"อี้" รับสุดปวดใจหลังนำทีม 84 องค์กรฯ ถวายฎีกาไม่เอาสมัครเป็นนายกฯ หวั่น "เสี่ยตา" ปลดพิธีกร ลั่นตนยอมเตะฝุ่นด้วยความสง่างามหากผลการเมืองกระทบเวิร์คพอยท์ พ้อถูกแช่งด่าลามถึงลูกให้สมองพิการ วอนรัฐตั้งองค์กรตรวจสอบจริยธรรมนักการเมืองตั้งเวทีแสดงความเห็นต่าง เปรยผู้ว่าฯ สองสมัยทาบเป็นที่ปรึกษา
เดินหน้านำทีม 84 องค์กรเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นถวายฎีกา ไม่เอาสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ที่สำนักราชเลขาธิการ ครั้งที่มีการเสนอชื่อ "นายสมัคร สุนทรเวช" เข้าสภาให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหลังถูกปลดจากตำแหน่งนายกฯ คนที่ 25 ไปหมาดๆ จนในที่สุดประชาชนชาวไทยก็ได้นายกฯ คนใหม่ได้แก่ "นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์" น้องเขยอดีตนายกฯ แม้ว คุมบังเหียนต่อทันทีพร้อมดึงนักการเมืองหน้าเก่าร่วมรัฐบาลใหม่ในชุดนี้ด้วย
ซึ่งแม้ความต้องการได้บรรลุผลสำเร็จแล้วก็ตามแต่ดูเหมือนว่า "อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ" พิธีกรรายการ "แฟนพันธุ์แท้" ลูกรักบอสใหญ่เวิร์คพอยท์ "เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล" ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจทูลเกล้าเข้าถวายฎีกาครั้งนี้อย่างสาหัสเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานในบทบาทหน้าที่ของพิธีกรประจำบริษัท, ถูกตำหนิว่าสร้างภาพทำเป็นคนดี อีกทั้งยังลามด่าไปถึงลูกที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถคว่ำแช่งให้สมองพิการ ซึ่งท้ายสุดนี้เป็นสิ่งที่พิธีหนุ่มเผยว่าปวดใจมากที่สุด
แต่ถึงอย่างไรเจ้าตัวยืนยันผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสภาพจิตใจและหน้าที่การงานแม้ต้องโดนออกจากงานพิธีกรประจำก็ตาม หากย้อนวันเวลากลับไปได้ตนก็พร้อมเดินหน้าทำตามเจตนารมณ์เฉกเช่นที่ทำเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมาดีกว่าต้องมานั่งเสียใจทีหลังหากต้องรับรู้ข่าวคนเสียชีวิตจากการปะทะของสองกลุ่มที่มีความเห็นต่างกัน
"ผลกระทบก็พอสมควรก็ต้องยอมรับว่าทำให้คนมองว่าเรามีส่วนร่วมกับการเมืองแล้วก็เลือกข้าง คนไทยก็ต้องทำอะไรสักอย่างที่ทำให้มีมาตราฐานอยู่ร่วมกันทางสังคม มาตราฐานคือกฎหมายและจริยธรรม โดยเฉพาะนักการเมืองผมมองว่าเขาคือคนของประชาชนอาสาเข้าไปเสียสละเขาเป็นคนที่น่ายกย่อง ถ้าทำตามอุดมการณ์แต่ถ้าเขาไม่ทำตามอุดมการณ์หวังแต่เป็นผลประโยชน์คงเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด"
