ผู้จัดการรายวัน –พันธมิตรฯ จี้ “อสส.-บัวแก้ว” เร่งนำ “แม้ว” ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินกลับมาดำเนินคดี ระบุการหนีพิสูจน์ชัดข้อหาทุจริตมีมูลความจริง บี้ยกเลิกหนังสือเดินทางทุกประเภท ยันยกพลประท้วงสถานทูตอังกฤษ 19 ส.ค.นี้ แฉอีก รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ จับมือ “ยี้ห้อย” เตรียมเขมือบงบประมาณแผ่นดินจากโครงการเมกะโปรเจกต์หลายแสนล้าน ลั่นเดินหน้าคัดค้านสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่เกียกกาย จวกขัดรธน. ประกาศเคลื่อนขบวนให้กำลังใจนร.โยธินบูรณะ 22 ส.ค. ส่วนนครอุดรธานีเหลิงอำนาจขวางสภาฯคนรักชาจัดเวทีเปิดโปงความชั่วระบอบทักษิณ-รัฐบาล ระดมรถดับเพลิงร่วม 10 คันปิดทางเข้าออก
วานนี้ (17 ส.ค.) หลังจากประชุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประชุมหารือกันที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ก็เปิดแถลงข่าว โดยอ่านแถลงการณ์แสดงท่าทีของพันธมิตรฯ เรื่อง “ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน” สรุปใจความได้ว่า พันธมิตรฯ ถือว่าโดยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิใช่ “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง” แต่เป็น “ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน” ทั้งนี้ การหลบหนีอาญาแผ่นดิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ก็คือการพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นมีมูลความจริง ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและชดใช้ผลกรรมของตัวเอง
**ร้องอสส.-บัวแก้วนำตัวแม้วกลับไทย
ขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการในทุกวิถีทางอย่างเข้มแข็งในการที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีความในไทยอย่างเร่งด่วน รวมทั้งขอเรียกร้องให้ กระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิก “หนังสือเดินทางทุกประเภท” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มิฉะนั้น พันธมิตรฯ จะดำเนินการทางกฎหมายให้ลงโทษกับผู้ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนถึงที่สุด
นายสนธิกล่าวด้วยว่า การหลบหนีอาญาแผ่นดินของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวนั้น ไม่ทำให้ภารกิจของพันธมิตรฯ หมดสิ้นลง ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ยังคงธำรงความมุ่งหมายเดิมที่จะบรรลุภารกิจศักดิ์สิทธิ์ในการหยุดยั้งการล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ และสร้างการเมืองใหม่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวอังกฤษ ตลอดจนธุรกิจและการลงทุนของชาวอังกฤษที่อยู่ในประเทศไทย พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลอังกฤษยุติการให้ที่พักพิงต่อผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน และขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยโดยเร็วที่สุด อย่างไม่มีเงื่อนไข และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยไปสำแดงพลังด้วยการเดินทางไปที่สถานทูตอังกฤษ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยกำหนดนัดหมายในวันที่ 19 ส.ค. เวลา 10.00 น. ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา สี่แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริ กทม.
