xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” จวก “สมชาย” ยิ่งอยู่ยิ่งเสียชื่อ-ตั้ง รมต.บ้อท่าทำชาติเสียเกียรติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“พิภพ” แนะ ป.ป.ช.จัดแถลงความคืบหน้าคดีสำคัญเป็นระยะ ป้องกันข้อครหาดองเรื่อง เผยคดี ม.190 ใกล้จบ ขรก.ประจำระดับสูงส่อเข้าปิ้งพร้อม “ครม.หมัก” เป็นบทเรียนข้าราชการประจำที่ยอมร่วมมือกับนักการเมืองโกง ชี้ ความสุภาพของ “สมชาย” ไม่บ่งบอกว่าตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ยิ่งอยู่ไปยิ่งเสียชื่อ ตั้ง รมต.ไร้ความสามารถ ทำประเทศไทยเสียเกียรติ ย้ำเหตุพันธมิตรฯ ต้องไล่ก่อนสร้างการเมืองใหม่ แล้วปฏิรูปสังคมทั้งระบบ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 2 ต.ค.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า อยากจะบอกกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า หน้าที่ขององค์กรอิสระนั้น ถ้าไม่อยากให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสงสัยต้องบอกประชาชนรู้อยู่เป็นระยะๆ ว่า คดีที่อยู่ในความสนใจนั้นไปถึงไหน ป.ป.ช.ต้องประชาสัมพันธ์องค์กรของตัวเอง เพราะกินเงินภาษีของประชาชน และคดีคอร์รัปชั่นเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ถ้าคดีเข้าไปแล้วไม่จัดลำดับความสำคัญว่าคดีไหนระดับชาติ แล้วแจ้งให้ทราบว่าคืบหน้าไปถึงไหน ประชาชนมีสิทธิจะรับรู้ ถ้าไม่ให้รู้ก็จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์

นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้ นอกจากคดีสนามบินสุวรรณภูมิที่ล่าช้าแล้ว ยังมีเรื่องที่ ครม.ชุดนายสมัคร สุนทรเวช ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กรณีออกแถลงการณ์ร่วมกับเขมรเรื่องมรดกโลกในสมัยที่ นายนพดล ปัทมะ เป็น รมว.การต่างประเทศ เป็นการออกแถลงการณ์ร่วมโดยไม่ใส่ใจว่ารัฐธรรมนูญได้เขียนบังคับไว้ว่าต้องผ่านสภาก่อน การเป็นรัฐบาลต้องเคร่งครัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่เคร่งครัดอย่ามาเป็นรัฐบาล เราก็เห็นว่าเนิ่นนานมาแล้ว ทั้งที่เป็นการทำผิดมาตรา 190 อย่างชัดเจน โดยวันนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ไปให้การกับ ป.ป.ช.เป็นปากเกือบท้ายๆ ซึ่งที่ช้า เพราะต้องสอบถึง 40 กว่าปาก อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเสียอธิปไตย เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.จะต้องประกาศเป็นระยะๆ ว่า ทำไมจึงล่าช้าและคืบหน้าไปถึงไหน

“อยากเรียน ป.ป.ช.ด้วยความเคารพว่าทุกเดือนต้องมีการแถลงข่าวร่วมของ ป.ป.ช.ว่าคดีสำคัญๆ ไปถึงไหนต้องทำหน้าที่แถลง อย่างพวกเราเองไม่ได้กินภาษีประชาชนเลย เรามาชุมนุม เราออกเงินกันเอง เรื่องการชุมนุมเรายังต้องแถลงทุกวันว่าเราทำอะไรไปบ้าง อันนี้สำคัญ โลกนี้เป็นโลกยุคโลกาภิวัตน์ เราจะทำอะไรในความมืดแล้วคิดว่าเราตั้งใจทำงาน แต่เมื่อคดีบางคดีมันช้า โดยเฉพาะเรื่องสุวรรณภูมิ สังคมย่อมสงสัยว่า 2 ปีแล้วมันไปถึงไหนกัน ใครดูแลอยู่”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า อยากให้องค์กรอิสระทุกองค์กร โดยเฉพาะที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดต้องทำประชาชนสัมพันธ์ด้วยว่า เรื่องการตรวจสอบทุจริตคืบหน้าไปถึงไหน ความกินแหนงแคลงใจจะได้หมดไปเสียที

