แกนนำพันธมิตรฯ สับ รบ.หุ่นเชิดขายชาติ จับมือ “เนวิน” โกงกินงบประมาณแผ่นดินหลายแสนล้าน ริเริ่มเมกะโปรเจกต์รวมวงเงิน 14 แสนล้านบาท ลั่นเดินหน้าคัดค้านสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ชี้ไม่มีความจำเป็นในยุคข้าวยากหมากแพง เชื่อใกล้ถึงจุดจบเร็วๆ นี้แน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เหล่าแกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าว
วันนี้ (17 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.40 น.ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมแกนนำ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกสัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ได้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง พร้อมได้แถลงข่าว
โดย นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นั้นมีข้อแตกต่างกันตรงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครือข่ายธุรกิจ ด้านสื่อสารคมนาคม และอสังหาริมทรัพย์ รองรับ ในการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเอง ขณะที่นายสมัครจับมือกับนายเนวิน โดยไม่มีเครือยข่าย แต่สมคบโกงงบประมาณแผ่นดินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ทั้งโครงการท่อส่งน้ำจากประเทศลาว การสร้างถนนหลวง รวมถึงการเพิ่มงบประมาณโครงการโทรศัพท์ 3จี อีก 1.4 หมื่นล้าน เรียกว่ารัฐบาลชุดนี้ปล้นซึ่งหน้า
ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่า ผบ.ทบ.ไม่แสดงจุดยืนปกป้องลูกน้อง การรัฐสภาใหม่ที่เกียรติกายน่าจะถูกคัดค้าน เพราะมีการยุบ 2 โรงเรียน ซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวประชาชนและครอบครัวทหาร เพื่อตอบสนองนักการเมืองคอร์รัปชัน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การยุบสภาไม่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ โดยมีบทเรียนจากเหตุการณ์ 19 ก.ย.เกิดรัฐประหารซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ขณะที่ ผบ.สส.ก็บอกว่า ยังมีบางกลุ่มคิดที่จะทำรัฐประหารอยู่ แต่เราไม่สนับสนุนรัฐประหาร โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน และไม่สามารถจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการจาบจ้วงสถาบันสูงสุดได้ ขณะที่วันนี้นายสมัครได้พูดในรายการสนทนาประสาสมัคร จะเห็นได้ว่าเป็นคำพูดเผด็จการ ยังหน้าด้านนี่อยู่ คือ ธาตุแท้ของนายสมัคร เกรดเทียบชั้นประถม ตั้งแก๊งหาประโยชน์โกงกินอย่างหน้าด้านที่สุด
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจในการทุจริคอร์รัปชันโดยมีเครือข่ายของตัวเองรองรับ แต่รัฐบาลนายสมัครพยายามสร้างขั้วอำนาจ ทุจริตหากินโครงการใหญ่ๆ โดยไม่สนใจที่จะคิดแก้ไขปัญหาประเทศชาติ
ขณะที่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติโกงกินโครงการเมกะโปรเจกต์ ขณะนี้ตนสามารถรวบรวมคิดเป็นงบประมาณได้ประมาณ 14 แสนล้าน โดยเฉพาะโครงการผันน้ำขนาดใหญ่ที่อีสานงบประมาณ 7 แสนล้าน ทางหลวงก่อสร้างถนนอีก 170,000 ล้าน โครงการรถไฟฟ้าอีกเป็นหมื่นล้าน ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยสนใจปัญหาปากท้องประชาชนเลย ละเลยปัญหาภาคใต้อย่างไม่ใยดีปล่อยให้เป็นกลไกของเจ้าหน้าที่ตามลำพัง ปล่อยให้ประชาชนอยู่อย่างไร้อนาคต