**บุกโยธินบูรณะให้กำลังใจ 22 ส.ค.
นายสนธิกล่าวต่อว่า การปล่อยปละละเลยขบวนการของรัฐบาลที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ การวางเพลิงบ้านพักของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา การส่งขบวนการจักรยานยนต์เพื่อมาก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในคืนที่จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฯลฯ การกระทำดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นการตอกย้ำความป่าเถื่อนของรัฐบาลซึ่งเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากไม่รู้จบสิ้น พันธมิตรฯ จึงถือว่า รัฐบาลได้หมดความชอบธรรมทั้งในทางศีลธรรม และทางนิติธรรมที่จะบริหารประเทศชาติไปนานแล้ว และขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติยุติการทุจริตอย่างหนักหน่วงในโครงการขนาดใหญ่จำนวนมากอยู่ในขณะนี้โดยทันที มิเช่นนั้น พันธมิตรฯ จะดำเนินคดีความต่อนักการเมือง ข้าราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการประพฤติมิชอบจนถึงที่สุด พร้อมกันนั้นขอให้ยุติการย้าย ร.ร.โยธินบูรณะเพื่อเร่งสร้างที่ประชุมรัฐสภาอย่างไร้เหตุผลโดยทันที พร้อมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ไปสำแดงพลังให้กำลังใจให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ร.ร.โยธินบูรณะ ด้วยการเดินทางไปที่โยธินบูรณะเพื่อแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยกำหนดนัดหมายในวันที่ 22 ส.ค.เวลา 10.00 น. ณ หน้า ร.ร.โยธินบูรณะ สี่แยกเกียกกาย ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร
นายสนธิกล่าวต่อว่า ถ้าหากแผนการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือการออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณและพวก หรือการรัฐประหารเพื่อล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและพวก พันธมิตรฯ ขอยืนยันว่าจะร่วมกับประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าเพื่อการคัดค้านและต่อสู้ในทุกรูปแบบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญฉบับนี้จนถึงที่สุด
**”สนธิ” แฉหมักจับมือยี้ห้อย
นายสนธิกล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้นมีข้อแตกต่างกันตรงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครือข่ายธุรกิจ ด้านสื่อสารคมนาคม และอสังหาริมทรัพย์รองรับในการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเอง ขณะที่นายสมัครจับมือกับยี้ห้อยร้อยยี่สิบ แม้ไม่มีเครือข่ายแต่สมคบกันเล่นแร่แปรธาตุงบประมาณแผ่นดินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ทั้งโครงการท่อส่งน้ำจากประเทศลาว การสร้างถนนหลวง รวมถึงการเพิ่มงบประมาณโครงการโทรศัพท์ 3จี อีก 1.4 หมื่นล้าน เรียกว่ารัฐบาลชุดนี้ปล้นซึ่งหน้า
นอกจากนี้ จะต้องคัดค้านการรัฐสภาใหม่ที่เกียกกายเพราะมีการยุบ 2 โรงเรียน ซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวประชาชนและครอบครัวทหาร เพื่อตอบสนองนักการเมืองที่ต้องการเข้ามาแสวงหาประโยชน์
ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า การยุบสภาและการรัฐประหารไม่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ขณะที่ ผบ.สส.ก็บอกว่า ยังมีบางกลุ่มคิดที่จะทำรัฐประหารอยู่ ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่สนับสนุนรัฐประหาร ส่วนการที่นายสมัครพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร จะเห็นได้ว่าเป็นคำพูดเผด็จการ ซึ่งนี่คือ ธาตุแท้ของนายสมัคร
**ไล่รื้อโยธินฯ ผิดรธน.
นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ด้วยงบประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการระบุเอาไว้ว่าต้องใช้เงินค่าออกแบบ 1,000 ล้านบาท และเวนคืนที่ดินอีก 4,500 ล้านบาท โดยมีการเซ็นเอ็มโอยูไปแล้วและไม่ฟังเสียงคัดค้านที่เกิดขึ้น ถือว่ากระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ระบุเอาไว้ว่า การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ต้องทำประชาพิจารณ์ แต่การกระทำของรัฐบาลนี้ กลับไม่ฟังเสียงเด็กนักเรียน คนในชุมชุน ไม่ให้สิทธิในการออกความเห็น และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน นอกจากนั้น ยังมีการบีบเมียทหารให้ห้ามลูกว่าอย่าต่อต้าน เพราะไม่งั้นจะบีบไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังระบุด้วยว่า การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อชุมชนด้วย ซึ่งประเด็นนี้ ไม่ใช่ว่าจะอ้างว่าสถานที่สร้างโรงเรียนที่ใหม่แล้วดีกว่าเดิม เพราะไม่ได้อยู่ที่วัตถุแล้วต้องไป แต่ต้องเข้าใจความรู้สึกของเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม เด็กนักเรียนไม่ต้องกลัว ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังกระทำผิดและขัดรัฐธรรมนูญ เรามีสิทธิฟ้องศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญได้
