“สุริยะใส” ฉีกแผน “แม้ว” จ่อชักใยจุดชนวนความรุนแรง หวังใช้เป็นข้ออ้างเชื่อมโยงขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษก่อน 21 ต.ค.นี้ เหตุเพราะ “รัฐบาลผู้ดี” ตอกหน้า “ทักษิณ” ยันไม่เห็นพ้องตามคำร้อง ชี้การชุมนุมของประชาชนถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คาด “รัฐบาลโจร” โบ้ยให้ตำรวจตัดสินใจหากมีการสลายการชุมนุมของ “พันธมิตรฯ”
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 02.45 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีฉุกเฉินที่ดอนเมือง ซึ่งเป็นทำเนียบฯ ชั่วคราวว่า การประชุมฉุกเฉินดังกล่าว ซึ่งตนวิเคราะห์ว่า รัฐบาลคงจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะลำพังการยึดทำเนียบฯ ของพันธมิตรฯ ก็หนักหนาสาหัสแล้ว แต่ถ้าถึงขั้นปิดสภาจนฝ่ายบริหารไม่สามารถแถลงนโยบายได้ ในทางสัญลักษณ์ต้องถือว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมในทันที เพราะการยึดทำเนียบฯ เขาสามารถสร้างทำเนียบฯ จำลองที่ดอนเมืองขึ้นมาได้ แต่การยึดรัฐสภานั้น เขาไม่เหตุที่จะไปหาสถานที่มาแทนรัฐสภาได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า หากรัฐบาลจะแถลงนโยบาย จะต้องแถลงที่รัฐสภาเท่านั้น
“หมายความว่า รัฐบาลไม่มีช่องทางไหนที่จะแถลงนโยบายได้ ถ้าไม่ใช้ที่รัฐสภา จึงไม่แปลกที่มติ ครม.จะต้องเข้าประชุมสภาให้ได้ในวันนี้ ดังนั้น พี่น้องพันธมิตรฯ จึงมีมติร่วมกัน คือ มีความจำเป็นที่จะปิดรัฐสภา ที่สำคัญคือ ผู้สื่อข่าวถามนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ว่า จะต้องใช้กำลังสลายการชุมนุมหรือไม่ แต่นายกฯ ไม่ตอบ เพราะในยามวิกฤตการณ์อย่างนี้ แต่นายกฯ ไม่ตอบ ผมเชื่อว่าสูงสุดคือ รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ยากมาก ส่วนวิธีต่ำสุดคือ อาจจะใช้วิธีซึ่งนำทีมโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ มาขอเจรจากับพันธมิตรฯ หรือวิธีต่ำสุดก็คือ อาจจะโยนไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัดสินใจเอาเองว่าจะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมหรือไม่” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ข่าวทุกสายไม่ว่าจะมาจากทางตำรวจ ความมั่นคง หรือการจับสัญญาณทางวิทยุ ค่อนข้างยืนยันอย่างชัดเจนว่า ในช่วงตี 3 ถึงตี 4 ถ้ากำลังพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมอยู่มีน้อย เขาก็จะใช้กำลังปฏิบัติการทันที และเท่าที่ทราบ ทาง บชน.ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทุกสถานีเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นเราจึงต้องแบ่งกำลังบางส่วนเพื่อพลัดกำลังกัน เพราะเราไม่รู้ว่าตำรวจจะเข้ามาประตูไหน โดยอาจจะเป็นที่ทำเนียบฯ หรือที่สภาก็อาจเป็นไปได้ ฉะนั้นจึงอยากให้พี่น้องที่อยู่ทางบ้านซึ่งยังพอมีเวลา ขอให้ช่วยออกมาร่วมชุมนุม เพราะถ้าเราสามารถปฏิบัติการบรรลุภารกิจได้ ชัยชนะของเราก็คืบเข้ามา
“กรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งถูกจับ และต้องขึ้นศาลเนื่องจากถูกกล่าวหาว่า เป็นกบฏนั้น หลายคนตกใจ โทรศัพท์มาร้องไห้เพราะความเป็นห่วง โดยเฉพาะแกนนำพันธมิตรฯ อีก 7 คน บางคนทะเล้น โทรมาบอกว่าอิจฉานายสุริยะใส มีหมายจับ เพราะจะได้กินนอนอยู่ในทำเนียบฯ แต่ตนคิดว่าอยากมีหมายกอดมากกว่า เพราะจีกว่าหมายจับที่มีแต่คุก และตาราง”
ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยชี้ว่าการจับกุมตัวชอบด้วยกฎหมายนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า หมายจับชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นเราต้องรอความหวังจากศาลอีกครั้งหนึ่งว่า ศาลอาจจะมีการอ่านคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการอุทธรณ์เรื่องความชอบ หรือไม่ชอบของหมายจับยังอยู่ ฉะนั้นเราต้องเคารพคำสั่งศาล ส่วนหมายจับจะออกมาประการใด การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้หยุดไป จึงเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องเก็บไปคิดว่า จะแก้เกมอย่างไร
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ทำเรื่องขอลี้ภัยกับรัฐบาลอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จริงๆ เรื่องขอลี้ภัยเดินเรื่องมาเดือนกว่าๆ แล้ว แต่ทำไมเรื่องขอลี้ภัยจึงมาโผล่ในวันนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังสูงขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะการจับกุม พล.ต.จำลอง กับนายไชยวัฒน์ รวมทั้งข่มขู่ที่จะจับแกนนำพันธมิตรฯ ที่เหลือ ส่วนที่ทางประเทศอังกฤษยังไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ลี้ภัยทางการเมืองนั้น ประเด็นสำคัญที่วิเคราะห์ออกมาคือ 1.สถานการณ์บ้านเมืองมีความรุนแรง จึงไม่ปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน 2.พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่า ศาลสถิตยุติธรรมถูกแทรกแซงจากอำนาจมืด จึงไม่พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อศาลที่ขาดความเที่ยงธรรมได้
“หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษเห็นคำร้องขอลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้ตอบ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไปว่า ประเทศไทยไม่ได้เกิดความรุนแรงอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอ้าง ที่สำคัญรัฐบาลอังกฤษเห็นว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานเท่านั้น ดังนั้นต้องเข้าใจว่า รัฐบาลอังกฤษเป็นแบบอย่างของประชาธิปไตย ซึ่งสิทธิมนุษยชนต้องมาก่อน ฉะนั้นเขาจึงถือว่า การชุมนุม การยึดทำเนียบฯ หรือการยึดสภา ถือเป็นเรื่องปกติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องสร้างสถานการณ์พิเศษขึ้นมา ซึ่งก็คือ ต้องร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดก่อนวันที่ 21 ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันตัดสินชี้ชะตาของคนทั้งสอง” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ประการที่ 2 รัฐบาลอังกฤษ ก็จะถามกลับไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เพราะเหตุใดถึงไม่ไปพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะอ้างว่า ศาลถูกแทรกแซง ก็จะไปเชื่อมโยงกับเหตุผลประการแรก คือ ความไม่ปลอดภัยของประเทศไทย ทำให้เขาไม่กล้าไปขึ้นศาล ดังนั้น ถ้าก่อนวันที่ 21 ต.ค.นี้ รัฐบาลอังกฤษยังไม่อนุมัติการลี้ภัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางการไทยสามารถขอความร่วมมือนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับศาลได้ทันที ซึ่งหมดสิทธิ์ที่จะยื้ออีกต่อไป ดังนั้นสถานการณ์ต่อจากนี้ไปอีก 10 วัน เราต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง และต้องฟังแกนนำพันธมิตรฯ เพราะถ้าตำรวจจัดแถวเข้ามา เรามีวิธีรับมืออยู่แล้ว ที่สำคัญแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 7 คน จะอยู่ที่ทำเนียบฯ ไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน