วานนี้ (19 ส.ค.) นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เปิดบ้าน ย่านถ.จรัญสนิทวงศ์ ให้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และนักการเมือง เข้าอวยพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 76 ปี โดยภายในงานได้มีการออกร้านต่าง ๆ อาทิ ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด เป็นต้นเพื่อให้แขกได้รับประทานทั้งนี้นายบรรหารได้แจกของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาอวยพรเป็นต้นไม้มงคล 9 ชนิด พร้อมกับข้าวสาร
นายบรรหาร กล่าวกับลูกพรรคและผู้ที่มาร่วมอวยพรวันเกิดว่า วันนี้อายุ 76 แล้ว แต่ภารกิจยังไม่จบ พรรคชาติไทยเป็นสถาบันพรรคการเมืองรองจากพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเป็นพรรคเฉพาะกิจ ป่านนี้ ถูกยุบไปรวมกับพรรคอื่นแล้วตั้งแต่ 5-6 ปีแล้ว การเมืองที่ผ่านมา พรรคชาติไทยได้รับเกียรติจากพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและครอบครัวทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น
ส่วนการเมืองขณะนี้หากจะบอกว่าวิกฤตก็วิกฤตไม่วิกฤตก็ไม่วิกฤต แต่เราก็ไม่รู้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ขอให้ทุกคนมีจิตใจมั่นคง อะไรไม่ดีก็อย่าไปโอนอ่อน ผ่อนตาม อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้ แต่จะทำอะไรขอให้อยู่ในกรอบ ตนเป็นหัวหน้าพรรคมานานการอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่เพราะดีใจ แต่อยู่เพราะความอดทน พยายามหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคแต่ก็ไม่มีใครเป็น ตนต้องอยู่เพื่อให้พรรคชาติอยู่ให้ได้ แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งหวังว่าจะได้รับความเมตตาปราณีจากศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ผ่านมาก็มีบางเรื่องที่ติดใจ อย่างเช่นการพิจารณา ให้ใบแดงพรรคชาติไทยเพียง 7 วัน ทั้งที่มีบางเรื่องที่ค้างการพิจารณากลับไม่ดำเนินการ เราก็ยังข้องใจแต่ไม่อยากพูด แต่จะจำอยู่ในใจ ตนจะอยู่สู้ต่อไป แม้ไม่มีอะไรจะสู้ ทรัพย์สินตอนนี้ก็ไม่มีเพราะแบ่งให้ลูกไปหมดแล้ว ตอนนี้เกียรติยศ เงินทอง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สุขภาพร่างกายสำคัญกว่า จะต้องอยู่ถึงอายุ 96 ปี และต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย ไม่ใช่อยู่แบบอ้าปากพะงาบๆ
จากนั้นนายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า มองตอนนี้ มองไม่ออก มองอยาก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ เพราะรูปแบบทางการเมืองในขณะนี้มันไม่เคยมีมันจะเนื่องจากอะไรก็แล้วแต่ บางคนก็โทษรัฐธรรมนูญ บางคนก็โทษความไม่ปรองดองกัน จึงมีความแตกแยกเกิดขึ้นบางคนก็มองว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งไม่สามารถ ตกลงกันได้ปัญหาจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เขาก็เดินตามครรลองนี้ ยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ ได้เสียงข้างมาก เขาก็มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะเป็นอย่าไร รัฐบาลอยู่ได้ไม่ได้ ก็อยู่ที่เสียงในสภา ถ้าเสียงไม่พอรัฐบาลก็ต้องลาออกเลือกตั้งกันใหม่ ฉะนั้น ตรงนี้เราต้องช่วยกันประคับประคองให้อยู่ได้ตลอดไป
ส่วนเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นตอบไม่ได้แต่ถ้าเราอดทนและพูดภาษาดอกไม้ ซึ่งกันและกัน มันก็คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเรามีเรื่องมากเท่าไหร่เศรษฐกิจของประเทศก็ยิ่งแย่ การลงทุนก็แย่ ภาพพจน์ในต่างประเทศก็ไม่มี การท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง ตนอยากยกตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่น การเมืองไม่แพ้กับเราแต่เวลาเขามีอะไรรัฐบาล ก็ลาออก บางทีก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เขาเลือกตั้งมากกว่าเราบางปีเลือกถึง 2 ครั้งก็มี