นายสมัคร ดีแต่ไปจ่ายตลาด ทำอาหาร นั่งส้วม เป็นการสะท้องให้เห็นว่า รัฐบาลมีปัญหา จ้องแต่จะโกงกิน การสร้างรัฐสภาใหม่ รัฐบาลเห็นว่ามีงบประมาณถูก ตัดออกมากว่าหมื่นล้าน ก็สบโอกาสไม่ปรึกษาอะไรเลย กรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณเห็นว่าควรวสร้างที่อื่น แต่นายสมัครหักดิบจะเอาตรงนี้ให้ได้ บ้านเมือง มีปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่สน สั่งย้ายโรงเรียน ย้ายกรมทหาร โดยให้งบก้อนงามชดเชยให้ทหารเป็นการปูนรางวัลถึง 2 ครั้ง ทั้งซื้ออาวุธของยูเครน และการทุจริตที่ดิน
“อย่างนี้เรียกว่าฟาสต์ฟูดแดกด่วนงบประมาณก่อนอายุรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติจะสิ้นอายุ พันธมิตรฯ เห็นใจนักเรียนที่ออกมาเรียกร้องให้เราช่วย เราจึงมีมติไปให้กำลังใจลูกหลาน และยังเห็นใจกลุ่มแม่บ้านทหารบก ที่ถูกออกคำสั่งให้อยู่เงียบๆ ไม่เช่นนั้นจะกระทบสามี เราต้องช่วยกันหวงแหนผลประโยชน์ชาติ นายสมัครยังกล่าวถึงพันธมิตรว่ามีหยิบมือเดียว คนส่วนใหญ่ยังเข้าข้างรัฐบาล เมื่อเดือน มี.ค.ปี 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดแบบเดียวกันแล้วเกณฑ์คนมา แสนกว่าคน ที่สนามหลวง สุดท้ายเกิดอาการไฟธาตุแตก นี่อาการเดียวกันสมัครเลย 2 วันก่อน ก็ไปพูดว่ารายการชิมไปบ่นไปจะเอากันให้ตาย เกิดอาการไฟธาตุแตก ใกล้ถึงจุดจบรัฐบาลทรทราชหุ่นเชิดขายชาติแล้ว จึงออกอาการ”
พล.ต.จำลอง กล่าาว่า ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ ได้ไปพบตนเมื่อวานซืน ซึ่งพันธมิตรเห็นว่าน่าจะสนับสนุนการคัดค้านการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่ไม่ควรจะสร้าง ตอนข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ด้วยงบประมาณจำนวนหลายพันหลายหมื่นล้าน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ไม่มีเหตุผล แต่รัฐบาลนี้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นจะทำซะอย่าง ทั้งนี้วันศุกร์นี้ พันธมิตรฯจะเดินไปให้กำลังใจกับนักเรียนโยธินบูรณะ เพื่อสนับสนุนให้คัดค้านต่อไป โดยเราจะเป็นกำลังหนุน ส่วนที่มีกระแสข่าวการยุบสภานั้นตนไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน เพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบกว่า 2,500 ล้าน และการเมืองแบบเก่าก็จะกลับมาอีก ขณะนี้เรากำลังร่างการเมืองใหม่อยู่ เป็นการแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เพราะบ้านเมืองแบบเก่าเราเห็นว่าไปไม่ได้แล้ว
นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ พันธมิตรฯนัดหมายกัน 10 โมงเช้า บริเวณสี่แยกราชประสงค์ หน้าห้างเซนทรัลเวลิด์ และจะเดินขบวนไปหน้าสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยจะมีการแปลคำพิพากษาเป็นภาษาต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงและความจำเป็นต้องส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย พร้อมทั้งอธิบายข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เราต้องทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลไม่ปกป้องกระบวนการยุติธรรม แต่กลับไปสนันบสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นอาชญากรแผ่นดินรัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่บริหารประเทศต่อไป
คำต่อคำ แกนนำพันธมิตรฯ ตอบคำถาม
สนธิ - เพื่อความรวดเร็วใครอยากจะถามคำถามอะไร ถามได้เลยนะฮะ
ถาม - แสดงว่าทางพันธมิตรฯ มีข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนขั้วอำนาจหรือ หมายถึงในข้อสุดท้าย