"การถวายฎีกาเป็นจุดที่สำคัญแล้วที่เราต้องทำ บางคนก็ต่อว่าทำไมไประคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทผมเองก็ถามหลายคน หลายองค์กรจะดีหรือเปล่าจะทำ การถวายฎีกาคือทางเลือกหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยามวิกฤติที่เราต้องการทางออกของบ้านเมืองพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของเราได้เสมอและจะทำให้พระองค์ได้มีทางเลือกหนึ่งในการทรงวินิจฉัยว่าฎีกาที่ถวายไปก็ไม่ได้แปลว่าพระองค์ต้องทำตามกับที่เราถวายไป พระองค์ทรงตั้งองคมนตรีขึ้นมาวินิจฉัยถ้าเห็นว่าไม่ควรจะได้ยับยั้ง ช่วยให้พระองค์ได้มีทางเลือกขึ้นแล้วก็ทำให้สังคมได้มีทางออก ทางเลือกของพระองค์เป็นทางรอดของสังคมไทย อีกอย่างเป็นสัญญาณที่จะบอกให้ทุกคนได้หันมาหาสันติวิธีโดยเฉพาะการใช้จริยธรรม"
"ผมว่าเกณฑ์เรื่องจริยธรรม คุณธรรม หลายคนตำหนิมาเยอะมากเลยว่าทำเป็นดี ทำเป็นเท่ บางคนถึงขนาดด่าว่าให้ไปดูลูกเถอะลูกไม่สบาย เดี๋ยวสมองพิการไปหรอก คือแรงมากที่ถูกตำหนิมาในใจลึกๆ ก็เจ็บปวดว่าเราไม่ได้ทำร้ายใคร เราก็ไม่ได้คิดว่าจะมาอยากดังเพราะเรื่องนี้เพราะตอนนั้นผู้ใหญ่หลายท่านคุยว่า วันนั้นถ้าคุณสมัครได้ขึ้นเป็นนายกฯ นองเลือดแน่นอน หลายคนก็บอก่วาทำเถอะช่วยกันไม่ได้มีผมคนเดียวมีหลายคนมาก ที่ไปถวายฎีกาผมเองตั้งใจว่าวันนั้นไปสวดมนต์ (วัดพระแก้ว) อยากให้ทุกคนได้หันมาหาความสงบก็มีคนมาตามประกบด้วยเหมือนกับว่าเราจะทำอะไร เราก็บอกไม่ได้ทำอะไรหรอกถ้าไม่สบายใจ เป็นเจ้าหน้าที่เราก็ถอยได้เพราะเราไม่ได้คิดว่าเราจะทำให้ใครเดือดร้อน"
"ผมรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าอยากให้เข้าใจเจตนารมณ์ว่าวันนั้นถึงวิกฤติแล้วที่ทางพรรคพลังประชาชนจะเลือกคุณสมัครขึ้นไปทั้งที่เขาเองก็ขาดคุณสมบัติที่ไม่สง่างาม บางคนก็ถามว่าเขาโกงตรงไหน เขาเลวตรงไหน ทำไมต้องไล่เขา ผมก็บอกว่าที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วแค่มีคดีติดตัวก็ไม่หมาะสมแล้วที่จะเป็นนายกฯ ผมคิดว่าสำคัญมาก ตำแหน่งนายกฯ เราควรจะไหว้ได้อย่างสนิทใจ เคารพบูชาและเชื่อถือได้อย่างสนิทใจ"
เผยความอัดอั้นตันใจถูกสาปแช่งสารพัด
"แต่ก็ต้องยอมรับว่าบ้านเราในการเปิดใจไม่มีในการรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ขณะเดียวกันคนแสดงความคิดเห็นก็ต้องไม่ใสอารมณ์ในเชิงรุนแรงเกินไป ผมออกมาอยากจะให้มีเกณฑ์จริยธรรมของนักการเมืองคนก็ออกมาด่า ประสาทหรือเปล่าคือโจมตีส่วนตัวไป ขอให้ทางเวิร์คพอยท์ถอดออกจากการเป็นพิธีกร ขอให้ไม่มีงาน มิน่าละอยากดัง ด่าเยอะมากเลยแต่ที่ชื่นชมก็มี สำหรับผมมันไม่ใช่เป้าหมายผมไม่ได้หวังคนต้องชื่นชมกับการกระทำแต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ถ้าเกิดนองเลือดแล้วเราทำได้ หมายความว่าเราเป็นสื่อเราพูดไปคนน่าจะฟังเราได้บ้างระดับหนึ่งขอให้คนหันมาสู่ความสงบสุขจริงๆ ก็หวังตรงนั้นจริงๆ"
"หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้แถลงข่าวเปิดตัวทำร้ายใคร โจมตีใคร ตอนนี้คอยดูกันต่อไปกลไกทางรัฐสภาจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือเปล่า เช่น การออกกฎหมาย การทำอะไรต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงหรือเปล่า ถ้าผิดผมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย 84 องค์กรซึ่งมีตัวตนอยู่จริงและพร้อมทำงานเพื่อสังคม อยากให้คนเปิดใจกว้างไม่ใช่พอใครมาเสนอความเห็นที่แตกต่างก็ด่าแบบเสียๆ หายๆ บางคนด่าไปถึงครอบครัว"
เปิดใจถูกผู้ใหญ่เวิร์คพอยท์เรียกพบหลังถวายฎีกาแต่จะถูกปลดจากงานพิธีกรหรือไม่ ลูกรักเสี่ยตารับหวั่นใจเช่นกัน รวมถึงถูกยกเลิกงานจ้างในวันเดียวกันนั้นด้วย
"ท่านก็เตือนๆ ไว้แต่ไม่ได้รุนแรงอะไรมากก็มีการคุยกันให้ระวังหน่อยเพราะว่าการแสดงจุดยืนทางการเมืองต้องเป็นกลางและไม่นำมาซึ่งการที่ทำในกระแสที่คนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ถ้าเราแสดงจุดยืนอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะเกิดศัตรูโดยไม่รู้ตัว ผมก็บอกผมไม่ได้ไปเรียกร้องอคติอะไรผมหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ที่สุดในระบอบประชาธิปไตยที่ทำได้ เป็นสถานการณ์ให้คนที่อยู่กลางๆ จริงๆ ได้ออกมาเคลื่อนไหวว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปคนไทยก็ฆ่ากันเองและไม่มีวันกลับมาสู่ความสงบสุขได้อีก"
"กลัวถูกปลดไหม ตรงนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันต้องรอดูกันต่อไป แต่ทางผู้ใหญ่ก็เมตตามาก เข้าใจว่าความคิดความอ่านเรายังไม่รู้เท่าทันกลทางการเมืองแต่ผมก็บอกว่าผมเปิดใจรับฟังคนตำหนิ คนด่า เจตนาเราอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้เปิดตัวทางการเมือง ทุกวันนี้พร้อมจะรับผลที่เกิดขึ้นมันก็คือสิงที่มันเป็นผลแต่เหตุที่เราทำไว้เป็นจุดยืนบางอย่างที่ทำให้คนได้รู้ว่าในสังคมไทยมีคนไม่น้อยที่หันมาสนใจเรื่องของการบ้านการเมืองและรอจังหวะร่วมมือกันอยู่ว่าเราจะช่วยกันผลักดันให้บ้านเมือง เพราะทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงในบ้านเมือง บางคนบอกเป็นดาราทำตัวแบบนี้ต่อไปจะไม่ดูรายการ เกลียดมากก็ปล่อยวาง และเราก็คิดว่าไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้ายและรุนแรง"
"ผลกระทบก็เป็นธรรมดาในที่สุดแล้วผมมองภาพรวมของชาติ ของตัวเราเองที่เป็นประชาชนคนนึงมีสิทธิ มีหน้าที่ อาชีพก็เป็นส่วนหนึ่ง ยอมรับที่ผ่านมาก็มีงานที่ถูกยกเลิกไปในวันนั้นเลยก็เข้าใจว่าเขารับไม่ได้หรือกลัวผลกระทบที่ตามมาแต่ผมก็บอกแล้วผมไม่ได้ต่อต้านใคร แค่รู้สึกว่าเราต้องสร้างมาตราฐานจริยธรรม ณ วินาทนั้นมันคือการช่วยเหลือชีวิตของคนร่วมชาติด้วย ถ้าไม่ทำทั้งฝ่าย นปช.และฝ่ายพันธมิตรเกิดตีกันแล้วเสียชีวิตผมจะสียใจตลอดชีวิตยิ่งกว่าที่ผมเสียใจกับการถูกด่า ปลดออกจากงานดีกว่าผมรู้สึกว่ามันแย่แล้วจริงๆ แล้วผมต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องทำป้องกันไว้ก่อนดีกว่า"
"มั่นใจก็ต้องทำผมเคยทบทวนประเด็นนี้เหมือนกันหากย้อนเวลาไปได้จะทำไหม เพราะ ณ วินาทีนั้นมันเหมือนไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดก่อน ต้องโดนถอดออกจากทุกอย่างก็ต้องทำ เราคิดว่าการได้ช่วยคนๆ หนึ่งจากการไม่โดนอุบติเหตุทางการเมือง การทะเลาะวิวาทกัน มันยิ่งใหญ่กว่าการนั่งนึกถึงผลกระทบอย่างมากผมหางานใหม่ไม่เป็นไรเราเตรียมตัวอยู่แล้วเราก็ทำอะไรได้หลายอย่าง คุยกันในครอบครัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นพร้อมรับชะตากรรม อย่างมากก็สมัครงานใหม่ก็ยังมีที่อยู่ในสังคม ผมคิดว่าอาจทำให้เราสบายใจและสง่างามกว่าที่เราไปโกงกิน เราไปทำร้าย ถ้าช่วยได้เราช่วย" พิธีกรหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เปรยอยากให้กลุ่มพันธมิตรถอนกำลังออกจากทำเนียบรัฐบาลโดยแนะให้ภาครัฐจัดหาเวทีแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างสันติ อีกทั้งอยากให้มีการตั้งองค์กรตรวจสอบระดับจริยธรรมของกลุ่มคนการเมือง
"ถามว่ากังวลไหม กลัวไหมคงมีนิดหนึ่ง เขาบอกถ้าทำอะไรก็โทรบอกนิดนึงจะได้ช่วยพิจารณาว่าอะไรควรไม่ควรแต่เขาเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ ผมเองก็เข้าใจความหวังดีนะครับ อยากให้ทุกอย่างยุติโดยดี เช่น พันธมิตรออกจากทำเนียบ รัฐบาลแต่ก็พยายามเข้าใจว่ามันไม่มีทางอื่น รัฐบาลอาจเป็นเจ้าภาพหาเวทีมาตั้งกรรมการตรวจสอบรัฐบาลโดยภาคประชาชนว่า ณ นับแต่นี้รัฐบาลขอโอกาสทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง คนที่ทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรม อยากให้แยกประเด็นว่าการเรียกร้องทางการเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญมากแต่ไม่ควรใช้ความรุนแรงทางคำพูด การกระทำ อยากให้ทุกคนที่เห็นต่างกันมีเวทีในการพูดไม่ใช่คนไหนเห็นต่างต้องเป็นศัตรูกัน มันไม่แสดงถึงจิตสำนึกของการเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงที่อยู่บนฐานความรู้ที่ถูกต้องหรือการศึกษาที่แท้จริง"
"ผมอยากให้มีองค์กรณ์ที่เป็นกลางอาจตั้งขึ้นใหม่เป็น "สร้างสรรค์จริยธรรมทางการเมือง" หรือว่าจริยบัตรสำหรับนักการเมือง ทุกคนเป็นกรรมการที่ตรวจสอบ จริยบัตร จริยธรรม ที่เป็นกลางและพร้อมตัดสิน จริงๆ ก็มีศาลอยู่แล้วแต่ก่อนที่จะไปถึงศาลถ้าระดับจริยธรรมก่อนในการสกรีนใครทำผิดจริยธรรมมีข้อครหามันเป็นจิตสำนึก อย่างญี่ปุ่นพอเขาถูกตำหนิเขาพูดผิดพลาดไปหน่อยเขาก็ลาออกเลยหนักถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี ก็หวังว่านักการเมืองไทยของเราจะมีสำนึกตรงนั้นจริงๆ บ้าง ผมหวังว่าเราจะได้ช่วยกันสร้างระบบการเมืองใหม่ที่มีนักการเมืองเป็นระบบผู้นำสังคมจริงๆ ไม่ใช่แบบว่าเป็นผู้ที่สังคมต้องแบกรับภาระอยู่เพราะเงินภาษีเราต้องเสียทุกคนครับ แล้วเขาก็เอาไปโกงกิน ถ้าเอาไปทำผลประโยชน์เพื่อประเทศชาติเราจะไม่เสียดายสักบาท ณ วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้น เท่าทีทราบจากสื่อมามีการโกงกิน ทำอะไรเพื่อตัวเอง อย่างการเลือกรัฐมนตรีที่ผ่านมาก็เป็นลักษณะเดียวกัน"