นายบรรหาร เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ถึงปลายปี เพราะตอนนี้ต้องรอให้งบประมาณผ่านสภา ซึ่งประมาณต้นเดือนตุลาคม และจะมีการโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งใน เดือนตุลาคมขึ้นไปรัฐบาลจะบริหารงบประมาณในไตรมาศแรก ดังนั้นคิดว่าน่าจะอยู่ได้
ส่วนที่พรรคพลังประชาชนมีปัญหาภายในกันเองนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่อยากวิจารณ์เพื่อนกันทั้งนั้น พรรคพลังประชาชนในขณะนี้ที่มาที่ไปไม่เหมือน ในอดีตที่ผ่านมาที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรคุมไว้อยู่มีเอกภาพ แต่ตอนนี้มีนายสมัคร สุนทรเวช ท่านก็มาจากที่อื่นและมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านไม่มีแม้แต่เสียงเดียว ในสภา ท่านมาตัวคนเดียว ฉะนั้นรูปแบบก็แตกต่างกัน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ถ้าหากแต่ละกลุ่มในพรรคพลังประชาชนเข้าใจกันได้ คิดว่าท้ายที่สุด แต่กลุ่มก็มาปรองดองกันได้ คงไม่แตกแยก
สำหรับข้อเสนอให้มีการยุบสภาก่อนที่จะยุบพรรคพลังประชาชนนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า จะยุบหรือไม่ขึ้นอยู่กับกติกาและระยะเวลาที่จะพิจารณา เพราะถ้า กกต. เสนอให้ยุบพรรคพลังประชาชนไปยังอัยการสูงสุดก่อนที่จะส่งให้ศาลรัฐธรมนูญ แบบเดียวกับพรรคชาติไทยกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย ตนคิดว่าคงไม่น่าจะยุบสภา เพาะจะยุบอย่างไรก็แล้วแต่ก็ไม่ทำให้คดีความมันหยุด
นายบรรหาร เชื่อว่าแม้จะยุบพรรคพลังปาะชาชนก็จะไปตั้งพรรคใหม่ เห็นบอก ว่าชื่อพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคชาติไทยมี ส.ส.ติดต่อข้อเข้าพรรคหรือไม่นั้นยังไม่มี เพราะยังไกล ยังอีกนาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยได้เตรียมพรรคใหม่เหมือนพรรคพลังประชาชนไว้แล้วหรือยัง นายบรรหาร กล่าวว่า ยัง แต่ถือเป็นวิถีทางที่ถูกต้อง พรรคชาติไทย คงต้องเริ่มคิดว่าต้องทำอย่างไร หากมีการยุบพรรคในรัฐธรรมนูญให้ย้ายพรรคได้ ก็คงต้องหาที่กัน แต่ตอนนี้เรายังไม่เริ่มคิด แต่อะไรที่ดีกว่าก็คงจะเอาอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรหากมีการยุบพรรคการเมืองหมด เพราะขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังถูกพิจารณาอาจถูกยุบเช่นกัน นายบรรหาร กล่าวว่า ตนคงไม่ให้ความเห็นครั้งที่แล้วพูดไปก็มีคนมาต่อว่า แต่วันนี้ขอพูดความรู้สึกของหัวใจว่า กรณีที่พรรคชาติไทยเจอ เพียงไม่กี่วัน กกต.ก็ให้ใบแดงแล้ว กรรมการสอบสวน ชุดแรกส่งผลมาทีหลังกรรมการสอบสวนชุดที่สอง แต่ กกต.ก็ถือตามผลของกรรมการ ชุดที่สองมีมติยุบทันที ไม่กี่วันเป็นสิ่งที่เราอึดอัดอยู่ในใจ แต่บางเรื่อง บางกรณี บางพรรค 2-3 เดือนยังไม่โผล่เลย ตรงนี้สองมาตรฐานหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่ไม่อุทธรณ์จะจำไว้เท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคชาติไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ดินกลบหน้าแล้วถึงจะลืมเรื่องนี้ลงได้ อย่างมากตนก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่เล่น กลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนได้รับใช้ประชาชนอีกทางหนึ่ง แต่ตรงนี้ไม่ใช่เลิกจากหัวหน้าพรรคชาติไทย อาจจะไปเป็นหัวหน้าพรรคอื่นก็ได้ แต่จะเป็นพรรคไหนยังตอบไม่ได้
ส่วนอยากจะฝากอะไรถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเพื่อประคับประคองรัฐนาวา ให้อยู่ต่อไปได้ นายบรรหาร กล่าวว่า มันบอกอยาก บอกไปแล้วบางฝ่ายเขาจะรับได้หรือไม่ และมันนอกเหนือจากอำนาจที่เราจะไปบอกได้ ฉะนั้น ตนไม่ฝาก ขอฝากเพียงว่าใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้คิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้กำลังใจนายกฯ ในฐานะอดีตเคยทำงานมาด้วยกันตอนนี้ก็เฝ้ามองดูอยู่เห็นท่านถูกด่าอยู่ทุกวัน ก็เป็นใจท่านก็บ่นไปเรื่อยๆ แต่เชื่อว่า ท่านคงคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกด่าทุกวัน
