อเซ็นรับ เดินออกไปแล้วพรุ่งนี้กลับเข้ามาใหม่ก็ทำได้ ถ้าแกนนำ 6 คนไม่ออกไปเมื่อทราบคำสั่งศาลแล้วไม่ออก ก็จับไม่ได้ ตำรวจต้องไปขอหมายเรียกอีกที ถ้ายังไม่ไปอีกก็ถึงจะไปขอหมายจับได้ เมื่อจับแล้วก็ไม่มีโทษ ทำได้แค่จับไปให้ศาลถามว่าทำไมไม่ออก อย่างไรก็ตาม คนที่จะปฏิบัติหน้าที่ต้องมีการรอบรู้ในตัวบทกฎหมาย อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้า แสดงอิทธิฤทธิ์จะติดคุก

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวอีกว่า กรณีนี้คนที่รื้อคือคนทำผิด แต่อย่าไปฟังนายสมัครพูด เขาพูดอยู่กับร่องกับรอยเสียเมื่อไหร่ ขอทำความเข้าใจกับรัฐบาลและตำรวจว่า การที่จะกล่าวหาว่าแกนนำกระทำการเป็นกบฏ ขอให้ระวังไว้นะ เพราะเป็นข้อกล่าวหารุนแรง ตามตัวบทกฎหมาย และเท่าที่ตนดู ความผิดไม่ได้เข้าองค์ประกอบฐานความผิดใดๆเลย

“การยึดทำเนียบไม่ใช่กบฏเพราะไม่มีกฎหมายใดห้ามเข้าชุมนุมในทำเนียบฯ ข้อหากบฏเป็นข้อหาร้ายแรง แกนนำทั้ง 9 ได้รับความเสียหาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 เสียหาย จะต้องเป็นความผิดตามมาตรา 157 นอกจากนั้นยังเป็นความผิดตามกฎหมายในมาตราอื่นๆอีก และข้อหากลั่นแกล้งให้ได้รับโทษ มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ จำคุก 10-20 ปี” พล.ต.อ.ประทิน กล่าว

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า หาก ผบ.ตร.หรือ ผบช.น. จะมาอ้างว่านายกฯ สั่งนั้น อยากจะบอกว่า คำสั่งชอบมิชอบคุณก็ต้องคิด ในเมื่อเขาสั่งด้วยวาจา และคนพูดแบบกลับไปกลับมาไม่ต้องไปฟัง ตำรวจมีสิทธิ์ทำได้ทันทีที่จะไม่ฟังคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนั้น พล.ต.อ.ประทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการส่งสันติบาล 9ทีมเข้ามาปะปนเพื่อจ้องจะอุ้มแกนนำพันธมิตรฯว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 ไม่ใช่คนร้ายที่ดุร้ายไม่จำเป็นต้องมาไล่ตระครุบจับในเวลากลางคืนในฝูงชนมากขนาดนี้จะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก เมื่อวานนี้ยังไม่เพียงพออีกหรอ อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกสันติบาลทั้ง 9 ทีมว่าให้กลับที่ตั้งไปเสีย และปฏิบัติหน้าที่ตัวเองต่อไป ถ้าคนมันฉลาด คนตั้งเยอะอย่างนี้จะมาอุ้มแล้วจะฝ่าออกไปได้ยังไง ใช้หัวแม่ตีนตรองหน่อยได้ไหม

พล.ต.อ.ประทิน ยังกล่าวด้วยว่า สาเหตุที่เรามานั่งชุมนุมที่นี่ตั้งแต่ 25 พ.ค.51 นายสมัครต้องคิดทบทวนดูว่าเพราะอะไร ประชาชนรู้อยู่เต็มอก แต่พูดไปเท่าไหร่มันก็ไม่ฟัง เพราะหน้าด้าน เป็นคนอื่นมีจิตสำนึกเราเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ เราต้องรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เราต้องเสียสละเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง คนเป็นแสนๆไม่ชอบคุณอย่างนี้ คุณยังไม่รู้สึกตัวอีก

“กรณีที่ประชาชนเข้ามาชุมนุมในทำเนียบฯ เป็นสัญลักษณ์ที่เขาต้องรู้สึกตัว ถ้าในต่างประเทศ เรื่องแดงขึ้นมาว่า สงสัยว่านายกฯในสมัยเป็นผู้ว่าฯ จะทุจริตและเรื่องไปถึงป.ป.ช. เขาลาออกไปนานแล้ว”

นายเจิมศักดิ์ ได้ถามว่า สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กลายเป็นโทรทัศน์ที่เป็นกระบอกเสียงของพรรคพลังประชาชน และหมดความน่าเชื่อถือ คิดว่ากรมประชาสัมพันธ์ ควรถูกยุบไหม พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ต้องยุบอย่างแน่นอน เอาไว้ไม่ได้ ไม่ว่าทุกยุคทุกสมัยไม่ได้ทำประโยชน์เลย มาโฆษณาชวนเชื่อแต่เรื่องของรัฐบาลเท่านั้น ต่างประทเศเขาไม่มีกรมประชาฯ เขจาให้ประชาชนทำสื่อเอง ถ้ารัฐบาลทำดี เขาก็จะเข้าไปโฆษณาให้เอง ถ้าทำไม่ได้เขาก็จะติเตียน ทำให้รัฐบาลบริหารประเทศอย่างระมัดระวัง

นายเจิมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้วในระบอบประชาธิปไตย สมัยที่เคยเป็น ส.ว.ได้ไปดูงาน พบว่าไม่มีหน่วยงานเหมือนกรมประชาฯ เลยแม้แต่หน่วยเดียว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ อังกฤษ และหลายประเทศในยุโรป แม้แต่ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์มาก่อน เขาก็ไม่มี เขาจัดสรรให้ชาวบ้านหมด ดังนั้น ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เราต้องยุบกรมประชาสัมพันธ์

นายเจิมศักดิ์ ถามว่า หากวินาทีนี้ พล.ต.อ.ประทินเป็นนายกฯ จะทำอย่างไร พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ไม่เกิดขึ้นแน่ถึงแม้จะเกิดขึ้น ตนก็คงไม่หน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อไปหรอก

“ถ้าผมทำผิดทำชั่วหรือประชาชนไม่ชอบผม มาชุมนุมแค่พันคนผมก็ลาแล้วครับ คนเราต้องมีจิตสำนึก ถ้าทำชั่วก็ต้องลาออก เราต้องเห็นใจประชาชนถ้าขืนอยู่ต่อไป แล้วสร้างความเจ็บแค้นใจมากขึ้นๆ ความรุนแรงจะเกิดขึ้นแน่นอน ไม่มีใครทนได้นานหรอก” พล.ต.อ.ประทิน กล่าว