xs
xsm
sm
md
lg

“หมอเหลิม” เข้า สธ.วันแรก โปรยจูบแจก ขรก.ปัดหนีบ “ลูกวัน” นั่งเลขาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.กระทรวงสาธารณสุข ขณะเดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขวันแรก
“เป็ดเหลิม” เข้ากระทรวงหมอ ปลื้มคนแห่ต้อนรับคึกคัก โปรยจูบให้ข้าราชการ สธ.เรี่ยราด เล็งสานต่อนโยบายเดิมมอบการบ้าน 12 ข้อ พร้อมเป็นตัวเชื่อม ครม.ของบลงทุนพัฒนา หนุนเมดิคอลฮับ-เมกะโปรเจกต์ เน้นกำกับบริการ ลั่นคงซีแอลยาไว้ไม่มีล้มแน่นอน ปัดหนีบลูกวันเป็นเลขาฯ รูดซิบปากจ้อการเมืองสัปดาห์ละ 1 วันพอ

วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เดินทางเข้ารับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข พร้อม นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข อย่างเป็นทางการ โดยเมื่อเดินทางมาถึงได้มีการทำพิธีสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง เพื่อเป็นสิริมงคล โดยที่บริเวณด้านหน้าตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนืองแน่นไปด้วยบรรดาผู้บริหารกระทรวง ผู้ตรวจราชการ อธิบดีทุกกรม และข้าราชการเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับและมอบดอกไม้แสดงความยินดี ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ส่งจูบพร้อมมีเสียงตบมือโห่ร้องเป็นระยะๆ โดยมี นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีและเลขานุการรัฐมนตรีช่วยสธ.ติดตามมาด้วย

จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ขึ้นห้องทำงานที่ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัด สธ.กระทรวงสาธารณสุข บูชาพระพุทธรูปประจำห้องทำงาน และลงนามในหนังสือรับหน้าที่ในตำแหน่งรมว.สาธารณสุข และรมช.สาธารณสุข จากนั้นได้เข้าห้องประชุม เพื่อมอบนโยบายและรับการแสดงความยินดี พร้อมทั้งพบปะผู้บริหารระดับสูงของและข้าราชการ สธ.โดยใช้เวลา 40 นาที

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข กล่าวในการมอบนโยบายกับผู้บริหารและข้าราชการ สธ.ว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยจริยธรรม คุณธรรม การมาทำงานครั้งนี้ขอให้คำมั่นว่าจะตั้งใจทำงานให้ ไม่ได้ทำงานเอา และจะไม่เน้นควบคุมกำกับดูแล แต่จะร่วมทำงานกำกับและบริการ เป็นตัวเชื่อมโยงภารกิจของ สธ.ไปสู่รัฐบาลและรัฐสภา โดยนโยบายจะแปลงไปสู่ความเป็นรูปธรรม ไม่จัดหางบประมาณประจำ หรืองบเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีงบสำหรับในการพัฒนาด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่า นโยบายต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมาแล้วนั้นจะยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย

“สำหรับผมมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า อย่าเอานักเลงมาคุมหมอ จริงๆ เข้าใจผิด ผมไม่ใช่นักเลง แต่ผมเป็นหัวหน้านักเลง เพราะเป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมคนร้ายทำผิด ซึ่งเป็นนักเลงก็ยังดีกว่าพวกอันธพาล เพราะนักเลขเป็นสุภาพบุรุษ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนจบปริญญาตรี โท และเอกด้านกฎหมาย เป็นดอกเตอร์จริงๆ และเป็นคนที่ 3 ของประเทศไทยด้วย ไม่ได้ปลอมปริญญาอย่าที่วิจารณ์กัน เพียงแต่หลักสูตรที่เรียนในสมัยนั้นไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ และใช้เวลาเรียน 5 ปี ที่สำคัญ คือ ตนอยู่ห้องก.ไก่เป็นห้องที่มีแต่เด็กที่เป็นคนเก่ง มีเพื่อนเป็นแพทย์หลายคน รวมทั้งเป็นวิศวกร ทหาร ตำรวจ

“ที่ผ่านมา เป็นตำรวจมีศัตรูมากมาย แต่เป็นหมอนั่งอยู่กลางใจคนอยู่แล้ว ดังนั้น จำคำพูดผมไว้ อยู่ที่ไหนมีข้อหาเดียวคือหมั่นไส้ เรื่องทุจริตไม่มี วันไหนอ่านหนังสือพิมพ์ 15 ฉบับ แล้วไม่มีคอลัมน์เขียนด่า วันนั้นกินกาแฟไม่ลง กระแนะกระแหน กันหึ่งเลยว่า ผมจะเอาลูกมาอยู่ที่นี่ด้วย ทำไมคิดว่าผมโง่ขนาดนั้น จริงๆแล้วนายวัน อยู่บำรุง มาอยู่สธ.ก่อนผมในฐานะอดีตผู้ช่วยเลขานุการรมว.สธ. แต่ตอนนี้หนุ่มได้แจ้งเจตจำนงแล้วว่า ไม่ขออยู่กับพ่อเพราะเกรงว่าจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนจะไปอยู่กระทรวงไหนต้องแล้วแต่มติของพรรคพลังประชาชน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรื่องมาตรการบังคับใช้สิทธิ์เหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) มีนโยบายให้คงซีแอลไว้เหมือนเดิม ไม่มีการยกเลิก ยึดหลักเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ประเทศชาติเป็นหลัก แต่หากบริษัทยา ต้องการเข้าพบ ตนไม่ปิดกั้น สามารถเข้ามาคุย ชี้แจงเหตุผลได้ แต่จะให้ยกเลิกซีแอลคงเป็นไปไม่ได้ เพราะผลประโยชน์ของประชาชนอยู่เหนือกว่า ในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็เป็นผู้เสนอ พ.ร.บ.ทรัพย์สินทางปัญญาเข้าครม.ด้วยตนเองจึงเข้าใจเรื่องซีแอลเป็นอย่างดี ต่อไปนี้สื่อมวลชนไม่ต้องมาถามเรื่องนี้อีก

“ขอฝากถึงหมอชนบท ว่าหากมีอะไร เข้ามาคุยกับผมได้ ประตูห้องไม่ล็อก ไม่ต้องขออนุญาต เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาได้เลย ทุกที่ ทุกเวลา หากมีข้อสงสัยอะไรสามารถเข้ามาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ผมยินดีรับฟังข้อเท็จจริง รับรองไม่มีโกรธ ไม่เกลียด แต่ต้องฟังเหตุผลของผมด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายการเดินทางไปตรวจเยี่ยมเพื่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้จะลงไปอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะขบวนการขับไล่มีสูงมาก ขนาดนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ยังโดนไล่ ซึ่งขณะนี้ไม่อยากพูดเรื่องการเมือง เพราะเปลี่ยนตำแหน่ง ไม่ได้อยู่มหาดไทยที่ต้องตอบคำถามรายวันแล้ว จึงจะขอให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองสัปดาห์ละหนึ่งวันก็เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกดดัน เพราะกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เลือกข้าง เพราะเป็นรัฐบาลก็ต้องดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่มีใครมองคนไทยเป็นศัตรู ซึ่งเป็นสิทธิชอบธรรมตามกฎหมายที่กระทำได้ ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะถูกด่าตั้งแต่เด็ก

“ผมรู้สึกแอบชอบ สธ.และให้เครดิตกระทรวงนี้มานานแล้ว โดยเฉพาะในสมัยที่นายเสนาะ เทียนทอง เป็นรมว.สาธารณสุขที่เปลี่ยนจากยาม้าเป็นยาบ้า เพราะตนเองอยู่กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ผลักดันให้ผู้เสพยาบ้า เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งหากข้าราชการคนไหนมีอะไรก็สามารถมาเสนอแนะได้เลย เข้ามาที่ห้องทำงานผมได้เลย โดยไม่ต้องเคาะประตูด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า อยากฝากปลัด สธ.ว่า ศูนย์วิกฤตโรคหัวใจที่โรงพยาบาลหัวหินที่กำหนดจะใช้บริการได้ภายในเดือนธ.ค.นี้ จะสามารถเร่งให้กำหนดแล้วเสร็จเร็วกว่านี้ได้หรือไม่ ซึ่งเร็วๆ นี้ จะเดินทางพร้อมกับปลัด สธ.เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการให้แล้วเสร็จด้วย ทั้งนี้อยากฝากเพิ่มเติมในการให้ตัวแทน สธ.ไปประสานงาน เพื่อที่จะจัดตั้งโรงพยาบาลสัตว์ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยให้เป็นโรงพยาบาลสัตว์ระดับภูมิภาค เพื่อรองรับการให้บริการกับสัตว์ในภาคใต้ตอนบน

“เพื่อนผมเป็นผู้พิพากษาก็ฝากบอกว่ายัง สธ.ว่า ไม่อยากตัดสินคดีความเรื่องที่หมอถูกฟ้องร้อง เพราะรู้สึกไม่สบายใจและเห็นใจ ซึ่งจะทำอย่างไรให้หมอที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่ไม่โดนฟ้อง เพราะแพทย์มีเจตนาดีในการรักษา แต่ในสถานพยาบาลนั้นๆอาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโดยเฉพาะทาง จึงต้องให้ช่วยกันคิด เช่นเดียวกับกรณีของโรงพยาบาลป่าตอง จ.ภูเก็ต ที่มีแพทย์ลาออกพร้อมกันถึง 7 คน ก็น่าตกใจสำหรับคนเป็นรมว.สธ. ซึ่งขอเชิญมาพูดคุยกันว่าเพราะอะไร ตอนนี้เฉลิมมาแล้วสามารถกลับมาทำงานใหม่ได้หรือไม่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ อยากจะให้การบ้านซึ่งเป็นนโยบายทั้ง 12 ข้อเพื่อให้การทำงานของสธ.พัฒนาขึ้น 1. การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา(ซีแอล)จะดำเนินการให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่จำเป็น โดยดำเนินการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายผู้ป่วย 2. พัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

3.สร้างขวัญกำลังใจให้แก่แพทย์ พยาบาลเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในทุกวิชาชีพให้ทำงานอย่างมีความสุข ทั้งการเพิ่มตำแหน่งระดับตำแหน่งในทุกวิชาชีพกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สร้างระบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฟ้องร้องบุคลากรทางสาธารณสุขสร้างระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย และการส่งเสริมสวัสดิการต่างๆ ตลอดจนสร้างบรรยากาศที่ดีของการทำงาน

4.การประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกเพื่อให้ประชาชนได้ทราบและเข้าใจระบบบริการทางการแพทย์ร่วมกับการแพทย์เอื้ออาทร เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้รับบริการและให้บริการ เช่นโรงพยาบาลจังหวัดยโสธรได้รับรางวัลเป็น 1 ใน 16 โรงพยาบาลที่มีการบริการดีเด่นจากทั่วโลก ในภูมิภาคอาเซียนยังไม่มีใครได้ แต่กลับไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเท่าที่ควร ซึ่ง 5.การเตรียมความพร้อมด้านระบบการแพทย์ฉุกเฉินรวมทั้งด้านยาและเวชภัณฑ์ ในการรองรับภาวะวิกฤตต่างทั้งทางธรรมชาติ เช่น อุทกภัยต่างๆ และโรคระบาดที่สำคัญ เช่น ไข้หวัดนก ไข้เลือดออก ฯลฯ

6.พัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ให้ได้มาตรฐานสากล โดยให้มีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ พร้อมทั้งสนับสนุนบริการจัดการบริการทางการแพทย์และการขับเคลื่อนงานสาธารณสุขเชิงรุก เช่นการจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ทั้งในด้านการควบคุม ป้องกันโรคและรักษาพยาบาลผู้ป่วย

7.คุ้มครองผู้ริโภคในด้านอาหารและยา การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายผู้ป่วย 8.ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพหรือเมดิคัลฮับให้เป็นศูนย์กลางของเซียน ไม่จำเป็นต้องเป็นของเอกชนโดยมีโครงการนำร่องเช่นการพัฒนาโรงพยาบาลของรัฐในแหล่งท่องเที่ยว 9.การส่งเสริมพัฒนาการรักษาพยาบาล ฟื้นฟู บำบัด ผู้ติดยาเสพติด

10.การพัฒนางานสาธารณสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 11.การขับเคลื่อนงานสาธารณสุขเชิงรุก ตลอดจนการส่งเสริมการศึกษาวิจัยปัญหาสุขภาพเพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพดี และลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และ 12.การพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุขให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพของประเทศ

ด้านนายวัน อยู่บำรุง กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะได้ไปอยู่กระทรวงใดแต่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ต้องการให้ตนอยู่ที่ สธ. อยากให้ไปอยู่ที่อื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น