นายบรรหาร กล่าวกับลูกพรรคและผู้ที่มาร่วมอวยพรวันเกิดว่า วันนี้อายุ 76 แล้ว แต่ภารกิจยังไม่จบ พรรคชาติไทยเป็นสถาบันพรรคการเมืองรองจากพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเป็นพรรคเฉพาะกิจ ป่านนี้ ถูกยุบไปรวมกับพรรคอื่นแล้วตั้งแต่ 5-6 ปีแล้ว การเมืองที่ผ่านมา พรรคชาติไทยได้รับเกียรติจากพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและครอบครัวทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น
ส่วนการเมืองขณะนี้หากจะบอกว่าวิกฤตก็วิกฤตไม่วิกฤตก็ไม่วิกฤต แต่เราก็ไม่รู้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ขอให้ทุกคนมีจิตใจมั่นคง อะไรไม่ดีก็อย่าไปโอนอ่อน ผ่อนตาม อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้ แต่จะทำอะไรขอให้อยู่ในกรอบ ตนเป็นหัวหน้าพรรคมานานการอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่เพราะดีใจ แต่อยู่เพราะความอดทน พยายามหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคแต่ก็ไม่มีใครเป็น ตนต้องอยู่เพื่อให้พรรคชาติอยู่ให้ได้ แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งหวังว่าจะได้รับความเมตตาปราณีจากศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ผ่านมาก็มีบางเรื่องที่ติดใจ อย่างเช่นการพิจารณา ให้ใบแดงพรรคชาติไทยเพียง 7 วัน ทั้งที่มีบางเรื่องที่ค้างการพิจารณากลับไม่ดำเนินการ เราก็ยังข้องใจแต่ไม่อยากพูด แต่จะจำอยู่ในใจ ตนจะอยู่สู้ต่อไป แม้ไม่มีอะไรจะสู้ ทรัพย์สินตอนนี้ก็ไม่มีเพราะแบ่งให้ลูกไปหมดแล้ว ตอนนี้เกียรติยศ เงินทอง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สุขภาพร่างกายสำคัญกว่า จะต้องอยู่ถึงอายุ 96 ปี และต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย ไม่ใช่อยู่แบบอ้าปากพะงาบๆ
จากนั้นนายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า มองตอนนี้ มองไม่ออก มองอยาก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ เพราะรูปแบบทางการเมืองในขณะนี้มันไม่เคยมีมันจะเนื่องจากอะไรก็แล้วแต่ บางคนก็โทษรัฐธรรมนูญ บางคนก็โทษความไม่ปรองดองกัน จึงมีความแตกแยกเกิดขึ้นบางคนก็มองว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งไม่สามารถ ตกลงกันได้ปัญหาจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เขาก็เดินตามครรลองนี้ ยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ ได้เสียงข้างมาก เขาก็มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะเป็นอย่าไร รัฐบาลอยู่ได้ไม่ได้ ก็อยู่ที่เสียงในสภา ถ้าเสียงไม่พอรัฐบาลก็ต้องลาออกเลือกตั้งกันใหม่ ฉะนั้น ตรงนี้เราต้องช่วยกันประคับประคองให้อยู่ได้ตลอดไป
ส่วนเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นตอบไม่ได้แต่ถ้าเราอดทนและพูดภาษาดอกไม้ ซึ่งกันและกัน มันก็คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเรามีเรื่องมากเท่าไหร่เศรษฐกิจของประเทศก็ยิ่งแย่ การลงทุนก็แย่ ภาพพจน์ในต่างประเทศก็ไม่มี การท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง ตนอยากยกตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่น การเมืองไม่แพ้กับเราแต่เวลาเขามีอะไรรัฐบาล ก็ลาออก บางทีก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เขาเลือกตั้งมากกว่าเราบางปีเลือกถึง 2 ครั้งก็มี
นายบรรหาร เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ถึงปลายปี เพราะตอนนี้ต้องรอให้งบประมาณผ่านสภา ซึ่งประมาณต้นเดือนตุลาคม และจะมีการโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งใน เดือนตุลาคมขึ้นไปรัฐบาลจะบริหารงบประมาณในไตรมาศแรก ดังนั้นคิดว่าน่าจะอยู่ได้
ส่วนที่พรรคพลังประชาชนมีปัญหาภายในกันเองนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่อยากวิจารณ์เพื่อนกันทั้งนั้น พรรคพลังประชาชนในขณะนี้ที่มาที่ไปไม่เหมือน ในอดีตที่ผ่านมาที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรคุมไว้อยู่มีเอกภาพ แต่ตอนนี้มีนายสมัคร สุนทรเวช ท่านก็มาจากที่อื่นและมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านไม่มีแม้แต่เสียงเดียว ในสภา ท่านมาตัวคนเดียว ฉะนั้นรูปแบบก็แตกต่างกัน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ถ้าหากแต่ละกลุ่มในพรรคพลังประชาชนเข้าใจกันได้ คิดว่าท้ายที่สุด แต่กลุ่มก็มาปรองดองกันได้ คงไม่แตกแยก
สำหรับข้อเสนอให้มีการยุบสภาก่อนที่จะยุบพรรคพลังประชาชนนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า จะยุบหรือไม่ขึ้นอยู่กับกติกาและระยะเวลาที่จะพิจารณา เพราะถ้า กกต. เสนอให้ยุบพรรคพลังประชาชนไปยังอัยการสูงสุดก่อนที่จะส่งให้ศาลรัฐธรมนูญ แบบเดียวกับพรรคชาติไทยกับพรรคมัชฌิมาธิปไตย ตนคิดว่าคงไม่น่าจะยุบสภา เพาะจะยุบอย่างไรก็แล้วแต่ก็ไม่ทำให้คดีความมันหยุด
นายบรรหาร เชื่อว่าแม้จะยุบพรรคพลังปาะชาชนก็จะไปตั้งพรรคใหม่ เห็นบอก ว่าชื่อพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคชาติไทยมี ส.ส.ติดต่อข้อเข้าพรรคหรือไม่นั้นยังไม่มี เพราะยังไกล ยังอีกนาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยได้เตรียมพรรคใหม่เหมือนพรรคพลังประชาชนไว้แล้วหรือยัง นายบรรหาร กล่าวว่า ยัง แต่ถือเป็นวิถีทางที่ถูกต้อง พรรคชาติไทย คงต้องเริ่มคิดว่าต้องทำอย่างไร หากมีการยุบพรรคในรัฐธรรมนูญให้ย้ายพรรคได้ ก็คงต้องหาที่กัน แต่ตอนนี้เรายังไม่เริ่มคิด แต่อะไรที่ดีกว่าก็คงจะเอาอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรหากมีการยุบพรรคการเมืองหมด เพราะขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังถูกพิจารณาอาจถูกยุบเช่นกัน นายบรรหาร กล่าวว่า ตนคงไม่ให้ความเห็นครั้งที่แล้วพูดไปก็มีคนมาต่อว่า แต่วันนี้ขอพูดความรู้สึกของหัวใจว่า กรณีที่พรรคชาติไทยเจอ เพียงไม่กี่วัน กกต.ก็ให้ใบแดงแล้ว กรรมการสอบสวน ชุดแรกส่งผลมาทีหลังกรรมการสอบสวนชุดที่สอง แต่ กกต.ก็ถือตามผลของกรรมการ ชุดที่สองมีมติยุบทันที ไม่กี่วันเป็นสิ่งที่เราอึดอัดอยู่ในใจ แต่บางเรื่อง บางกรณี บางพรรค 2-3 เดือนยังไม่โผล่เลย ตรงนี้สองมาตรฐานหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่ไม่อุทธรณ์จะจำไว้เท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคชาติไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ดินกลบหน้าแล้วถึงจะลืมเรื่องนี้ลงได้ อย่างมากตนก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่เล่น กลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนได้รับใช้ประชาชนอีกทางหนึ่ง แต่ตรงนี้ไม่ใช่เลิกจากหัวหน้าพรรคชาติไทย อาจจะไปเป็นหัวหน้าพรรคอื่นก็ได้ แต่จะเป็นพรรคไหนยังตอบไม่ได้
ส่วนอยากจะฝากอะไรถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเพื่อประคับประคองรัฐนาวา ให้อยู่ต่อไปได้ นายบรรหาร กล่าวว่า มันบอกอยาก บอกไปแล้วบางฝ่ายเขาจะรับได้หรือไม่ และมันนอกเหนือจากอำนาจที่เราจะไปบอกได้ ฉะนั้น ตนไม่ฝาก ขอฝากเพียงว่าใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้คิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้กำลังใจนายกฯ ในฐานะอดีตเคยทำงานมาด้วยกันตอนนี้ก็เฝ้ามองดูอยู่เห็นท่านถูกด่าอยู่ทุกวัน ก็เป็นใจท่านก็บ่นไปเรื่อยๆ แต่เชื่อว่า ท่านคงคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกด่าทุกวัน