“บรรหาร” ยังฟิตปั๋งโอกาสคล้ายวันเกิด งงสถานการณ์การเมืองไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ ชักไม่แน่ใจรัฐบาลอยู่ถึงปลายปี คาใจแม้ดินกลบหน้าก็ไม่ลืม กกต.แจกใบแดง คาใจใช้ 2 มาตรฐาน
วันนี้ (19 ส.ค.) นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เปิดบ้านให้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และนักการเมือง เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 76 ปี โดยภายในงานได้มีการออกร้านต่างๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด เป็นต้น ทั้งนี้ นายบรรหารได้แจกของที่ระลึกให้แก่คนที่มาอวยพรเป็นต้นไม้มงคล 9 ชนิด พร้อมกับข้าวสาร โดยนายบรรหารระบุว่า ที่แจกต้นไม้เป็นที่ระลึกเนื่องจากต้องการสนองพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการให้คนไทยปลูกต้นไม้ ตนเห็นว่าการปลูกต้นไม้จะช่วยลดมลพิษก็จะทำให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ หากมีการระดมปลูกต้นไม้ทั่วประเทศก็จะทำให้อากาศดี ส่วนการแจกข้าวสารเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้
ต่อมา นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย นำแจกันดอกไม้เข้าอวยพรว่า ตลอดครึ่งชีวิตได้ทุ่มเทให้กับพรรคชาติไทยได้แก้ไขและช่วยพรรคชาติไทยอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เมื่อบ้านเมืองวิกฤตนายบรรหารก็เข้าไปช่วยแก้ไขมาโดยตลอด จึงขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว ให้ช่วยพารัฐนาวาและวิกฤตขณะนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
ด้าน นายบรรหาร กล่าวว่า วันนี้อายุ 76 แล้ว แต่ภารกิจยังไม่จบ พรรคชาติไทยเป็นสถาบันพรรคการเมืองรองจากพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเป็นพรรคเฉพาะกิจป่านนี้ถูกยุบไปรวมกับพรรคอื่นแล้วตั้งแต่ 5-6 ปี ก็ต้องขอบคุณสมาชิกพรรคชาติไทยทุกคน การเมืองที่ผ่านมาพรรคชาติไทยได้รับเกียรติจาก พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และครอบครัวทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น ส่วนการเมืองขณะนี้หากจะบอกว่าวิกฤตก็วิกฤต ไม่วิกฤตก็ไม่วิกฤต แต่เราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ขอให้ทุกคนมีจิตใจมั่นคง ใครทำงานในตำแหน่งไหนก็ทำให้ดีที่สุด อย่าให้คนอื่นว่าได้ว่าคนของพรรคชาติไทยมีปัญหา อะไรไม่ดีก็อย่าไปโอนอ่อนผ่อนตาม อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้ แต่จะทำอะไรขอให้อยู่ในกรอบ ตนเป็นหัวหน้าพรรคมานานการอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่เพราะดีใจ แต่อยู่เพราะความอดทน พยายามหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคแต่ก็ไม่มีใครเป็น ตนต้องอยู่ด้วยความอดทนเพื่อให้พรรคชาติอยู่ให้ได้ แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งหวังว่าจะได้รับความเมตตาปราณีจากศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่ผ่านมาก็มีบางเรื่องที่ติดใจ อย่างเช่นการพิจารณาให้ใบแดงพรรคชาติไทยเพียง 7 วัน ทั้งที่มีบางเรื่องที่ค้างการพิจารณากลับไม่ดำเนินการ เราก็ยังข้องใจแต่ไม่อยากพูด แต่จะจำอยู่ในใจ ตนจะอยู่สู้ต่อไปแม้ไม่มีอะไรจะสู้ ทรัพย์สินตอนนี้ก็ไม่มีเพราะแบ่งให้ลูกไปหมดแล้ว ตอนนี้เกียรติยศ เงินทอง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สุขภาพร่างกายสำคัญกว่า จะต้องอยู่ถึงอายุ 96 ปี และต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย ไม่ใช่อยู่แบบอ้าปากพะงาบๆ
นายบรรหาร กล่าวว่า ขอให้กำลังใจทุกคน อะไรที่ตนทำผิดก็ให้สมาชิกให้อภัยกับหัวหน้าพรรค และถ้าทำผิดก็สามารถว่ากล่าวได้ ก็เหมือนกับใครทำผิดตนก็ว่ากล่าวเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นระบบการเมืองและพรรคการเลือกต้องมีต่อไป และตนจะพยายามสู้ต่อไปให้ได้ และต้องปรับตัวเพื่อให้พรรคชาติไทยอยู่ให้ได้
จากนั้น นายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ 19 ส.ค.วันคล้ายวันเกิดตน อายุเท่าไหร่นั้นไม่อยากบอก แต่ก็มากพอสมควร แต่สุขภาพก็ยังดีอยู่ ข้าราชการ ชาวบ้าน จากจังหวัดสุพรรณบุรีมาอวยพร รู้สึกดีใจ ให้กำลังใจทำงานการเมืองกับพรรคชาติไทยต่อไป ก็เป็นความสุขอีกวันหนึ่ง คนเราอยากเรียนว่าเรื่องเกียรติเป็นอีกเรื่องกหนึ่ง เงินทองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สุขภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญและหวังว่าเรายังเจอกันอย่างนี้ทุกปีอาจจะสักอีก 10-20 ปี หรือจะถึงหรือไม่ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะคนแก่ก็จะแก่มากขึ้น คนหนุ่มสาวก็เป็นวัยกลางคน เด็กก็จะเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นธรรมชาติของคน
นายบรรหาร กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า ถ้ามองตอนนี้มองไม่ออก มองยากเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ เพราะรูปแบบทางการเมืองในขณะนี้มันไม่เคยมี มันจะเนื่องจากอะไรก็แล้วแต่ บางคนก็โทษรัฐธรรมนูญ บางคนก็โทษความไม่ปรองดองกัน จึงมีความแตกแยกเกิดขึ้น บางคนก็มองว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้ปัญหาจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลเป็นแบบนี้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เขาก็เดินตามครรลองนี้ ยุบสภามีการเลือกตั้งใหม่ ได้เสียงข้างมาก เขาก็มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะเป็นอย่างไร รัฐบาลอยู่ได้ไม่ได้ ก็อยู่ที่เสียงในสภา ถ้าเสียงไม่พอรัฐบาลก็ต้องลาออกเลือกตั้งกันใหม่ นี่คือระบอบประชาธิปไตยฯ ที่ทำกันมา ฉะนั้น ตรงนี้เราต้องช่วยกันประคับประคองให้อยู่ได้ตลอดไป ส่วนเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นตอบไม่ได้แต่ถ้าเราอดทนและพูดภาษาดอกไม้ซึ่งกันและกัน มันก็คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเรามีเรื่องมากเท่าไหร่นั้นเศรษฐกิจของประเทศก็ยิ่งแย่ การลงทุนก็แย่ ภาพลักษณ์ในต่างประเทศก็ไม่มีเท่าไหร่ การท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง ตนอยากยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น การเมืองไม่แพ้กับเราแต่เวลาเขามีอะไรรัฐบาลก็ลาออก บางคทีก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เขาเลือกตั้งมากกว่าเราบางปีเลือกถึง 2 ครั้งก็มี
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะอยู่ถึงปลายปีหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ดูแล้วน่าจะถึงเพราะตอนนี้ต้องรอให้งบประมาณผ่านสภา ซึ่งประมาณต้นเดือนตุลาคม และจะมีการโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งในตุลาคมขึ้นไปรัฐบาลจะบริหารงบประมาณในไตรมาศแรก ดังนั้น ตนคิดว่าน่าจะอยู่ได้
เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคพลังประชาชนก็มีปัญหาภายในพรรคกันเอง นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่อยากวิจารณ์พรรคพลังประชาชน เพื่อนกันทั้งนั้น พรรคพลังประชาชนในขณะนี้ที่มาที่ไปไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ คุมไว้อยู่มีเอกภาพ แต่ตอนนี้มีนายสมัครท่านก็มาจากที่อื่นและมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านก็ยอมรับว่าท่านไม่มีแม้แต่เสียงเดียวในสภา ท่านมาตัวคนเดียว ฉะนั้น รูปแบบก็แตกต่างกัน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ถ้าหากแต่ละกลุ่มในพรรคพลังประชาชนเข้าใจกันได้ คิดว่าท้ายที่สุดแต่กลุ่มก็มาปรองดองกันได้ คงไม่แตกแยก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการเสนอให้มีการยุบสภาก่อนที่จะยุบพรรคพลังประชาชน นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องตรงนี้คงให้ความเห็นไม่ได้ เพราะจะยุบหรือไม่ขึ้นอยู่กับกติกาและระยะเวลาที่จะพิจารณา เพราะถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอไปยังอัยการก่อนที่จะส่งให้ศาลรัฐธรมนูญแบบเดียวกับพรรคชาติไทยกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย ฉะนั้น ตนคิดว่าคงไม่น่าจะยุบสภา เฉพาะจะยุบอย่างไรก็แล้วแต่ก็ไม่ทำให้คดีความมันหยุด
เมื่อถามว่า มองว่าพรรคพลังประชาชนจะแตกหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า คงไม่แตกต่างคงจะเป็นชื่อพรรคใหม่เห็นบอกว่าจะเป็นชื่อพรรคเพื่อไทย ถ้าหากพรรคพลังประชาชนเจอปัญหาทั้งหมดเขาก็ย้ายไป เมื่อถามว่า มีคนติดต่อเข้ามาอยู่กับพรรคชาติไทยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังห่างไกลอีกนาน ไม่มีเลย ต่อข้อถามว่า ส่วนของพรรคชาติไทยได้เตรียมการมาตรการเช่นเดียวกับพรรคพลังประชาชนไว้หรือยัง นายบรรหาร กล่าวว่า ยัง แต่ตรงนี้ถือเป็นวิถีทางที่ถูกต้องเขาต้องเตรียมการไว้ก่อน ซึ่งพรรคชาติไทยคงต้องเริ่มคิดว่าต้องทำอย่างไร มันหนีไม่พ้นหากมีการถูกยุบในรัฐธรรมนูญเขาก็ให้ย้ายก็คงต้องหาที่ไป ถามต่อว่าได้เตรียมพรรคสำรองไว้หรือให้ย้ายสังกัดพรรคอื่น นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่เริ่มคิด ตนก็ยังไม่รู้ แต่อะไรที่ดีกว่าก็คงจะเอาอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะมีการพิจารณาเรื่องการยุบพรรคประชาธิปัตย์มองอย่างไรหากมีการยุบพรรคการเมืองทั้งหมด นายบรรหาร กล่าวว่า ตนคงไม่ให้ความเห็นครั้งที่แล้วพูดไปก็มีคนมาต่อว่า แต่วันนี้ขอพูดนิดเดียวความรู้สึกของหัวใจว่า กรณีที่พรรคชาติไทยเจอไปแดงเพียงไม่กี่วัน กกต.ก็ให้ใบแดงแล้ว กรรมการสอบสวนชุดแรกส่งผลมาทีหลัง กรรมการสอบสวนชุดที่สอง กกต.ก็ถือตามผลของกรรมการชุดที่สองมีมติยุบทันที ไม่กี่วันเป็นสิ่งที่เราอึดอัดอยู่ในใจ แต่บางเรื่อง บางกรณี บางพรรค 2-3 เดือนยังไม่โผล่เลย ตรงนี้สองมาตรฐานหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่ไม่อุทธรณ์จะจำไว้เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยไม่ได้รับความเป็นธรรมได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ดินกลบหน้าแล้วถึงจะลืมเรื่องนี้ลงได้ อย่างมากตนก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่เล่น ตนก็กลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนได้รับใช้ประชาชนอีกทางหนึ่ง แต่ตรงนี้ไม่ใช่เลิกจากหัวหน้าพรรคชาติไทย อาจจะไปเป็นหัวหน้าพรรคอื่นก็ได้ แต่จะเป็นพรรคไหนยังตอบไม่ได้
เมื่อถามว่า อยากจะฝากอะไรถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเพื่อประคับประคองรัฐนาวาให้อยู่ต่อไปได้ นายบรรหาร กล่าวว่า มันบอกอยาก บอกไปแล้วบางฝ่ายเขาก็จะรับได้หรือไม่ และมันนอกเหนือจากอำนาจที่เราจะไปบอกได้ พูดอยาก ฉะนั้น ตนไม่ฝากขอฝากเพียงว่าใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้คิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก ถามว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต่าง ๆ ของนายกรัฐมนตรีอยู่ภายใต้อิทธิพลของนายเนวินหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนคงตอบไม่ได้ว่ารัฐบาลจะอยู่ภายใต้กลุ่มไหน ตนไม่รู้ที่มาที่ไป แต่คิดว่านายสมัครเป็นตัวของตัวเอง อะไรที่ดีท่านก็ทำ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ทำ ตนไม่ห่วง เพราะท่านรู้ดีอยู่แล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายไม่ว่าตำรวจหรือทหารคิดว่านายกรัฐมนตรีต้องมีข้อมูลพอสมควร อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้กำลังใจนายกฯ ในฐานะอดีตเคยทำงานมาด้วยกันตอนนี้ก็เฝ้ามองดูอยู่เห็นท่านถูกด่าอยู่ทุกวัน ก็เป็นใจท่านก็บ่นไปเรื่อยๆ แต่เชื่อว่าท่านคงคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกด่าทุกวัน