**ฟาดเมกะโปรเจกต์หลายแสนล.
ขณะที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์กล่าวว่า รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติเตรียมทำมาหากินในโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยขณะนี้ตนสามารถรวบรวมคิดเป็นงบประมาณได้ประมาณ 14 แสนล้าน โดยเฉพาะโครงการผันน้ำขนาดใหญ่ที่อีสานงบประมาณ 7 แสนล้าน ทางหลวงก่อสร้างถนนอีก 170,000 ล้าน โครงการรถไฟฟ้าอีกเป็นหมื่นล้าน ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยสนใจปัญหาปากท้องประชาชนเลย ละเลยปัญหาภาคใต้อย่างไม่ใยดีปล่อยให้เป็นกลไกของเจ้าหน้าที่ตามลำพัง ปล่อยให้ประชาชนอยู่อย่างไร้อนาคต
ทั้งนี้ นายสมัครดีแต่ไปจ่ายตลาด ทำอาหาร นั่งส้วม เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลมีปัญหา จ้องแต่จะโกงกิน ส่วนการสร้างรัฐสภาใหม่กรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณเห็นว่าควรสร้างที่อื่น แต่นายสมัครหักดิบจะเอาตรงนี้ให้ได้ บ้านเมืองมีปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่สน สั่งย้ายโรงเรียน ย้ายกรมทหาร โดยให้งบก้อนงามชดเชยให้ทหารเป็นการปูนรางวัลถึง 2 ครั้ง ทั้งซื้ออาวุธของยูเครน และการทุจริตที่ดิน
“อย่างนี้เรียกว่าฟาสต์ฟูดแดกด่วนงบประมาณก่อนอายุรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติจะสิ้นอายุ พันธมิตรฯ เห็นใจนักเรียนที่ออกมาเรียกร้องให้เราช่วย เราจึงมีมติไปให้กำลังใจลูกหลาน และยังเห็นใจกลุ่มแม่บ้านทหารบก ที่ถูกออกคำสั่งให้อยู่เงียบๆ ไม่เช่นนั้นจะกระทบสามี เราต้องช่วยกันหวงแหนผลประโยชน์ชาติ”
“นอกจากนี้นายสมัครยังกล่าวถึงพันธมิตรฯ ว่ามีหยิบมือเดียว คนส่วนใหญ่ยังเข้าข้างรัฐบาล เมื่อเดือน มี.ค.ปี 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดแบบเดียวกันแล้วเกณฑ์คนมา แสนกว่าคน ที่สนามหลวง สุดท้ายเกิดอาการไฟธาตุแตก นี่อาการเดียวกันสมัครเลย 2 วันก่อน ก็ไปพูดว่ารายการชิมไปบ่นไปจะเอากันให้ตาย เกิดอาการไฟธาตุแตก ใกล้ถึงจุดจบรัฐบาลทรทราชหุ่นเชิดขายชาติแล้ว จึงออกอาการ”
**ย้ำ 10 โมงเช้าไปสถานทูตอังกฤษ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ ได้ไปพบตนเมื่อวานซืน ซึ่งพันธมิตรฯ เห็นว่าน่าจะสนับสนุนการคัดค้านการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่ไม่ควรจะสร้าง ตอนข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ด้วยงบประมาณจำนวนหลายพันหลายหมื่นล้าน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ไม่มีเหตุผล แต่รัฐบาลนี้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นจะทำซะอย่าง ทั้งนี้วันศุกร์นี้ พันธมิตรฯจะเดินไปให้กำลังใจกับนักเรียนโยธินบูรณะ เพื่อสนับสนุนให้คัดค้านต่อไป โดยเราจะเป็นกำลังหนุน
“ผู้ใหญ่ไม่อายหรือ ที่ให้เด็กมาย้อนถามว่า หากสร้างรัฐสภาใหม่แล้วการเมืองมันจะดีขึ้นหรือไม่ มิหนำซ้ำเงินที่นำไปลงทุน คิดเป็นตัวเลขมันก็ไม่คุ้มแล้ว ทำไมจะไปทุบตึกที่ยังมีสภาพการใช้งานที่ดี มาเป็นเศษอิฐ เศษปูน เพื่อก่อสร้างรัฐสภาใหม่ มันไม่เกิดผลประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย ที่สำคัญ การย้ายภูมิลำเนาคนในท้องที่นั้นก็ถือเป็นการทำลายสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้” พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวการยุบสภานั้นตนไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน เพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบกว่า 2,500 ล้าน และการเมืองแบบเก่าก็จะกลับมาอีก ขณะนี้เรากำลังร่างการเมืองใหม่อยู่ เป็นการแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เพราะบ้านเมืองแบบเก่าเราเห็นว่าไปไม่ได้แล้ว
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ พันธมิตรฯนัดหมายกัน 10 โมงเช้า บริเวณสี่แยกราชประสงค์ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และจะเดินขบวนไปหน้าสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยจะมีการแปลคำพิพากษาเป็นภาษาต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงและความจำเป็นต้องส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย พร้อมทั้งอธิบายข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด
เราต้องทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลไม่ปกป้องกระบวนการยุติธรรม แต่กลับไปสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นอาชญากรแผ่นดินรัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่บริหารประเทศต่อไป”นายสุริยะใสกล่าว
**นครอุดรฯกร่างขวางเวทีคนรักชาติ
บรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ของสภาประชาชนรักชาติ จ.อุดรธานี เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายระบอบทักษิณผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) มีความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยในเวลา 15.30 น.
นายมงคล คูสกุล ได้ออกมาเปิดเผยถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า มีปัญหาอุปสรรคมากเนื่องจากไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าของสถานที่ คือ เทศบาลนครอุดรฯและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ได้มีการประสานงานไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการนำของ พ.ต.อ.ภัทราวุฒิ เอื่อมศสิธร รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี รับปากว่าจะมีการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่เมื่อถึงเวลาพอพวกตนจะมาจัดตั้งเวที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับนำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งมาขับไล่ ไม่ให้มีการจัดตั้งเวทีโดยไล่ให้ไปจัดที่โรงแรม ทำให้ต้องกลับมาประชุมหารือถึงแนวทางการจัดตั้งเวทีกันใหม่
"หลังจากที่พวกเรากลับไปแล้วทางเทศบาลนครอุดรธานีก็ได้นำรถดับเพลิง 10 คันมาปิดทางเข้าออกทั้งหมด 6 จุดไม่ให้กลุ่มสภาประชาชนคนรักชาติฯใช้สนามจัดเวทีปราศรัย"
นายมงคล กล่าวต่อว่า หลังจากทางแกนนำได้หารือกันแล้วจึงได้มีมติร่วมกันที่จะใช้รถ 6 ล้อเป็นเวทีปราศัยที่บริเวณถนนอธิบดี หน้าศาลากลาง จ.อุดรธานีแทน
**ปชป.จี้จัดเวทีถกสร้างรัฐสภาใหม่ที่
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องย้ายรัฐสภาไปสร้างในสถานที่ใหม่ คงไม่มีใครคัดค้าน และในการให้ข้อมูลข่าวสารและการให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นก็ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ผ่านมาได้มีประชาชนและนักเรียนจาก ร.ร.โยธินบูรณะออกมาสะท้อนถึงความไม่สบายใจจากการที่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องย้ายรัฐสภามาสร้างในย่านเกียกกาย ทั้งที่รัฐธรรมนูญมาตรา 57 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต หรือการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การวางผังเมือง การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการออกกฎที่อาจมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสำคัญของประชาชน และกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิ์ได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐด้วย
นายบุญยอด กล่าวอีกว่า แม้แต่ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่ได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ได้เห็นเพียงความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และการทำข้อตกลงในเรื่องดังกล่าวโดยนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็มีขึ้นในวันที่ไม่มีการประชุมสภาฯ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ประธานรัฐสภาเร่งแก้ไขเรื่องนี้โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างเต็มที่ และมีการชี้แจงต่อประชาชนถึงการให้ค่าชดเชยและความช่วยเหลือต่างๆ
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันที่ 18 ส.ค.นี้ ตนและคณะส.ส.เขต 4 กทม.ของพรรคจะลงพื้นที่ไปรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน ผู้ปกครอง และนักเรียนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ บรรดาเด็กนักเรียนกลัวกันมากว่าจะต้องไปเรียนในตู้คอนเทนเนอร์หรือโรงเรียนของพวกเขาจะถูกยุบ
ส่วนการที่นาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่ามีการปลุกระดมให้มีการประท้วง ตนเห็นว่าเป็นจินตนาการของตัวนายกฯเอง เพราะคนที่ออกมาคัดค้านในเรื่องนี้ ที่จริงแล้วเป็นเพราะไม่ได้รับข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วานนี้ (17 ส.ค.) หลังจากประชุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประชุมหารือกันที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ก็เปิดแถลงข่าว โดยอ่านแถลงการณ์แสดงท่าทีของพันธมิตรฯ เรื่อง “ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน” สรุปใจความได้ว่า พันธมิตรฯ ถือว่าโดยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิใช่ “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง” แต่เป็น “ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน” ทั้งนี้ การหลบหนีอาญาแผ่นดิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ก็คือการพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นมีมูลความจริง ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและชดใช้ผลกรรมของตัวเอง
**ร้องอสส.-บัวแก้วนำตัวแม้วกลับไทย
ขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการในทุกวิถีทางอย่างเข้มแข็งในการที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีความในไทยอย่างเร่งด่วน รวมทั้งขอเรียกร้องให้ กระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิก “หนังสือเดินทางทุกประเภท” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มิฉะนั้น พันธมิตรฯ จะดำเนินการทางกฎหมายให้ลงโทษกับผู้ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนถึงที่สุด
นายสนธิกล่าวด้วยว่า การหลบหนีอาญาแผ่นดินของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวนั้น ไม่ทำให้ภารกิจของพันธมิตรฯ หมดสิ้นลง ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ยังคงธำรงความมุ่งหมายเดิมที่จะบรรลุภารกิจศักดิ์สิทธิ์ในการหยุดยั้งการล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ และสร้างการเมืองใหม่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวอังกฤษ ตลอดจนธุรกิจและการลงทุนของชาวอังกฤษที่อยู่ในประเทศไทย พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลอังกฤษยุติการให้ที่พักพิงต่อผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดิน และขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยโดยเร็วที่สุด อย่างไม่มีเงื่อนไข และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยไปสำแดงพลังด้วยการเดินทางไปที่สถานทูตอังกฤษ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยกำหนดนัดหมายในวันที่ 19 ส.ค. เวลา 10.00 น. ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา สี่แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริ กทม.
**บุกโยธินบูรณะให้กำลังใจ 22 ส.ค.
นายสนธิกล่าวต่อว่า การปล่อยปละละเลยขบวนการของรัฐบาลที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ การวางเพลิงบ้านพักของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา การส่งขบวนการจักรยานยนต์เพื่อมาก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในคืนที่จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฯลฯ การกระทำดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นการตอกย้ำความป่าเถื่อนของรัฐบาลซึ่งเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากไม่รู้จบสิ้น พันธมิตรฯ จึงถือว่า รัฐบาลได้หมดความชอบธรรมทั้งในทางศีลธรรม และทางนิติธรรมที่จะบริหารประเทศชาติไปนานแล้ว และขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติยุติการทุจริตอย่างหนักหน่วงในโครงการขนาดใหญ่จำนวนมากอยู่ในขณะนี้โดยทันที มิเช่นนั้น พันธมิตรฯ จะดำเนินคดีความต่อนักการเมือง ข้าราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการประพฤติมิชอบจนถึงที่สุด พร้อมกันนั้นขอให้ยุติการย้าย ร.ร.โยธินบูรณะเพื่อเร่งสร้างที่ประชุมรัฐสภาอย่างไร้เหตุผลโดยทันที พร้อมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ไปสำแดงพลังให้กำลังใจให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ร.ร.โยธินบูรณะ ด้วยการเดินทางไปที่โยธินบูรณะเพื่อแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยกำหนดนัดหมายในวันที่ 22 ส.ค.เวลา 10.00 น. ณ หน้า ร.ร.โยธินบูรณะ สี่แยกเกียกกาย ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร
นายสนธิกล่าวต่อว่า ถ้าหากแผนการฟอกความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือการออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณและพวก หรือการรัฐประหารเพื่อล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและพวก พันธมิตรฯ ขอยืนยันว่าจะร่วมกับประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าเพื่อการคัดค้านและต่อสู้ในทุกรูปแบบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญฉบับนี้จนถึงที่สุด
**”สนธิ” แฉหมักจับมือยี้ห้อย
นายสนธิกล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้นมีข้อแตกต่างกันตรงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครือข่ายธุรกิจ ด้านสื่อสารคมนาคม และอสังหาริมทรัพย์รองรับในการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเอง ขณะที่นายสมัครจับมือกับยี้ห้อยร้อยยี่สิบ แม้ไม่มีเครือข่ายแต่สมคบกันเล่นแร่แปรธาตุงบประมาณแผ่นดินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ทั้งโครงการท่อส่งน้ำจากประเทศลาว การสร้างถนนหลวง รวมถึงการเพิ่มงบประมาณโครงการโทรศัพท์ 3จี อีก 1.4 หมื่นล้าน เรียกว่ารัฐบาลชุดนี้ปล้นซึ่งหน้า
นอกจากนี้ จะต้องคัดค้านการรัฐสภาใหม่ที่เกียกกายเพราะมีการยุบ 2 โรงเรียน ซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวประชาชนและครอบครัวทหาร เพื่อตอบสนองนักการเมืองที่ต้องการเข้ามาแสวงหาประโยชน์
ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า การยุบสภาและการรัฐประหารไม่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ขณะที่ ผบ.สส.ก็บอกว่า ยังมีบางกลุ่มคิดที่จะทำรัฐประหารอยู่ ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่สนับสนุนรัฐประหาร ส่วนการที่นายสมัครพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร จะเห็นได้ว่าเป็นคำพูดเผด็จการ ซึ่งนี่คือ ธาตุแท้ของนายสมัคร
**ไล่รื้อโยธินฯ ผิดรธน.
นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ด้วยงบประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการระบุเอาไว้ว่าต้องใช้เงินค่าออกแบบ 1,000 ล้านบาท และเวนคืนที่ดินอีก 4,500 ล้านบาท โดยมีการเซ็นเอ็มโอยูไปแล้วและไม่ฟังเสียงคัดค้านที่เกิดขึ้น ถือว่ากระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ระบุเอาไว้ว่า การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ต้องทำประชาพิจารณ์ แต่การกระทำของรัฐบาลนี้ กลับไม่ฟังเสียงเด็กนักเรียน คนในชุมชุน ไม่ให้สิทธิในการออกความเห็น และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน นอกจากนั้น ยังมีการบีบเมียทหารให้ห้ามลูกว่าอย่าต่อต้าน เพราะไม่งั้นจะบีบไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังระบุด้วยว่า การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อชุมชนด้วย ซึ่งประเด็นนี้ ไม่ใช่ว่าจะอ้างว่าสถานที่สร้างโรงเรียนที่ใหม่แล้วดีกว่าเดิม เพราะไม่ได้อยู่ที่วัตถุแล้วต้องไป แต่ต้องเข้าใจความรู้สึกของเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม เด็กนักเรียนไม่ต้องกลัว ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังกระทำผิดและขัดรัฐธรรมนูญ เรามีสิทธิฟ้องศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญได้
