“ประพันธ์” สอนมวย “สุขุม นวลสกุล” ตำหนิคนใต้ต้าน“สมชาย” ยัน ปชช.มีสิทธิไล่นายกฯ ที่ไม่ชอบธรรม แถมตกเป็นทาสตระกูลชิน-ไม่มีหัวใจอยู่กับประชาชน พร้อมเผย “หมัก” ส่อเข้าคุกเร็ว เหตุผู้พิพากษา-อัยการไม่รับรองฎีกาคดีหมิ่นฯ พร้อมค้านข้อเสนอ 24 อธิการ ตั้ง กก.ปฏิรูปฯ ซื้อเวลาให้รัฐบาลน้องเขยแม้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย
วันนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 19.50 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อมองลงไปทางด้านล่างของการชุมนุม พบว่ามีสัดส่วนผู้หญิงเข้าร่วมชุมนุมมากกว่าผู้ชาย ซึ่งทำให้ตนซึ้งในสัจธรรมที่สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ หลังจากที่ในอดีตได้เปรียบไว้ว่าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง นับว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ และเป็นปรากฏการณ์ที่ดีของการเมืองประเทศเรา ฉะนั้นคนที่มาเป็นนายกฯ อย่ามองข้ามพลังของสตรี ซึ่งตนคิดว่าการเกิดปรากฎการณ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และไม่เพียงแต่ในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงต่างประเทศด้วย
“การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในครั้งนี้เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ถ้าในทางการเมืองสถานการณ์ทางการเมือง เรียกว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนของประเทศ ไม่ยอมรับการปกครองของผู้ปกครอง ซึ่งเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์การต่อต้านไม่ยอมรับประธานสภาฯ นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใน 2 วันที่ที่ผ่านมา กระแสเหล่านี้เป็นกระแสปฏิวัติของพี่น้องประชาชนขึ้นสู่กระแสสูง ประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลนี้” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้อธิบายในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ไปแล้วเมื่อเช้านี้ ที่มีนักรัฐศาสตร์ และอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคน ที่เอ่ยชื่อแล้วอย่างอาจารย์สุขุม นวลสกุล ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมประชาชนจึงต่อต้านผู้ปกครองประเทศในขณะนี้ ซึ่ง อ.สุขุมได้ไปอธิบายว่านายสมชายได้มาเป็นนายกฯ ตามครรลอง ฉะนั้นการที่ประชาชนจะไปต่อต้านหรือคัดค้านนั้นไม่น่าจะเหมาะ ไม่น่าจะเป็นสมควร นี่คือความเห็นของนักรัฐศาสตร์อย่าง อ.สุขุม
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ความจริงกลุ่มคนเหล่านี้ไม่เข้าใจว่า ทำไมประชาชนจึงไม่ยอมรับนักการเมืองในระบบเก่า เหตุเพราะการเมืองในระบบเก่า เป็นการเมืองแห่งการฉ้อฉล แห่งการทุจริต แห่งการคดโกง ปล้นเอาอำนาจประชาชนมา และอยากฝากถึง อ.สุขุม ว่าถึงแม้นายกฯ สมชายจะเป็นคนใต้ก็ตาม แต่ความที่ไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นคนใต้ และเป็นนักการเมืองที่ไม่มีหัวใจอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่เป็นทาสของคนในตระกูลชินวัตรซึ่งคนทั้งบ้านเมืองรู้ทั้งนั้นว่าการได้มาเป็นนายกฯ ของนายสมชายนั้นมาด้วยเหตุผลอะไร
“ฉะนั้น การที่พี่น้องประชาชนมีการตื่นตัวขึ้นมาแบบนี้ และไม่ยอมรับนักการเมืองที่มาโดยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมนั้น จึงเป็นการตื่นตัวทางการเมืองที่ควรได้รับความยกย่อง เชิดชู อยากจะบอกถึงนักวิชาการบางท่าน และนักวิชาการบางคนที่ไม่เข้าใจได้โปรดเข้าใจว่า ปรากฏการณ์ที่ประชาชนต่อต้านนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันนั้น ถือว่าเป็นสิ่งดีงามที่คนประเทศนี้ต้องสนับสนุนและส่งเสริมทำให้มากๆ” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีข่าวดีมาบอกอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือเรื่องของนายสมัคร สุนทรเวช ที่กำลังกระอักกระอ่วนใจว่าคดี (หมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์) ของเขานั้นจะได้รับการฎีกาหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่อัยการสูงสุด เนื่องจากหนทางที่จะให้ผู้พิพากษามารับรองให้ฎีกานั้นเห็นทีจะยาก แต่เมื่อวานตนได้รับทราบข่าวที่ว่า ขณะนี้อัยการสูงสุดและรองอัยการสูงสุดเตรียมไปพักผ่อน และดูงานที่ต่างประเทศแล้ว เนื่องจากกลัวว่านายสมัครจะมาให้รับรองฎีกา
นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีข้อเสนอของอธิการบดีสถาบันการศึกษา 24 แห่ง ที่ได้เสนอมา ซึ่งข้อที่ 4 ที่ขอให้รัฐบาลประกาศและรับรองการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการเมืองการปกครอง โดยจะใช้เวลา 120 วันในการศึกษานั้น ตนคิดว่าเป็นข้อเสนอที่มีความปรารถนาดี แต่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นการซื้อเวลาให้กับรัฐบาลมากกว่าหากรัฐบาลมารับข้อเสนอนี้ เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ควรจะอยู่ต่อแม้แต่วันเดียว อีกอย่างไม่รู้ว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นนี้ประกอบไปด้วยใครบ้าง และเมื่อร่างมาแล้วรัฐบาลนี้จะยอมรับหรือเปล่า ฉะนั้นวันนี้สถานการณ์มาถึงจุดสำคัญแล้ว คือขณะนี้รัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองแล้ว และ สองรัฐบาลหมดไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองประชาชนแล้ว เพราะประชาชนไม่ยอมรับให้ปกครอง และบริหารบ้านเมืองอีกต่อไป และสามพวกเราได้มายึดทำเนียบแล้ว ทำไมเราไม่ตั้งรัฐบาลมาเอง แล้วให้พวกนั้นเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น
“ถ้าเราจะปฏิรูปการเมืองจริง ตามแนวทางการเมืองใหม่ ทำไมพลังของพวกเราที่มากมายขนาดนี้ไม่ทำเอง จัดตั้งเอง ปกครองกันเองไปเลย แล้วจะรู้ด้วยว่าทหารจะยืนเลือกข้างประชาชนหรือรัฐบาลขายชาติ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว เนื่องจากชุมนุมมานานแล้ว ควรจะถึงเวลาแตกหักเสียที สิ่งดีๆ จะได้เกิดขึ้น และขอเตือนข้อเสนอของอธิการทั้ง 24 มหาวิทยาลัยว่าอย่าต่อบันไดลงให้นายสมชายเลย สู้ปิดมหาวิทยาลัยแล้วมาร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ เพื่อไปสู่การเมืองใหม่จะดีกว่า ทุกอย่างเป็นข้อเสนอซึ่งอยากให้พี่น้องกลับไปคิดถ้าพร้อมและจะสู้ ก็จะสู้ไปด้วยกัน” นายประพันธ์กล่าว