สมศักดิ์ - ในเรื่องแบบนี้ จากเหตุการณ์ที่เคยผ่านมา เมื่อวันที่ 19 ก็เป็นบทเรียนว่ามีการยึดอำนาจแล้วไม่ได้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ แล้วเป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจ ซึ่งเราเห็นว่าเมื่อเหตุการณ์วันที่ 19 กันยาฯ ที่ผ่านมานั้น ควรจะเป็นบทเรียน ดังนั้นเรา ถ้ามีการกระทำอย่างนั้น เราถือว่าเป็นการทำรัฐประหารที่ไม่เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เราก็ต่อต้าน ซึ่งข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยจำได้ไหมว่า ผบ.สูงสุด ก็มีการพูดออกมาว่า ยังมีบางกลุ่มที่จะพยายามที่จะทำรัฐประหารในลักษณะแบบนั้น ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท และแสดงจุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราจึงแถลงการณ์ ประกาศอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผยให้ทราบว่า เราไม่สนับสนุนการรัฐประหารแบบแย่งอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และไม่คำนึงถึงการจัดการกับพวกทุจริต ขายชาติ จาบจ้วงสถาบัน หรือขายอำนาจอธิปไตยมาลงโทษ ตามกฎหมายของบ้านเมือง
พิภพ - การเปลี่ยนขั้วอำนาจไม่ได้หมายถึงการทำรัฐประหารเท่านั้น แต่การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองตอนนี้กำลังเกิดขึ้น ลักษณะของขั้วอำนาจเก่าก็คือคุณทักษิณ เป็นลักษณะของการใช้อำนาจและการทุจริตคอร์รัปชั่นในแบบที่มีบริษัทและกิจการของตัว และเครือข่ายในทางธุรกิจ ในคณะรัฐบาลพรรคไทยรักไทยในอดีตรองรับ เพราะฉะนั้นการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการใช้อำนาจ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีอีกลักษณะหนึ่ง เมื่อคุณทักษิณมีอันต้องเป็นไปในเรื่องคดีความ ก็เกิดช่องว่างลักษณะการเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ตอนนี้รัฐบาลสมัคร กับคุณเนวิน ชิดชอบ กำลังร่วมมือกันที่จะสร้างขั้วอำนาจ ในการที่จะทุจริตคอร์รัปชั่น และหากินกับโครงการใหญ่ๆ โดยไม่มีองค์กรทางธุรกิจรองรับ ก็ใช้วิธีการใช้เมกะโปรเจกต์ หรือโครงการใหญ่ๆ เปิดขึ้นมา เพื่อจะอาศัยการประมูลงานหรือการดำเนินงานโปรเจกต์ใหญ่ๆ นั้นได้สินบาทคาดสินบน ในรูปแบบที่ไม่เหมือนกับรูปแบบของคุณทักษิณ
สนธิ - ผมขอเสริมคุณพิภพ นิดหนึ่งนะครับ ข้อแตกต่างระหว่างสมัยคุณทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี กับคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ต่างกันตรงที่ว่าสมัยคุณทักษิณนั้น คุณทักษิณมีเครือข่ายทางธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทางด้านโทรคมนาคม ธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครือข่ายรองรับในการแก้กฎหมาย สร้างนโยบายเพื่อเอื้อให้เครือข่ายตัวเองนั้นได้ผลประโยชน์ แต่มาถึงยุครัฐบาลที่กำลังจะเปลี่ยนขั้วอำนาจ ซึ่งมีคุณสมัคร จับมือกับคุณเนวิน แล้วก็จับมือกับหลายๆ คนตามที่เราทราบข่าวนั้น คนพวกนี้ไม่มีเครือข่ายทางธุรกิจรองรับ แต่ความต้องการที่จะได้รับผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน ก็เลยมีการคิดค้นโครงการก่อสร้างมากมาย แต่ละอย่างไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้าน เป็นแสนล้านก็มี ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ 6 พันคัน การขุดท่อส่งน้ำจากลาวส่งข้ามแม่น้ำโขงมาจำนวนแสนกว่าล้าน การสร้างถนนอีก 170,000 ล้านบาท แต่ละโครงการนั้นล้วนแล้วแต่เป็นหมื่นๆ ล้าน แสนๆ ล้าน หรือยกตัวอย่าง การที่จู่ๆ มีการตั้งงบประมาณการทำโทรศัพท์มือถือรุ่นระบบ 3G ซึ่งสมัยรัฐมนตรีสิทธิชัย โภไคยอุดม