**ฟาดเมกะโปรเจกต์หลายแสนล.
ขณะที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์กล่าวว่า รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติเตรียมทำมาหากินในโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยขณะนี้ตนสามารถรวบรวมคิดเป็นงบประมาณได้ประมาณ 14 แสนล้าน โดยเฉพาะโครงการผันน้ำขนาดใหญ่ที่อีสานงบประมาณ 7 แสนล้าน ทางหลวงก่อสร้างถนนอีก 170,000 ล้าน โครงการรถไฟฟ้าอีกเป็นหมื่นล้าน ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยสนใจปัญหาปากท้องประชาชนเลย ละเลยปัญหาภาคใต้อย่างไม่ใยดีปล่อยให้เป็นกลไกของเจ้าหน้าที่ตามลำพัง ปล่อยให้ประชาชนอยู่อย่างไร้อนาคต
ทั้งนี้ นายสมัครดีแต่ไปจ่ายตลาด ทำอาหาร นั่งส้วม เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลมีปัญหา จ้องแต่จะโกงกิน ส่วนการสร้างรัฐสภาใหม่กรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณเห็นว่าควรสร้างที่อื่น แต่นายสมัครหักดิบจะเอาตรงนี้ให้ได้ บ้านเมืองมีปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่สน สั่งย้ายโรงเรียน ย้ายกรมทหาร โดยให้งบก้อนงามชดเชยให้ทหารเป็นการปูนรางวัลถึง 2 ครั้ง ทั้งซื้ออาวุธของยูเครน และการทุจริตที่ดิน
“อย่างนี้เรียกว่าฟาสต์ฟูดแดกด่วนงบประมาณก่อนอายุรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติจะสิ้นอายุ พันธมิตรฯ เห็นใจนักเรียนที่ออกมาเรียกร้องให้เราช่วย เราจึงมีมติไปให้กำลังใจลูกหลาน และยังเห็นใจกลุ่มแม่บ้านทหารบก ที่ถูกออกคำสั่งให้อยู่เงียบๆ ไม่เช่นนั้นจะกระทบสามี เราต้องช่วยกันหวงแหนผลประโยชน์ชาติ”
“นอกจากนี้นายสมัครยังกล่าวถึงพันธมิตรฯ ว่ามีหยิบมือเดียว คนส่วนใหญ่ยังเข้าข้างรัฐบาล เมื่อเดือน มี.ค.ปี 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดแบบเดียวกันแล้วเกณฑ์คนมา แสนกว่าคน ที่สนามหลวง สุดท้ายเกิดอาการไฟธาตุแตก นี่อาการเดียวกันสมัครเลย 2 วันก่อน ก็ไปพูดว่ารายการชิมไปบ่นไปจะเอากันให้ตาย เกิดอาการไฟธาตุแตก ใกล้ถึงจุดจบรัฐบาลทรทราชหุ่นเชิดขายชาติแล้ว จึงออกอาการ”
**ย้ำ 10 โมงเช้าไปสถานทูตอังกฤษ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ ได้ไปพบตนเมื่อวานซืน ซึ่งพันธมิตรฯ เห็นว่าน่าจะสนับสนุนการคัดค้านการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่ไม่ควรจะสร้าง ตอนข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ด้วยงบประมาณจำนวนหลายพันหลายหมื่นล้าน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ไม่มีเหตุผล แต่รัฐบาลนี้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นจะทำซะอย่าง ทั้งนี้วันศุกร์นี้ พันธมิตรฯจะเดินไปให้กำลังใจกับนักเรียนโยธินบูรณะ เพื่อสนับสนุนให้คัดค้านต่อไป โดยเราจะเป็นกำลังหนุน
“ผู้ใหญ่ไม่อายหรือ ที่ให้เด็กมาย้อนถามว่า หากสร้างรัฐสภาใหม่แล้วการเมืองมันจะดีขึ้นหรือไม่ มิหนำซ้ำเงินที่นำไปลงทุน คิดเป็นตัวเลขมันก็ไม่คุ้มแล้ว ทำไมจะไปทุบตึกที่ยังมีสภาพการใช้งานที่ดี มาเป็นเศษอิฐ เศษปูน เพื่อก่อสร้างรัฐสภาใหม่ มันไม่เกิดผลประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย ที่สำคัญ การย้ายภูมิลำเนาคนในท้องที่นั้นก็ถือเป็นการทำลายสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้” พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวการยุบสภานั้นตนไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน เพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบกว่า 2,500 ล้าน และการเมืองแบบเก่าก็จะกลับมาอีก ขณะนี้เรากำลังร่างการเมืองใหม่อยู่ เป็นการแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เพราะบ้านเมืองแบบเก่าเราเห็นว่าไปไม่ได้แล้ว
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ พันธมิตรฯนัดหมายกัน 10 โมงเช้า บริเวณสี่แยกราชประสงค์ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และจะเดินขบวนไปหน้าสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยจะมีการแปลคำพิพากษาเป็นภาษาต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงและความจำเป็นต้องส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย พร้อมทั้งอธิบายข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด
เราต้องทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลไม่ปกป้องกระบวนการยุติธรรม แต่กลับไปสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นอาชญากรแผ่นดินรัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่บริหารประเทศต่อไป”นายสุริยะใสกล่าว
**นครอุดรฯกร่างขวางเวทีคนรักชาติ
บรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ของสภาประชาชนรักชาติ จ.อุดรธานี เพื่อเปิดโปงความชั่วร้ายระบอบทักษิณผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) มีความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยในเวลา 15.30 น.
