“ไกรศักดิ์” เชื่อ “สมชาย” ไฟเขียว ตร.จับแกนนำพันธมิตรฯ ชี้ ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ หวังตัดกำลังพันธมิตรฯ สะท้อน ปชต.ภายใต้ระบบเผด็จการเด็ดขาด จี้ อธิบายสังคม หากไม่มีคำตอบ การเจรจราเพื่อสมานฉันท์ ส่งผลกระทบกับ รบ.แน่ ปชช.จะมาร่วมชุมนุมที่ทำเนียบมากขึ้น
วันนี้ (5 ต.ค.) นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว 2 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เหมือนกับเป็นการเติมเชื้อไฟ ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยากจะคลี่คลายลงไปได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายอยู่ในระหว่างการหาทางออกร่วมกัน และสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีท่าทีแข็งกร้าวต่อการปฏิบัติกับกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงขนาดมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
แต่เมื่อมีการเปลี่ยนนายกฯเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีท่าทีออมชอม และได้พยายามส่งตัวกลาง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปเจรจา แต่กลับเกิดปฏิบัติการจับกุมแกนนำ ทั้งที่ได้มีการออกหมายจับมานานร่วมเดือน และอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์การออกหมายจับของศาล เนื่องจากคดีกบฏเป็นโทษที่รุนแรงขั้นประหารชีวิต จึงต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับเร่งชิงจับตัวแกนนำอย่างไม่มีเหตุผลและทำรุนแรงเกินเหตุ
“เชื่อว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจต้องได้รับนโยบายจากผู้บังคับบัญชา โดยผู้บังคับบัญชาต้องได้รับนโยบายจากผู้ที่กำกับโดยตรง นั่นก็คือ นายกฯ ดังนั้น นายกฯต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้กับสังคม และต้องแสดงความรับผิดชอบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร จะบอกว่าเป็นไปตามกระบวนการคงไม่ใช่ เพราะหากไม่มีคำสั่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการปฏิบัติตามอย่างแน่นอน หากเรื่องนี้ไม่มีคำตอบให้กับสังคมจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการสมานฉันท์ของนายกฯ และเป็นเรื่องลำบากที่นายกฯจะแก้ไขปัญหาให้กลับสู่ภาวะปกติยาก การปฏิบัติหน้าที่ที่ล้ำเส้นของตำรวจต้องได้รับคำชี้แจงจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงเช่นกัน จะบอกว่า ปฏิบัติตามหน้าที่คงไม่ใช่ เพราะการที่ออกหมายจับที่หนึ่งแล้วนำไปขังอีกที่หนึ่งเป็นกากระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า การจับสองแกนนำพันธมิตรฯจะยิ่งทำให้ประชาชนเข้ามาชุมนุมในทำเนียบเพื่อกดดันรัฐบาลมากขึ้น ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนเพราะเข้าใจว่าสาเหตุที่มีการจับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เนื่องจากต้องการตัดกำลังของพันธมิตรฯ เพราะเป็นแกนนำคนสำคัญที่กุมยุทธศาสตร์และทิศทางการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่เชื่อว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป พันธมิตรฯจะเพิ่มการชุมนุมและกดดันมากขึ้น หลังจากนี้ พันธมิตรฯคงจะปรับตัวได้ และโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงก็มีความเป็นไปได้สูง แต่เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถสลายการชุมนุมได้ เพราะช่วงนี้จะมีประชาชนจำนวนมากจะแห่มาชุมนุมที่ทำเนียบ
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า การที่ พล.ต.จำลอง ยอมให้จับกุมตัวโดยง่ายดาย เพื่อต้องการระดมพลให้มาชุมนุมจำนวนมาก เพื่อนำไปสู่การโค่นรัฐบาลได้ นายไกรศักดิ์กล่าวว่า คงไม่มีแกนนำคนไหนอยากจะถูกจับกุมแน่นอน เพราะเป็นข้อหาหนัก และก่อนหน้านี้แกนนำพันธมิตรฯก็เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ไม่เห็นมีใครมาจับ แต่เชื่อว่า ต้องมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งเชื่อว่าไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในสายตาต่างชาติที่ต้องการให้บ้านเมืองคลี่คลายลงโดยเร็ว และกลับมาสู่ปกติ เพื่อจะได้มีการค้าการลงทุนต่อไป แต่ทุกอย่างต้องมาจบลงด้วยฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเป็นประชาธิปไตยภายใต้ระบบเผด็จการเด็ดขาด ที่มีการจับกุมข้อหากบฏต่อกลุ่มคนที่บุกยึดสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมและเป็นการละเมิด คุกคาม สิทธิ ขั้นรุนแรงกับประชาชนที่ออกมาชุมนุมด้วยสันติวิธี