นายพิภพ เปิดเผยอีกว่า ในวันพรุ่งนี้นายสุริยะใสจะมาบอกว่า ความคืบหน้าคดี ครม.ชุดนายสมัครทำผิดมาตรา 190 ไปถึงไหน และรัฐมนตรีบางคนมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันด้วย ทั้งที่ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 อย่างชัดเจน ซึ่งในประเทศที่อารยะแล้วเขาจะไม่เอารัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหามาเป็นรัฐมนตรีอีก แต่พรรคพลังประชาชนไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้ ไม่สนใจประชาชน จะตั้งอย่างนี้จะทำไม นี่คือ ความบัดซบ โง่เง่าของพรรคพลังประชาชนที่ระดับจริยธรรมทางการเมืองต่ำมาก

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ในคดีทำผิดมาตรา 190 นั้น มีนักการเมือง ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการกรมแผนที่ทหาร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมแล้ว 41 ราย ถูกสอบอย่างเคร่งเครียด ซึ่งถ้า ป.ป.ช.บอกว่าผิด ไม่เพียงข้าราชการการเมืองเท่านั้น ข้าราชการประจำก็ผิดด้วย ซึ่งจะเป็นบทเรียนว่า ข้าราชการประจำที่ดีแล้วรู้ว่านักการเมืองทำผิด ต้องหาทางสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง เพื่อที่จะไม่ร่วมมือนักการเมืองทำผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะมีความผิดด้วย ซึ่งการเมืองใหม่ต้องทำตรงนี้ด้วย เพราะเห็นใจข้าราชการดีๆ ถ้าไม่ทำตามคำสั่งนักการเมืองก็จะถูกย้าย แต่ถ้าทำก็มีความผิด ถูกปลดออก

“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรามีภูมิคุ้มกัน คือ มีศาลปกครอง ถ้านักการเมืองทำผิด ย้ายท่านอย่างไม่รับผิดชอบ ฟ้องเลย เว้นแต่ท่านคิดประจบเพื่อเอาตำแหน่งสูงขึ้นไป มีตัวอย่างมาแล้ว นักการเมืองสั่งย้ายไม่ธรรม ฟ้องศาลปกครองชนะทุกคดี คราวนี้ก็จะเป็นบทเรียน ทราบมาว่าข้าราชการระดับสูงที่ไปให้การ ป.ป.ช.รู้ว่าตัวเองจะต้องถูกลงโทษด้วย กำลังสะอื้นอยู่ในอกไม่รู้ทำไง เพราะฉะนั้นในการเมืองใหม่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง ถ้านักการเมืองสั่งโดยผิดกฎหมายต้องไม่ทำตาม”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า สังคมไทยขาดความกล้าหาญมานาน ข้าราชการดีๆ ก็ขาด เพราะมัวหวงตำแหน่ง กลัวว่า ถ้าสู้กับนักการเมืองแล้วจะทัดทานไม่ไหว วันนี้อยากให้ข้าราชการประจำดีๆ ออกมาสร้างการเมืองใหม่กับพันธมิตร การเมืองใหม่จะสร้างการคุ้มครองและยาดีๆ คุ้มครองท่าน ให้สู้กับนักการเมืองได้ มีอะไรเอามาเขียนในการเมืองใหม่เลย เราต้องลอยแพนักการเมืองชั่วๆ ที่คอร์รัปชัน ข้าราชการดีๆ ต้องไม่ร่วมมือกับนักการเมืองที่ทุจริต โดยนึกถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง

“วันนี้การเมืองเปลี่ยนทิศไปแล้ว ประชาชนไม่ปล่อยให้นักการเมืองชั่วๆ เดินลอยชายตามสนามบิน ตามห้างสรรพสินค้าอีกต่อไป เพราะประชาชนกล้าที่จะบอกว่าเราไม่ต้องการคุณ และควักมือตบออกมาไล่คุณ ตอนนี้นักการเมืองกำลังหวาดผวา ว่าไปไหนจะโดนมือตบไล่หรือไม่”

ต่อมา นายพิภพ กล่าวถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ว่า ทำให้ประชาชนผิดหวัง เพราะไม่เป็นตัวของตัวเอง เป็นนายกฯ แค่หวังชื่อเสียงของตัวเองและภรรยาว่ามีสามีเป็นนายกฯ แต่การตั้งรัฐมนตรีไม่คำนึงถึงประเทศชาติ โดยเฉพาะการตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่มีความสามารถแม้แต่จะแถลงที่สหประชาชาติ พอไปถึงก็ให้ทูตไทยประจำยูเอ็นแถลงเอง แล้วจะบินไปทำไม แล้วบอกว่าปวดฟัน ต้องไปร้านทำฟัน ไม่ยอมไปสู้หน้านานาประเทศ เพราะความสามารถไม่ถึงใช่หรือไม่

นายพิภพ กล่าวต่อว่า นายสมชายได้ตบหน้าประเทศไทย แม่แต่นายฮุนเซนนายกเขมรประเทศเล็กๆ ยังกล้าปรามาสว่าเราจะไม่สามารถจัดประชุมอาเซียนได้ การที่พรรคพลังประชาชนยังดำเนินการเมืองแบบเก่าๆ ทำให้ประเทศชาติเสียทั้งศักดิ์ศรี เสียเกียรติ และความน่าเชื่อถือ นักลงทุนไม่อยากมา เพราะรัฐบาลตั้งรัฐมนตรีตามโควตา ใครมี ส.ส.10 คน เอารัฐมนตรีไป 1 ตำแหน่ง ไม่ดูว่ามีความสามารถหรือไม่ เพราะฉะนั้นที่คนไม่เชื่อถือเรื่องเศรษฐกิจไม่ใช่เพราะพันธมิตรฯ มายึดทำเนียบ แต่ท่านทำของท่านเอง

“ตอนนี้เหมือนประชาชนกำลังถูกข่มขืน ท่านไม่สนใจว่าประชาชนจะเจ็บปวด แต่งตั้งคนโดยไม่คำนึงถึงหน้าตาประเทศชาติ ไม่คำนึงถึงหัวใจประชาชน ไม่คำนึงถึงประโยชน์ชาติ รัฐมนตรีกว่าครึ่งติดคดีจากรัฐบาลนายสมัคร ท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา แต่ถ้าไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐแล้ว จะมาเป็นรัฐบาลไปทำไม”

“นี่คือ เหตุผลที่พันธมิตรฯ บอกว่า ท่านไม่มีสิทธิเป็นรัฐบาล เราจะสู้จนกว่าท่านจะถอนตัว ให้เกิดรัฐบาลใหม่ หลังจากนั้นจึงจะทำการเมืองใหม่ได้ เหตุที่เราต้องตั้งเข็มมุ่งว่า พรรคพลังประชาชนไม่ชอบธรรมในการเป็นรัฐบาลมีหลายสิบข้อ ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นนอมินี เป็นแฟมิลี ทำงานให้ทักษิณ รัฐมนตรีไม่ทำประโยชน์ให้ชาติ ความสามารถของรัฐมนตรีไม่มี อยู่ดีๆ เอา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปอยู่สาธารณสุข มันอับอายไปทั่วโลก หมอก็ทนไม่ไหว อย่าไปเลยพูดว่าจะสนับสนุนซีแอล ใครๆ เขาก็รู้ทัน ความไม่เหมาะสมของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่สาธารณสุข ยิ่งวกว่าอยู่ที่มหาดไทย แล้วอยู่มหาดไทยยังบำบัดทุกข์บำรุงสุขไม่ได้ แล้วมาอยู่สาธารณสุข จะทำอะไรได้”

นายพิภพ ย้ำว่า แม้นายสมชายจะใช้ความสุภาพอย่างไรก็ไปไม่รอด เพราะความสุภาพไม่บ่งบอกถึงความสามารถ ไม่มีความอิสระในการทำงานเพื่อประเทศชาติ ยิ่งอยู่นานเข้าจะยิ่งเสียชื่อ ขอให้ระวังตัว ขอให้ออกจากตำแหน่งอย่างงดงาม อย่าออกอย่างลุกลี้ลุกลน เราขอเดือนอย่างหวังดี

“ท่านบอกว่า อยากสมานฉันท์ แต่เรื่องง่ายๆ ท่านยังไม่ทำ เช่น พาสปอร์แดง ซึ่งไม่ต้องใช้นโยบายอะไร ก็ยังไม่ทำ ถ้าเรื่องนี้เป็นอำนาจของปลัดกระทรวง ท่านปลัดกระทรวงเสนอมาหรือยัง ถ้าเสนอไปแล้ว นักการเมืองไม่ทำ เราจะได้พุ่งเป้าไปที่นักการเมือง แต่ถ้าท่านยังเฉย ท่านจะถูกลากเข้าไปฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ด้วย ขอเตือนว่าข้าราชประจำจะต้องมีความกล้า ไม่งั้นท่านจะโดนด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เหมือนกรณีมาตรา 190”

นายพิภพ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการประกันตัวนักรบศรีวิชัยว่า วันนี้ได้ประกันไปอีก 8 คน ยังเหลือ 52 คน จากที่ถูกจับ 85 คน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ประกันตัวเป็นล็อตๆ จนหมด 52 คน นอกจากนั้นชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยได้บริจาคเงินช่วยเหลือ 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูกๆ นักรบศรีวิชัยเหล่านั้น เมื่อราวแล้วตอนนี้มีเงินบริจาคช่วยเหลือผ่านตนมาแล้วทั้งสิ้น 218,100 บาท โดยจะมีการจ่ายให้กับครอบครัวของนักรบศรีวิชัยเหล่านั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าครอบครัวจะเข้ารูปเข้ารอย นอกจากนี้พันธมิตรฯ ได้นัดกันไปเยี่ยมที่คลองเปรมทุกวันอังคารและวันพฤหัสฯ เวลา 13.00 น.

นายพิภพ กล่าวเพิ่ม ถึงเรื่องการเมืองใหม่ว่า การเมือเก่าที่เต็มไปด้วยการทุจริตนั้น ทำให้การปฏิรูปต่างๆ ไม่สามารถทำสำเร็จอย่างเช่นการปฏิรูปการศึกษา ดังนั้น ในการเมืองใหม่เราจะไม่พูดเฉพาะการเข้าสู่อำนาจ การควบคุมนักการเมือง หารเพิ่มอำนาจภาคประชาชนในการตรวจสอบ แต่เมื่อเปิดมิติการเมืองใหม่ ได้แล้ว การปฏิรูปต่างๆ จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปสังคม ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปภาษี ปฏิรูประบบสุขภาพ ปฏิรูปการคุ้มครองแรงงาน ปฏิรูปสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ปฏิรูปการกระจายอำนาจ ปฏิรูปการตรวจสอบอำนาจรัฐ ปฏิรูปการมีส่วนร่วมทางการเมือง ปฏิรูปที่ดินทำกิน ปฏิรูปการทำข้อตกลงระหว่างประเทศ ปฏิรูปการเกษตร ปฏิรูปการจัดการสิ่งแวดล้อม ปฏิรูปสื่อและการเข้าถึงข้อมูล ปฏิรูปความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และมีอีกเยอะ แต่สิ่งที่เผชิญหน้าเราคือ การเข้าสู่การเมือง ต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีนักการเมืองชั่วๆ

อย่างไรก็ตาม คาดว่า ที่จะต้องปฏิรูปเป็นอันดับแรกคือ การศึกษา ให้เป็นการศึกษาใหม่สำหรับคนทุกชนชั้นและกลุ่มอาชีพ ให้เด็กเรียนอย่างมีความสุขและเก่งด้วย นี่เป็นตัวอย่าง และมีต้องทำเยอะ แต่ที่มาชุมนุมขณะนี้ เพื่อไล่นักการเมืองเก่าไออกไปก่อน

นายพิภพ กล่าวในตอนท้ายว่า นักการเมืองหาว่าเราตั้งหน้าตั้งตาให้คนเกลียดนักการเมือง ขอชี้แจงว่า เราให้เกลียดนักการเมืองที่ฉ้อโกงเท่านั้น แล้วนักการเมืองที่ฉ้อโกง ถึงเวลาที่จะเลิกเล่นการเมืองแล้ว ให้ท่านกลับตัวกลับใจไปประกอบอาชีพที่สุจริต และไม่มาเล่นการเมืองอีก ควรให้นักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่ทุจริตเข้ามา ท่านควรพอแล้ว ถ้าท่านออกไปประกอบอาชีพสุจริตและทำสำเร็จ เราเจอท่านเราก็จะไม่ไล่ แต่ถ้ายังไม่ไป เราเจอที่ไหนก็จะไล่เมื่อนั้น



กำลังโหลดความคิดเห็น