นายมงคล คูสกุล ได้ออกมาเปิดเผยถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า มีปัญหาอุปสรรคมากเนื่องจากไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าของสถานที่ คือ เทศบาลนครอุดรฯและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ได้มีการประสานงานไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการนำของ พ.ต.อ.ภัทราวุฒิ เอื่อมศสิธร รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี รับปากว่าจะมีการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่เมื่อถึงเวลาพอพวกตนจะมาจัดตั้งเวที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับนำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งมาขับไล่ ไม่ให้มีการจัดตั้งเวทีโดยไล่ให้ไปจัดที่โรงแรม ทำให้ต้องกลับมาประชุมหารือถึงแนวทางการจัดตั้งเวทีกันใหม่
"หลังจากที่พวกเรากลับไปแล้วทางเทศบาลนครอุดรธานีก็ได้นำรถดับเพลิง 10 คันมาปิดทางเข้าออกทั้งหมด 6 จุดไม่ให้กลุ่มสภาประชาชนคนรักชาติฯใช้สนามจัดเวทีปราศรัย"
นายมงคล กล่าวต่อว่า หลังจากทางแกนนำได้หารือกันแล้วจึงได้มีมติร่วมกันที่จะใช้รถ 6 ล้อเป็นเวทีปราศัยที่บริเวณถนนอธิบดี หน้าศาลากลาง จ.อุดรธานีแทน
**ปชป.จี้จัดเวทีถกสร้างรัฐสภาใหม่ที่
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องย้ายรัฐสภาไปสร้างในสถานที่ใหม่ คงไม่มีใครคัดค้าน และในการให้ข้อมูลข่าวสารและการให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นก็ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ผ่านมาได้มีประชาชนและนักเรียนจาก ร.ร.โยธินบูรณะออกมาสะท้อนถึงความไม่สบายใจจากการที่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องย้ายรัฐสภามาสร้างในย่านเกียกกาย ทั้งที่รัฐธรรมนูญมาตรา 57 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต หรือการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การวางผังเมือง การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการออกกฎที่อาจมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสำคัญของประชาชน และกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิ์ได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐด้วย
นายบุญยอด กล่าวอีกว่า แม้แต่ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่ได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ได้เห็นเพียงความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และการทำข้อตกลงในเรื่องดังกล่าวโดยนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็มีขึ้นในวันที่ไม่มีการประชุมสภาฯ ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ประธานรัฐสภาเร่งแก้ไขเรื่องนี้โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างเต็มที่ และมีการชี้แจงต่อประชาชนถึงการให้ค่าชดเชยและความช่วยเหลือต่างๆ
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันที่ 18 ส.ค.นี้ ตนและคณะส.ส.เขต 4 กทม.ของพรรคจะลงพื้นที่ไปรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน ผู้ปกครอง และนักเรียนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ บรรดาเด็กนักเรียนกลัวกันมากว่าจะต้องไปเรียนในตู้คอนเทนเนอร์หรือโรงเรียนของพวกเขาจะถูกยุบ
ส่วนการที่นาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่ามีการปลุกระดมให้มีการประท้วง ตนเห็นว่าเป็นจินตนาการของตัวนายกฯเอง เพราะคนที่ออกมาคัดค้านในเรื่องนี้ ที่จริงแล้วเป็นเพราะไม่ได้รับข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง