“รองโฆษกรัฐ” ใจจดใจจ่อรอคำสั่งศาล ก่อนใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดชำระแค้นผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ท้าแกนนำอย่าใช้มวลชนปลุกระดมความรุนแรงข่าว เพิ่งตื่นชี้ “ประสงค์-พัลลภ” ชักใยพันธมิตรฯ แสดงอำนาจบาตรใหญ่ เตรียมเสนอหมายจับข้อหากบฏ
วันนี้ (27 ส.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ให้มีการดำเนินมาตรการหลายด้านพร้อมกัน รวมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าการผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากบริเวณทำเนียบรัฐบาล ส่วนมาตรการทางกฎหมายให้กลุ่มผู้ชุมนุมพ้นจากทำเนียบรัฐบาลนั้น โดยให้ศาลอนุมัติออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ขณะเดียวกัน เวลา 13.00 น.มอบหมายให้นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมาย เข้ายื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งในกรณีเทียบเคียงกับโรงเรียนราชวินิต มัธยม ให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมรื้อถอนเวทีออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการทำงานได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลประเมินเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กระทำการเกินกว่าเหตุตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี และยังมีบางส่วนกลับท้วงติงรัฐบาลว่าดำเนินการล่าช้า ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ฉะนั้นจึงให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไม่วางเฉยอย่างแน่นอน ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถนำกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาลตามเส้นตายที่กำหนดไว้เมื่อ 18.00 น.วานนี้นั้น เนื่องจากติดขัดปัญหาเดิมๆ ของกลุ่พันธมิตรฯ ที่แกนนำปฏิเสธการเจรจาทุกกรณี วันนี้ข้อเรียกร้องต่างๆ ของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่สามารถตอบสนองได้ ซึ่งเราจะดำเนินการทางกฎหมาย คนที่ทำผิดจะได้รับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น คาดว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นภายในวันนี้ หลังจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดให้เรียบร้อยภายใน 24 ชั่วโมง
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินงาน 116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร จะเสด็จฯ มายังทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 31 ส.ค.เพื่อพระราชทานธงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศนั้น นายกฯ ได้ย้ำว่าในวันดังกล่าวจะมีงานเกิดขึ้นแน่นอนตามปกติไม่มีการยกเลิก
รองโฆษกฯ กล่าวด้วยว่า อยากขอร้องวิงวอนกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ทำตามที่เคยพูดไว้ว่าจะให้ความร่วมมือ ถ้าหากมีหมายจับออกมาขอให้ยอมรับอย่าใช้มวลชนกดดัน ปลุกระดมใช้ความรุนแรง กล้าพูด กล้าทำ ต้องกล้ารับด้วย สำหรับขั้นตอนการสลายการชุมนุมนั้นต้องรอกระบวนการจากชั้นศาลก่อน รายละเอียดจะเป็นอย่างไรต้องรอฟังจาก พล.ต.อ.โกวิท ก่อน ถ้าหากศาลมีคำสั่งให้รื้อเวทีก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับความร่วมมือตามคำสั่งศาล คงต้องมีมาตรการอย่างเด็ดขาดแน่นอน บ้านเมืองเราต้องมีกติกาและทุกฝ่ายต้องยอมรับ ตลอดช่วงเวลา 90 วันที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุม รัฐบาลยึดมั่นกฎหมายมาตลอดไม่เคยไปชกใต้เข็มขัด ฉะนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ควรจะเคารพกติกา ทำตามกฎหมายด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังไม่สามารถควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมได้จะนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาใช้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายกฯ เชื่อมั่นว่าตำรวจจะรักษาสถานการณ์ได้ เมื่อถามถึงการที่ออกมาปูดข้อมูลว่านายทหาร ชื่อว่า น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อยู่เบื้องหลังการชุมนุม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มันมีรายงานข่าวเช่นนั้นว่ามีทหารบางคนเคลื่อนไหวพร้อมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งรายงานข่าวก็เป็นจริงมาแล้วหลายครั้งก็ต้องติดตามกันต่อไปถ้าหากเป็นจริง นายทหารเหล่านั้นก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกับแกนนำ คือ กบฏ
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะไปยื่นศาลแพ่งร้องไต่สวนฉุกเฉินให้พันธมิตรฯ เลิกการชุมนุมเพราะจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาล หลีกเลี่ยงการปะทะที่รุนแรง
แหล่งข่าวจากแกนนำพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกหมายจับแกนนำทั้ง 5 คน ทางแกนนำทั้งหมดจะเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลและรอมอบตัวและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวที่ทำเนียบรัฐบาล