ศูนย์ข่าวศรีราชา - แฟนพันธุ์แท้พันธมิตรฯ สัตหีบ เมืองทหารน้ำ เคียดแค้นรัฐบาล และตำรวจขี้เท่อทาสรับใช้ทรราช แหกค่ายทหารเคลื่อนพลสู่ทำเนียบรัฐบาลสมทบทำสงครามร่วมพันธมิตรฯ ตลาดสัตหีบเงียบเหมือนป่าช้า พลังเงียบแอบเหมารถตู้ล่วงหน้า ผลัดเปลี่ยนยามเฝ้าแผ่นดินตลอดการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุม 2 แกนนำพันธมิตรฯ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ทั่วโลกไม่พอใจการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ยอมรับข้อหากบฏที่ตำรวจต้องการทำลายแกนนำพันธมิตรฯ เพราะคิดว่าถ้าแกนนำถูกจับจะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ กลัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ และทำเนียบรัฐบาล อีกทั้งกลัวว่าจะถูกตำรวจใช้กำลัง อาวุธสลายการชุมนุม แต่เป็นการคาดเดาหรือประเมินสถานการณ์ผิดอย่างมหันต์ เพราะในปัจจุบันกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ถูกหล่อหลอม ปลูกจิตสำนึกในเรื่องของความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และที่สำคัญประชาชนได้รับทราบถึงความอัปยศ อัปรีย์ ของพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง อีกทั้งต้องการลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
แหล่งข่าวรายงานว่า สำหรับในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีประชากรที่เป็นข้าราชการทหาร ครอบครัวทหารเรือ ประมาณร้อยละ 80 ที่เหลือก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของเขย สะใภ้ และญาติกันเกือบทั้งสิ้น ข้อมูลข่าวสารจะถึงกันหมดอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีอุปสรรคในการรวมพลังกันอย่างเป็นรูปธรรมเพราะทุกคนยังเกรงในเรื่องของสายการบังคับบัญชา เพราะไม่ทราบว่าผู้บังคับบัญชาท่านใดยังไม่เปิดวิสัยทัศน์ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่แท้จริง ยังยึดติดกับลาภ ยศ สรรเสริญ ที่ไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นชายชาติทหารอย่างแท้จริง
วันนี้ (5 ต.ค.) เหล่าพันธมิตรฯ ชาวสัตหีบ ได้รวมตัวกันหลายแห่ง ในการเดินทางมาร่วมชุมนุมกันที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งส่วนมากเป็นพ่อค้า แม่ค้า ครอบครัวข้าราชการทหารเรือ ทำให้บรรยากาศในตลาดสัตหีบเงียบไปอย่างสิ้นเชิง เพราะแม่ค้า เจ้าของกิจการร้านขายของส่วนมากเป็นพันธมิตรฯ ที่เป็น “ลูกจีนรักชาติ” ไม่พอใจอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุม 2 แกนนำ โดยมิชอบ ในข้อหากบฏ และกลุ่มพันธมิตรฯ สัตหีบได้บอกว่าถ้าการกู้ชาติเป็นพวกกบฏ พวกตนก็พร้อมที่จะเป็นกบฏเพื่อกู้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะต่อต้านการกระทำของภาครัฐที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลชั่วร้าย
แหล่งข่าวได้กล่าวอีกว่า สำหรับในพื้นที่อำเภอสัตหีบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทางด้านการทหาร มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่แหกด่านแหกค่ายหนีสามีไปกู้ชาติในทำเนียบรัฐบาล และเท่าที่ทราบเป็นการยินยอมและให้การสนับสนุนภรรยาจากสามี เพราะข้าราชการทหารส่วนมากไม่เห็นชอบในเรื่องของการเสียดินแดน เสียเอกภาพในความเป็นไทย โดยไม่ได้มีการวัดพลังอำนาจในทุกด้านทางการทหาร หรือการเสียดินแดนไปโดยที่ไม่มีการรบ ซึ่งถือว่าทหารถูกเหยียดหยาม ไร้ค่า เพราะไม่มีแผ่นดินใดในโลกนี้ที่เสียดินแดนโดยไม่การสูญเสียกำลังทหารและประชาชน มีเมืองไทยในยุคนี้เท่านั้นที่เสียดินแดน หรือเสียสิทธิทางทหารไปโดยไม่มีการวัดสรรพกำลังทางทหารกับกัมพูชา
