รัฐบาลเผด็จการใช้ทุกรูปแบบ ส่งกลุ่มบุคคลนาม กลุ่มยุติธรรมไทยยื่นศาลปกครองสูงสุด พิจารณายุติการออกอากาศเอเอสทีวี อ้างเป็นสื่อปลุกระดมการชุมนุม
วันนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองว่า เมื่อเวลา 11.00 น.กลุ่มบุคคลในฝ่ายรัฐบาล โดยใช้ชื่อว่ากลุ่มยุติธรรมไทย ได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณายุติการออกอากาศของ ASTV
โดยการยื่นเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมอย่างสงบภายในทำเนียบรัฐบาล
สำหรับคำร้องที่กลุ่มดังกล่าวได้พยายามกล่าวหาว่าเอเอสทีวีเป็นสื่อปลุกระดม และไม่เป็นกลาง โดยคำร้องมีรายละเอียดดังนี้
เรื่อง ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณายุติการออกอากาศของ ASTV
กราบเรียน ประธานศาลปกครองสูงสุด
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.สำเนาหนังสือเดลินิวส์ ฉบับที่ 21504 วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551
2. สำเนาหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับที่ 11128 วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551
ตามที่หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับที่ 21504 วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551 ได้ลงคำให้สัมภาษณ์ของพลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) สรุปความได้ว่าพลตรีจำลอง มีความกังวลว่าหากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตามคำสั่งของศาลอาญาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2551 ASTV จะไม่มีเงินรายได้มาจ่ายให้กับพิธีกร ดารา และเจ้าหน้าที่เทคนิค โดยพลตรีจำลองได้อธิบายว่า ASTV มีความสำคัญต่อ พธม. มากเพราะเป็นสื่อหลักในการสื่อสารปลุกระดมการชุมนุมมาแต่เริ่มต้น และพลตรีจำลองยังได้ยืนยันอีกด้วยว่า พธม. เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการของ ASTV และยังได้กล่าวว่าหากถูกจับกุมก็จะโอนเงินรายได้ที่มีผู้อุปถัมภ์และประชาชนได้บริจาคให้ พธม. ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการออกอากาศของ ASTV (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1)
บัดนี้ ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับแกนนำ พธม. 9 คน ประกอบด้วย 1. นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2. พลตรีจำลอง ศรีเมือง 3. นายพิภพ ธงไชย 4. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 5. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 6. นายสุริยะใส กตะศิลา 7. นายอมร อมรรัตนานนท์ 8. นายไชยวัฒน์ สินสุวงส์ 9. นายเทิดภูมิ ใจดี ว่ากระทำความผิด ตามมาตรา 113, 114, 215 และ 216 ในข้อหากบฏอันเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามคำฟ้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งได้ระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้ร่วมกับพวกกระทำการระดมประชาชนผ่านสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV โจมตีรัฐบาลและบุคคลอื่น เป็นเหตุให้ประชาชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงมาร่วมชุมนุมกับผู้ต้องหา ทั้ง 9 ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2551 นำมาซึ่งความวุ่นวายในบ้านเมือง เกิดการกระทำที่ไม่เคารพต่อกฏหมายบ้านเมือง มีการบุกรุกสถานที่ราชการหลายแห่ง อาทิ ทำเนียบรัฐบาล มีการบุกรุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT เป็นต้น และได้บังคับขืนใจให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่หยุดปฏิบัติหน้าที่ การกระทำดังกล่าวทั้งหมดได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2) ยิ่งไปกว่านั้นในคืนวันที่ 27 สิงหาคม 2551 กลุ่ม พธม.ยังได้ใช้สถานีโทรทัศน์ ASTV ออกอากาศให้ประชาชนทั่วประเทศขัดขืนคำสั่งของศาลอาญาในเรื่องการจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 9 คน และคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง ที่ได้มีคำสั่งให้ พธม. และประชาชนที่มาร่วมชุมนุมออกจาทำเนียบรัฐบาลโดยทันทีอีกด้วย จึงเห็นได้ชัดเจนว่าในขณะนี้ ASTV คือเครื่องมือของกลุ่มพันธมิตรที่ใช้ต่อต้านอำนาจบริหารและอำนาจตุลาการของประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย เป็นความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง หากไม่แก้ไขประเทศไทยและสังคมไทยก็อาจจะวิบัติได้
บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า การที่ศาลปกครองได้ให้การคุ้มครองชั่วความกับ ASTV ให้สามารถออกอากาศได้ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนในสังคมเกิดความแตกแยก และมีทัศนคติที่เกลียดชังกัน จนนำไปสู่การไม่ยอมรับกติกาของบ้านเมือง หากปล่อยปะละเลยโดยอ้างข้อจำกัด และกฏหมายที่เกี่ยวข้องยังไม่แล้วเสร็จ ก็จะทำให้ผู้คนเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้ว่า ท่านและคณะเป็นส่วนสำคัญของปัญหา ดังนั้นพวกข้าพเจ้าจึงใคร่ขอท่านและคณะได้ใช้อำนาจหน้าที่พิจารณาให้ ASTV หยุดการออกอากาศเสียโดยทันที เพื่อเป็นการรักษาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนได้สามารถอยู่รอดปลอดภัยและดำรงอยู่ได้อย่างสง่างาม อีกทั้งท่านก็จะได้แสดงตัวตนที่แท้จริงได้ว่า มีความหวังดีต่อบ้านเมือง
ท้ายสุดนี้ข้าพเจ้าและคณะหวังว่าสถาบันศาลปกครองจะเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรมของประเทศ มิใช่เป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดดังที่ผู้คนหลายฝ่ายได้เข้าใจอีกต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
กลุ่มยุติธรรมไทย
วันนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองว่า เมื่อเวลา 11.00 น.กลุ่มบุคคลในฝ่ายรัฐบาล โดยใช้ชื่อว่ากลุ่มยุติธรรมไทย ได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณายุติการออกอากาศของ ASTV
โดยการยื่นเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมอย่างสงบภายในทำเนียบรัฐบาล
สำหรับคำร้องที่กลุ่มดังกล่าวได้พยายามกล่าวหาว่าเอเอสทีวีเป็นสื่อปลุกระดม และไม่เป็นกลาง โดยคำร้องมีรายละเอียดดังนี้
เรื่อง ขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณายุติการออกอากาศของ ASTV
กราบเรียน ประธานศาลปกครองสูงสุด
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.สำเนาหนังสือเดลินิวส์ ฉบับที่ 21504 วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551
2. สำเนาหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับที่ 11128 วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551
ตามที่หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับที่ 21504 วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2551 ได้ลงคำให้สัมภาษณ์ของพลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) สรุปความได้ว่าพลตรีจำลอง มีความกังวลว่าหากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตามคำสั่งของศาลอาญาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2551 ASTV จะไม่มีเงินรายได้มาจ่ายให้กับพิธีกร ดารา และเจ้าหน้าที่เทคนิค โดยพลตรีจำลองได้อธิบายว่า ASTV มีความสำคัญต่อ พธม. มากเพราะเป็นสื่อหลักในการสื่อสารปลุกระดมการชุมนุมมาแต่เริ่มต้น และพลตรีจำลองยังได้ยืนยันอีกด้วยว่า พธม. เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการของ ASTV และยังได้กล่าวว่าหากถูกจับกุมก็จะโอนเงินรายได้ที่มีผู้อุปถัมภ์และประชาชนได้บริจาคให้ พธม. ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการออกอากาศของ ASTV (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1)
บัดนี้ ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับแกนนำ พธม. 9 คน ประกอบด้วย 1. นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2. พลตรีจำลอง ศรีเมือง 3. นายพิภพ ธงไชย 4. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 5. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 6. นายสุริยะใส กตะศิลา 7. นายอมร อมรรัตนานนท์ 8. นายไชยวัฒน์ สินสุวงส์ 9. นายเทิดภูมิ ใจดี ว่ากระทำความผิด ตามมาตรา 113, 114, 215 และ 216 ในข้อหากบฏอันเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามคำฟ้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งได้ระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้ร่วมกับพวกกระทำการระดมประชาชนผ่านสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV โจมตีรัฐบาลและบุคคลอื่น เป็นเหตุให้ประชาชนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงมาร่วมชุมนุมกับผู้ต้องหา ทั้ง 9 ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2551 นำมาซึ่งความวุ่นวายในบ้านเมือง เกิดการกระทำที่ไม่เคารพต่อกฏหมายบ้านเมือง มีการบุกรุกสถานที่ราชการหลายแห่ง อาทิ ทำเนียบรัฐบาล มีการบุกรุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT เป็นต้น และได้บังคับขืนใจให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่หยุดปฏิบัติหน้าที่ การกระทำดังกล่าวทั้งหมดได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างยิ่ง (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2) ยิ่งไปกว่านั้นในคืนวันที่ 27 สิงหาคม 2551 กลุ่ม พธม.ยังได้ใช้สถานีโทรทัศน์ ASTV ออกอากาศให้ประชาชนทั่วประเทศขัดขืนคำสั่งของศาลอาญาในเรื่องการจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 9 คน และคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง ที่ได้มีคำสั่งให้ พธม. และประชาชนที่มาร่วมชุมนุมออกจาทำเนียบรัฐบาลโดยทันทีอีกด้วย จึงเห็นได้ชัดเจนว่าในขณะนี้ ASTV คือเครื่องมือของกลุ่มพันธมิตรที่ใช้ต่อต้านอำนาจบริหารและอำนาจตุลาการของประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย เป็นความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง หากไม่แก้ไขประเทศไทยและสังคมไทยก็อาจจะวิบัติได้
บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า การที่ศาลปกครองได้ให้การคุ้มครองชั่วความกับ ASTV ให้สามารถออกอากาศได้ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนในสังคมเกิดความแตกแยก และมีทัศนคติที่เกลียดชังกัน จนนำไปสู่การไม่ยอมรับกติกาของบ้านเมือง หากปล่อยปะละเลยโดยอ้างข้อจำกัด และกฏหมายที่เกี่ยวข้องยังไม่แล้วเสร็จ ก็จะทำให้ผู้คนเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้ว่า ท่านและคณะเป็นส่วนสำคัญของปัญหา ดังนั้นพวกข้าพเจ้าจึงใคร่ขอท่านและคณะได้ใช้อำนาจหน้าที่พิจารณาให้ ASTV หยุดการออกอากาศเสียโดยทันที เพื่อเป็นการรักษาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนได้สามารถอยู่รอดปลอดภัยและดำรงอยู่ได้อย่างสง่างาม อีกทั้งท่านก็จะได้แสดงตัวตนที่แท้จริงได้ว่า มีความหวังดีต่อบ้านเมือง
ท้ายสุดนี้ข้าพเจ้าและคณะหวังว่าสถาบันศาลปกครองจะเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรมของประเทศ มิใช่เป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดดังที่ผู้คนหลายฝ่ายได้เข้าใจอีกต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
กลุ่มยุติธรรมไทย