ฟุ้งก่อนหน้านี้ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ สมัยที่ 2 "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" ทาบให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา
"ตอนนี้มีคุณอภิรักษ์ชวนไปเป็นทีมงานด้วยไปเป็นที่ปรึกษาคงเป็นของกรุงเทพฯ ผมก็บอกบางเรื่องผมยินดีช่วยในฐานะเป็นอาสาสมัครแต่ไม่ต้องมีตำแหน่งก็ได้ ผมคิดว่ายังไงเราอยู่ในบ้านเมืองเราต้องไม่กลัวจนเกินไปแต่เราก็ไม่เวอร์จนเกินไปด้วยเช่นกัน ต้องอยู่ในพอดีๆ คือเรารู้ผลงานเราทำไปแต่ไม่ต้องเอาตัวเองมาโชว์ที่ผ่านมาผมก็ทำตัวเรียบๆ ง่ายๆ ทุกวันนี้มีคนชวนเล่นการเมืองแต่ไม่ได้คุยต่อในรายละเอียดมากมาย ถ้าเราไปเป็นแขนขาให้ซึ่งงานที่ผมถนัดคงเป็นงานด้านเยาวชน"
บอกตนยินดีหอบผ้ากลับบ้านหากผลจากการเมืองนำความเสียหายมาให้บริษัท เผยขณะนี้เตรียมปั้นโปรเจ็กต์รายการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเสนอให้กับทางเวิร์คพอยท์พิจารณาแต่ยังเป็นศูนย์
"จะทำโรงเรียนสอนภาษาจีน ผลิตรายการไม่แน่ใจเหมือนกันตรงนี้ต้องคุยกับผู้ใหญ่ของเวิร์คพอยท์ว่าเรื่องรายการอยากให้เราทำแนวไหนถ้าเป็นเกมโชว์ ผมจะให้สิทธิ์ทางเวิร์คพอยท์ในการดูแล ถ้าทำคงแนวแบบทอล์ค หลักๆ คือเรื่องสิ่งแวดล้อม ความป็นไปได้ในการทำยังไม่แน่ใจยังไม่รู้ว่าเขาสนใจหรือเปล่า ถ้าสนใจคงให้เขาเป็นต้นสังกัดดูแลให้ส่วนใหญ่เขาทำเกมโชว์มากกว่า"
"เรื่องนี้ผมเคยเกริ่นมานานแล้วแต่ท่านยุ่งๆ อยู่ ผมต้องคิดคอนเซ็ปต์ให้ชัดก่อน ถามว่ากลัวเรื่องการเมืองมีผลไหม ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดแต่คิดว่ามีผลกระทบอะไรเราต้องยอมรับเราก็ต้องเลือกทางเวิร์คพอยท์ให้ดำรงอยู่มากกว่า ถ้าต้องมีผลกระทบจริงๆ ถ้าเรารู้เราก็ต้องถอนตัวเอง ผมว่าจะทำให้เขาสบายใจกว่า"
ส่วนอาการบาดเจ็บลูกชาย "ฌาน จิตต์อิสระ" วัยขวบเศษ "อี้" กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พ้อสุดปวดใจถูกด่าลามถึงลูกชาย
"เขาหายแล้ว คุณหมอบอกเขาทำบุญเยอะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หมอบอกตอนแรก 3 เดือนกว่าจะฟื้น นี่เดือนกว่าก็หายแล้วเป็นปกติดีแต่เหลือนิดหน่อยไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์มาก เหลือตาขวานิดหน่อยซึ่งต้องดูอาการต่อไป ยังเดินไม่ค่อยคล่องเท่าไรต้องทำใจและยอมรับไป ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดเขาด่าถึงลูกสมควรแล้วที่เป็นอย่างนี้เป็นเวรกรรม ผมว่าไม่เกี่ยวนะแต่ช่างเถอะคนเรามีหลากหลายจะให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราทำมันเป็นไปไมได้"