ตั้งไว้แค่ 15,000 ล้าน ครอบคลุมหมด ปรากฏว่ามาถึงรัฐบาลชุดนี้กลับตั้งงบประมาณเพิ่มในเครือข่ายอันเดียวกัน เป็น 29,000 ล้าน เพิ่มขึ้นมาอีก 14,000 ล้าน ลักษณะแบบนี้เป็นลักษณะแบบไอ้เสืออาวา ปล้นกลางแดด เพราะว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนระบอบทักษิณเก่าที่ใส่สูท แล้วก็หลอกพวกเรา แล้วก็มาล้วงกระเป๋าเราไป แต่ว่าพวกนี้เขาเรียกว่าปล้นซึ่งหน้า เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ชัด รวมไปจนถึงโครงการรัฐสภา ซึ่งผมคิดว่า อ.สมเกียรติ คงจะเล่ารายละเอียดให้ฟังได้อย่างชัด ว่าการที่ทำไมจะทำที่ที่ทหาร ก็เพื่อที่จะให้ทหารนั้นอนุมัติ เพราะตัวเองเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เสนอนายกฯ ได้ทันที แล้วนี่ก็คือเป็นประเด็นที่ผมคิดว่า ผบ.ทบ.เองไม่ได้แสดงจุดยืนหรือวุฒิภาวะของความเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่จะต้องดูแลลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจัง จริงๆ แล้วการที่จะไปตั้งรัฐสภาที่เกียกกายนั้น น่าที่จะถูกคัดค้านโดยผู้บัญชาการทหารบก โดยเสนอว่าน่าจะไปทำที่อื่น เพราะว่าการที่จะยุบโรงเรียนถึง 2 โรงเรียน โรงเรียนช่างกล ขส.ทบ. ตลอดจนโรงเรียนโยธินบูรณะ นั้นเป็นผลกระทบต่อครอบครัวของประชาชน ครอบครัวของทหาร เป็นพันๆ ครอบครัว เพียงเพื่อตอบสนองให้กับนักการเมืองได้มีงบประมาณมาที่จะทำการคอร์รัปชั่นได้ เชิญ อ.สมเกียรติ ครับ
สมเกียรติ - ผมอยากจะเรียนข้อมูลที่ได้รับมอบหมายให้รวบรวมโครงการโกงกินขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าเมกะโปรเจกต์ รัฐบาลชุดนี้เท่าที่ผมรวบรวมได้ ขณะนี้มีโครงการเมกะโปรเจกต์ที่แถลงผ่านสื่อมวลชนและไม่แถลง ประมาณ 14 แสนล้าน โดยเฉพาะโครงการผันน้ำขนาดใหญ่ ที่อีสานกำลังท่วมนี่วางไว้ถึง 7 แสนล้าน ทางหลวงพิเศษอีก 1.7 แสนล้านบาท เป็นอย่างน้อย และก็โครงการรถไฟฟ้าอะไรต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าในช่วงเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้สนใจปัญหาปากท้องของประชาชนเลย กลับไปเพิ่มมูลค่าทางการตลาด และกำไรให้แก่ ปตท. ซึ่งเป็นองค์กรขูดรีดของประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างถ้วนทั่ว และในขณะเดียวกันก็ละเลยปัญหาภาคใต้ ไม่ใยดีเลย ไม่ใยดีเลย ปล่อยให้เป็นกลไกของเจ้าหน้าที่ตามลำพัง และประชาชนอยู่อย่างไร้อนาคต และมีชะตากรรมอันมืดมน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร นอกจากการเดินจ่ายตลาด นั่งในส้วม แล้วก็ทำรายการอาหาร ส่วนใหญ่วิถีชีวิตเขาจะหมกมุ่นอยู่อย่างนั้นแล้วก็ไปดูตัวเงินตัวทองกัน พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการเอาพวกนี้มากลบ โดยเฉพาะการสร้างรัฐสภาที่คุณสนธิให้ผมพูดถึง เพราะว่าผมเป็นคนเปิดประเด็นคนแรกที่เวทีที่มัฆวานฯ ก็เนื่องจากว่า โครงการนี้ เล็งเห็นว่ามีงบประมาณที่คณะกรรมาธิการตัดออกมาเป็นจำนวนนับหมื่นล้าน ก็เลยร่วมคิดกันระหว่างนายกรัฐมนตรี กับประธานรัฐสภา 2 ท่าน โดยไม่ได้มีการปรึกษาอะไรเลย ทั้งๆ ที่คณะกรรมาธิการเรื่องติดตามการใช้งบประมาณเล็งเห็นว่าควรจะสร้างที่อื่น เช่น นนทบุรี ปทุมธานี หรือที่อื่นที่เขาเสนอมา 2 คนนี้กลับหักดิบเอาเลย บอกว่าสร้างตรงนี้แหล่ะ สร้างตรงนี้ แล้วการสร้างก็ไม่มีแบบแปลนแผนผังอะไรเลย ท่ามกลางสภาพปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า และ GDP ที่ไม่มีวันกระเตื้องขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ที่เราเรียกรวมๆ ว่าข้าวยากหมากแพง ขณะนี้แบบก็ยังไม่มี คิดได้อย่างเดียวก็คือว่า เอา สร้างตรงนี้แหล่ะ สร้างตรงนี้แล้วก็สั่งให้ย้ายโรงเรียน ย้ายกลุ่มแม่บ้านของทหารไป ทหารบกไป แล้วในขณะเดียวกัน ก็เป็นงบประมาณก้อนงามที่จะชดเชยให้ทหาร ทำให้ทหารได้รับการปูนรางวัลถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกนี่ซื้ออาวุธ โดยเฉพาะซื้ออาวุธจากเหล่าทัพ แล้วลือลั่นที่สุดก็คือที่ยูเครน แล้วครั้งที่ 2 ก็เป็นเรื่องการชดเชยที่ดิน ทั้งๆ ที่คณะกรรมาธิการที่ คนที่เป็นประธานก็คือประธานชมรมคนรักทักษิณ เป็น ส.ส.ที่ร้อยเอ็ดท่านหนึ่ง ไปดูสถานที่ที่สร้างสภาอีกที่หนึ่ง แต่ 2 คนนี้กลับเอาอีกที่หนึ่งเนี่ย ก็แสดงว่าเป็นวาระที่เป็นฟาสต์ฟู้ด หรือแดกด่วนทางงบประมาณ เป็นภาวะฟาสต์ฟู้ดทางงบประมาณว่า ก่อนที่อายุขัยของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้เราเห็นใจลูกหลานของเรานะ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของนักเรียนที่มาพบเราหลังเวที 2 ครั้ง ก็ได้เรียกร้องให้ 5 แกนนำพันธมิตรฯ โดยเฉพาะลุงจำลองของเด็กๆ บอกว่าไปช่วยดูแลลูกหลานด้วย ในวันนี้เราก็เลยมีมติว่า จะไปให้กำลังใจลูกหลานของเรา ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าระดับโรงเรียนมัธยมมีจิตสำนึกแบบนี้ ระดับโรงเรียนมัธยมนะ ม.ต้น ม.ปลาย มีจิตสำนึกแบบนี้ แล้วมากันเอง ครูเขาไม่กล้ามานะ มาพบประธานรัฐสภา ก็ร้องไห้ร้องห่มกัน ในขณะที่กลุ่มแม่บ้านทหารบกบอกว่าให้อยู่เงียบๆ ไม่งั้นจะกระทบสามีของคุณที่รับราชการทหารอยู่ เราจึงเล็งเห็นว่า การไปให้กำลังใจลูกหลานเยาวชนของเรานี่คือการแตกหน่ออ่อนของระบอบประชาธิปไตยที่หวงแหนผลประโยชน์ของชาติ ผมก็เลยเรียกร้องทางลุงจำลองของเด็กๆ ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมของ 5 แกนนำ ในที่สุดก็เกิดความเห็นพ้องต้องกัน ครับ ลุงพูดหน่อยนะ
จำลอง - บอกกับพวกเราไปแล้วนะครับว่า การทำงานของพันธมิตรฯ นั้น ดำรงความมุ่งหมายเดิม แล้วก็ทำตามสถานการณ์ คือมีอะไรเกิดขึ้นเราก็ประชุมกัน ผู้แทนของนักเรียนได้ไปพบผมในที่ชุมนุมด้วยนะ นอกจากจะไปพบที่หลังเวทีแล้ว ไปพบเมื่อวานซืนนี้ แล้วแกก็ไปชี้แจงว่าแกกำลังเดือดร้อน รวมถึงครอบครัวทหารบกที่อยู่บริเวณเกียกกายนั้น โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมมีความเห็นว่า เราน่าจะสนับสนุนการคัดค้านของนักเรียน ครู และแม่บ้านทหารบกอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากว่าเราทำงานตามระบอบประชาธิปไตย เราก็ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมในวันนี้ พวกเราคงทราบว่าการประชุมรัฐสภา แรกเริ่มเดิมทีก็คงใช้พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งเราไม่ทัน ผมเองก็ไม่ทัน ผมเข้าไปเป็นสมาชิกจากการแต่งตั้ง คือสมาชิกวุฒิสภา เมื่อ 29 ปีที่แล้ว ซึ่งมีการสร้างอาคารหลังใหม่แล้ว ผมก็เห็นว่ามันกว้างขวางดี ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ต่อมาก็มีการสร้างอาคาร 2 อีก แล้วก็มีการสร้างที่ทำงาน ซึ่งเป็นตึก 3-4 ชั้น อยู่ข้างหลังอีก มันก็พร้อมพรั่งอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการสร้างสภาในตอนที่เรากำลังข้าวยากหมากแพงอย่างนี้ เออ ถ้าบ้านเมืองเรา เศรษฐกิจอุดมสมบูรณ์ ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว มาทำสภาให้มันใหญ่ขึ้น สวยงามขึ้น มันก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ว่าในตอนที่ข้าวยากหมากแพง คนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศกำลังยากจนข้นแค้น แล้วควักเอาเงินเป็นจำนวนพันๆ ล้าน หลายพันล้าน หรือเป็นหมื่นล้านก็ว่าได้
สนธิ - 3 หมื่นกว่าล้าน
จำลอง - 3 หมื่นกว่าล้าน มันเหมาะสมที่ไหนครับ เออ ถ้าเป็นเงินของพวกคุณก็ไปอย่าง นักการเมืองคุณเฉลี่ยกันมาแล้วคุณมาสร้างอะไรก็ได้ คุณก็ทำของคุณไป แต่นี่มันไม่ได้นะ ความจำเป็นมันไม่มีที่จะต้องมาสร้างใหม่ในตอนนี้ เอาไว้ตอนที่เราอยู่ดีมีสุขก่อนได้มั้ย เศรษฐกิจฟูฟ่องถึงขนาดว่าไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้ว มาสร้างสภาใหม่ มันก็ยังใช้ได้ แต่นี่มันไม่มีเหตุผลเลย นอกเสียจากว่า อยากจะทำเสียอย่างใครจะว่ายังไง ด้วยรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ใครจะคัดค้านอะไรก็ไม่ฟัง จะทำเสียอย่าง ก็สามารถทำได้ เนื่องจากว่ามีเสียงข้างมากในสภา ซึ่งเราเห็นว่าเราต้องคัดค้าน เพราะฉะนั้นในวันศุกร์นี้เราจะเดินขบวน เราจะจัดดาวกระจายไปให้กำลังใจกับโรงเรียนโยธินบูรณะ เพื่อให้เขาคัดค้านต่อ แล้วเราจะเป็นกำลังที่คอยหนุนอยู่ เพราะเราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
สมเกียรติ - ผมจะให้คุณสุริยะใสพูดถึงเวลาและเนื้อหาที่จะไปสถานทูตอังกฤษ ซึ่งเป็นหัวข้อใหญ่ใจความ ว่าเราจะไปมีแถลงการณ์อะไรยังไง เป็นสาระหลักที่พี่น้องประชาชนเรียกร้องมานาน เชิญผู้ประสานงานครับ
สุริยะใส - นัดหมายกัน 10 โมงเช้านะครับ ที่สี่แยกราชประสงค์ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และก็ตั้งขบวนเดินไปที่สถานทูตอังกฤษ จุดมุ่งหมายสำคัญก็เพื่อที่จะแปลคำพิพากษาเป็นภาษาต่างประเทศให้กับทางผู้แทนสถานทูตอังกฤษ และก็ชี้แจงถึงความจำเป็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของประเทศ แล้วก็อธิบายให้เห็นถึงข้อเท็จจริงถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่าไม่ได้มีเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องลี้ภัย หรืออ้างความไม่ปลอดภัยใดๆ เพราะว่าเป็นสถานการณ์ปกติ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีกระบวนการยุติธรรมที่กำลังทำงานอย่างจริงจัง เข้มข้น เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง และคุณทักษิณ ก็เป็นบุคคลธรรมดาในขณะนี้ ไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองที่จะต้องใช้อภิสิทธิ์ หรือใช้สิทธิพิเศษทางการทูตใดๆ อันนี้เราก็ถือว่าเราต้องทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ เพราะว่ารัฐบาลละเลย และยังไปสนับสนุนเห็นดีเห็นงามกับการโจมตีกระบวนการยุติธรรมของคุณทักษิณ อีก นี่เป็นการทำหน้าที่ในภาวะที่รัฐบาลไม่ได้ปกป้องกระบวนการยุติธรรม แต่กลับเห็นดีเห็นงามกับผู้ร้ายที่หนีอาญาแผ่นดิน อันนี้เป็นจุดยืนของพันธมิตรฯ นะครับ
ถาม - ทางพันธมิตรฯ มีการคิดไว้ล่วงหน้ามั้ยเกี่ยวกับสถานการณ์หากมีการยุบสภา ถึงแม้ว่าล่าสุดนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภา
จำลอง - เรื่องนี้เราได้บอกมานานแล้วว่า สำหรับเรื่องการยุบสภานั้น ถ้าเขาจะมีการยุบจริงๆ เราจะประชุมกันอีกทีว่าเราจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้ปัญหาอย่างอื่นมันยังมีมากมายอยู่ เราก็ทำไปตามขั้นตอนก็แล้วกัน โดยที่เราก็ไม่ได้สนับสนุนให้มีการยุบสภานะ อย่างที่บอกไปแล้ว พอยุบสภามันก็เหมือนเก่าอีก มันเป็นการเมืองแบบเก่า ไม่ใช่การเมืองแบบใหม่ เพียงแต่เปลี่ยนตัวเท่านั้นเอง
สุริยะใส - เรื่องการยุบสภาเพิ่มเติม คือสถานการณ์ในขณะนี้ปัญหามันอยู่ที่ความไม่เอาไหนของรัฐบาล การยุบสภาก็เท่ากับว่าไปโยนบาปให้สภาต้องรับผิดชอบ มันจะซ้ำรอยคล้ายๆ กับการยุบสภาของคุณทักษิณ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองตามมา ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง
จำลอง - และข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือเสียตังค์นะ ไม่ใช่ไม่เสียตังค์ ครั้งละ 2,500 ล้าน ประมาณนั้น บ้านเมืองตังค์ก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว หาเรื่องใช้ตังค์อยู่เรื่อย
ถาม - ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ เมื่อไรจะได้ข้อสรุป
จำลอง - เรากำลังทำข้อสรุปออกมา แล้วการเมืองใหม่นี้ที่จริงเข้าใจไม่ยากเลย มันเป็นการแก้ไขปัญหาการเมืองเก่าที่เราเห็นอยู่กับตาแล้วว่ามันมีปัญหาใหญ่จริงๆ ถ้าไม่สามารถแก้ตอนนี้ได้ แล้วบ้านเมืองมันไปไม่ได้นะ เสียหายนะ ใครๆ ก็คิดออกนะครับว่าการเมืองเก่าเป็นอะไร การเมืองเก่าก็คือการเมืองที่ระดมการซื้อเสียงเข้ามาอย่างมโหฬาร แล้วก็มายึดสภา แล้วก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แล้วก็มาทำอะไรก็ได้อย่างที่ตัวเองต้องการจะทำ อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้เห็นมั้ยครับ ที่เป็นอยู่ในขณะนี้อยากถามประชาชนว่าคุณต้องการหรือเปล่า จะให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน ก็บ้านเมืองก็พังแน่ๆ เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีการเมืองใหม่ซึ่งสามารถทำได้ มันไม่ใช่เรื่องที่เลิศเลออะไร อยู่บนตู้บนหิ้งๆ ก็ตาม เป็นการเมืองใหม่ที่สามารถทำได้ ยกเว้นแต่ว่าจะทำหรือไม่เท่านั้นเอง ฉะนั้นใครๆ ก็คิดกัน เดี๋ยวนี้ก็มีหลายๆ คนที่เสนอมายังกองอำนวยการที่เราจัดการชุมนุมที่มัฆวาน ก็มีแนวความคิดอะไรเยอะแยะ อยู่ในแนวเดียวกันนะ เพื่อแก้ไขปัญหาการเมืองเก่า
สมศักดิ์ - ในหลักการ ในคำแถลงการณ์นี้ก็มีนะ คือเป็นการเมืองที่ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของประชาชน และก็เน้นหนักในเรื่องการตรวจสอบการโกง การทุจริต การคอร์รัปชั่น ส่วนรูปแบบ วิธีการนั้น กำลังรวบรวมข้อเสนอต่างๆ ที่จะต่อยอดกันอย่างไร ซึ่งมันไม่ได้ยากเย็น แต่ว่าถ้าออกไปตอนนี้มันต้องจัดการกับรัฐบาลที่โกงกิน ทุจริต หุ่นเชิด ออกไปเสียก่อน แล้วเมื่อนั้นถึงจะได้มาพูดถึงรูปแบบ วิธีการ แต่เนื้อหาสาระพูดได้เลยว่า เป็นการเมืองที่ไม่มีการโกง การกิน การทุจริต ผู้ที่มาบริหารประเทศจะต้องเป็นคนที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ยึดประโยชน์ส่วนตน ไม่มีบริษัทห้างร้านอะไรที่เกี่ยวข้องในขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ส่วนรูปแบบวิธีการมันมีหลายรูปแบบ สามารถที่จะต่อยอดไปได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มันทำได้เยอะแยะ ตอนนี้ก็กำลังรวบรวมข้อเสนอ เขาส่งมาให้เยอะ วิธีการนะครับ แต่เรียนเป้าหมายไปก่อน ถ้ารัฐบาลที่เราต้องการขับไล่ออกไปเมื่อไร เมื่อนั้นจะประกาศให้ชัดเจนตามที่พี่จำลองบอกแล้วว่า เมื่อสถานการณ์ถึงตรงนั้นเราก็จะนำเสนอเรื่องแต่ละเรื่องให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
จำลอง - สิ่งหนึ่งซึ่งต้องยืนยันก็คือ เป็นการเมืองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตรงนี้มีเรื่อยๆ นะครับ เพราะเราเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีระบบการเมืองแบบนี้ แต่เป็นการเมืองใหม่ เก่า เขาก็บอกว่าใช่ เป็นการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เขาไปเน้นในเรื่องการเลือกตั้งเสียเต็มที่เลยว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง การเลือกตั้งคือประชาธิปไตย เราเลยพลาดในประเด็นลักษณะนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าการเมืองใหม่จะไม่มีการเลือกตั้งนะ ไม่ใช่ แต่ไม่ใช่ไปเน้นหนักตรงนั้นว่า ประชาธิปไตยต้องการเลือกตั้งแบบนั้น ก็เปล่า
สมเกียรติ - ได้รับมอบหมายให้พูดเรื่องสนทนาประสาสมัคร วันนี้ที่บอกว่าพันธมิตรฯ เป็นกลุ่มหยิบมือเดียว แต่คนส่วนใหญ่เข้าข้างรัฐบาล คนส่วนใหญ่ยังเข้าข้างรัฐบาลอยู่ ก็อยากจะเรียนว่า ในเดือนมีนาคม 2549 ทักษิณก็พูดแบบเดียวกันว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเรื่องของคนหยิบมือเดียว จากนั้นเขาก็กะเกณฑ์คนมาที่ท้องสนามหลวงราวๆ แสนกว่าคน หลังจากนั้นเขาก็เกิดอาการไฟธาตุแตก ตายเรียบเลย ระบอบทักษิณ นี่ก็คืออาการสุดท้ายของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ สมัคร สุนทรเวช เพราะในวันที่ 26 - 27 สิงหาคมนี้ เขาจะต้องไปตรวจดูพยานหลักฐานเอกสารสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องชิมไปบ่นไป แล้ว ในรายการนี้เขายังไปพูดกระแนะกระแหนเมื่อ 2 วันก่อน ในการอภิปรายที่เมืองทอง ที่พิธีเปิดงานอันยิ่งใหญ่ของเขาว่า รายการชิมไปบ่นไป จะเอากันให้เป็นตายให้ตายก็ให้มันรู้ไปสิ อะไรทำนองนี้ เพราะเขาเกิดอาการไฟธาตุแรก วันนี้เขาเลยพูดว่าพันธมิตรฯ เป็นเรื่องของคนกลุ่มน้อย แต่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าข้างขึ้น ก็อยากะเรียนว่า ใกล้แล้วฮะ ใกล้ถึงจุดจบของระบอบสมุนทรราชแล้ว ที่เราเรียกว่ารัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ เพราะอาการเหล่านี้มันจะอาการจิตแปรปรวน มองเห็นภาพการต่างของตนข้างหน้า จึงออกอากาศว่าคนส่วใหญ่ยังอุดหนุนเขา และพันธมิตรฯ เป็นพวกหยิบมือเดียว และท่านผู้ชมก็คงจะทราบดีว่าพันธมิตรฯ เป็นพวกหยิบมือเดียวจริงมั้ย ตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมาตั้ง 800 ปี เคยเห็นเวทีทำต่างจังหวัดไหม ที่มันเกิดการลุกฮือขึ้นของมวลชน และการชุมนุมที่จะเข้าหลัก 90 วันแล้ว ที่ไม่ลดลละแม้จะมีข้อเสนอหลายฝ่ายให้หยุดยั้งก็ตาม แต่พันธมิตรฯ มีเจตนารมณ์อันแรงกล้า ตามที่แถลงการณ์ที่ผ่านมาถึง 18 ฉบับแล้ว อันนี้ก็ย้ำอีกทีนะหครับ "สมัคร อาการไฟธาตุใกฃ้แตกแล้วครับ"
สมศักดิ์ - คือคำพูดแบบนี้มันเป็นคำพูดของเผด็จการนะ ตั้งแต่ถนอม ประภาษ สุจินดา สมัคร แล้วก็ทักษิณ ที่หนีเป็นผู้ร้ายไปแล้วก็จะพูดอย่างนี้ คนที่มาชุมนุมหยิบมือเดียว แต่ว่าในสังคมประชาธิปไตย นักการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเมื่อมีผู้คนมาชุมนุมเป็นเรือนแสนเรือนล้านอย่างนี้ เขาต้องพิจารณาตัวเองแล้ว ในโลกนี้ แล้วไม่มีรัฐบาลไหนที่จะกฎหมายผิดกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ เท่ากับรัฐบาลสมัครกรณีเขาพระวิหาร มาตรา 191 และยังหน้าด้านอยู่ นี่คือธาตุแท้และบุลคลิกภาคของเขา มันไม่ใช่เป็นเรื่องความจริง แค่เข้ามาวันแรกคนก็บอกว่าขี้เหร่แล้ว มีรัฐบาลชุดไหนมั้ยที่คนเบื่อหน่ายที่สุด สอบคะแนนทุกมิติ ไม่ว่าทางด้านไหน ไม่เคยได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเทียบก็คือเกรดของเด็กชั้นประถม ไม่ใช่เกรดของอุดมศึกษา มันต้อง 60 อันนี้ โลว์เกรดมาโดยตลอด แต่นั่นเป็นความรู้สึกของเขา กับสิ่งแวดล้อมในก๊วน ในแก๊ง ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะหาประโยชน์โกงกิน เพื่อตนเองต่อไป