ศูนย์ข่าวภูมิภาค - พันธมิตรฯต่างจังหวัดทั่วประเทศเตรียมพร้อมยกทัพเข้ากรุงร่วมต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลหุ่นเชิด 18 ส.ค.นี้ที่สะพานมัฆวานฯอีกยก บรรดาแกนนำเผยรอเพียงเสียงนกหวีดจาก 5 แกนนำเท่านั้นว่าจะเป่าเมื่อใด ลั่นที่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวเพราะเชื่อว่า"ทักษิณ"ยังไม่สิ้นลายและวางมือทางการเมืองจริง ด้านเครือข่าย ปชช.ภาคตะวันออกเดินหน้าล่า 2 หมื่นชื่อถอดถอนรายการ "ความจริงวันนี้" ทางช่อง NBTของ "3 เกลอ" เนื่องจากเป็นรายการที่ยั่วยุให้ประชาชนเกิดความแตกแยก และช่วยเหลือผู้ที่กระทำความผิด
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วทุกภาคของประเทศไทยเตรียมเคลื่อนไหวเข้ากรุงเทพฯร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯส่วนกลางที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ อีกครั้ง เพื่อร่วมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2550 ของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังลี้ภัยคดีอยู่ในอังกฤษขณะนี้ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวของรัฐบาลหุ่นเชิด มีเป้าหมายเพื่อฟอกความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาหนีคดีอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ วานนี้ (14 ส.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯเตรียมเคลื่อนไหวโดยใช้แผนดาวกระจายอีกครั้ง เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 ส.ค.ที่จะถึงนี้ แต่แกนนำจะหารือเพื่อกำหนดสถานที่ที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะจับตาการเสนอการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีใบปลิวที่สร้างความแตกแยกในพระพุทธศาสนาแจกตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมีข้อความสร้างความเข้าใจผิดว่ากองทัพธรรมเป็นกลุ่มแกนนำในการชุมนุมครั้งนี้และกำลังก้าวเข้าสู่ชัยชนะ ยืนยันไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังแกนนำพันธมิตรฯตามจังหวัดต่างๆ ได้รับเสียงตอบกลับมาในทำนองเดียวกันว่า "พวกตนพร้อมประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมที่จะเข้ากรุงเทพฯตลอดเวลาเพื่อร่วมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพันธมิตรฯส่วนกลาง เพียงแต่ขณะนี้พวกเรารอเสียงนกหวีดจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯเท่านั้น"
พันธมิตรฯใต้พร้อมเข้ากรุงอีก
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 ส.ค.ที่จะถึงนี้ว่า ในส่วนของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินและเครือข่ายพันธมิตรฯภูเก็ตจะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของรัฐบาลนอมินีนายสมัคร อย่างเต็มที่และทุกวิถีทาง โดยยึดหลักการเคลื่อนไหวของ 5 แกนนำพันธมิตรฯทุกรูปแบบ ไม่ว่า 5 แกนนำจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็จะทำตามทุกขั้นตอน เพราะการดำเนินการและการเคลื่อนไหวของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ชี้ชัดได้ว่า ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยโดยรวม
"ที่สำคัญอยากจะถามรัฐบาลของนายสมัคร ว่า บ้านเมืองในขณะนี้มีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไร วัตถุประสงค์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลทำเพื่อใครและรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนชาวไทยหรือไม่ หรือว่าเป็นรัฐบาลของใครคนใด คนหนึ่ง ที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศกระนั้นหรือ 6 เดือนที่ผ่านมากับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของรัฐบาลนายสมัคร ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง นอกเหนือจากการที่ไปนั่งร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ที่สนามหลวง 5 เพลงเท่านั้น" ประธานกลุ่มยามฯภูเก็ต กล่าว และว่า
ในส่วนของการนำกลุ่มพลังมวลชนชาวภูเก็ต เดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯส่วนกลาง เรื่องการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีแน่นอน และคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ กลุ่มฯได้จัดเตรียมรถทัวร์โดยสารไว้แล้ว 4 คัน เพื่อรองรับประชาชนที่ต้องการเดินทางขึ้นไปร่วมกับพันธมิตรฯส่วนกลาง และหากมีประชาชนแจ้งความประสงค์มากกว่าที่นั่งรถที่เตรียมไว้ ก็จะเพิ่มรถได้ทันที ผู้สนใจจะร่วมเดินทางสามารถติดต่อสอบถามเข้ามายังยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ตได้
"เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาที่มีการเดินขบวนครั้งใหญ่ ทางเครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดิน-พันธมิตรฯภูเก็ตเดินทางขึ้นไปร่วมกว่า 1,000 คน และครั้งนี้ก็คาดว่า จะไม่ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันนี้พันธมิตรฯภูเก็ต มีการเดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯส่วนกลางอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่จะเดินทางไปในวันสุดสัปดาห์ และช่วงวันหยุดยาว แต่การเดินทางนั้นส่วนใหญ่จะเดินทางกันไปเองไม่ได้เดินทางไปเป็นกลุ่มใหญ่"
นายณัจรงค์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.ภูเก็ตด้วยว่า ในส่วนของการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวคู่ขนานไปกับพันธมิตรฯส่วนกลางของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต จะยังคงจะต่อไปอย่างต่อเนื่องควบคู่กับเวทีที่ส่วนกลาง หาก 5 แกนนำพันธมิตรยังคงต่อสู้กับระบอบทักษิณและความอยุติธรรมใด ๆ กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ก็จะยืนหยัดเคียงข้างไปตลอด หรืออีกนัยหนึ่ง หาก 5 แกนนำพันธมิตรฯไม่เลิก ยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตก็จะไม่เลิกเคลื่อนไหวเช่นกัน
พธม.กระบี่ร่วมเวทีปราศรัยแน่น
ด้านบรรยากาศการเปิดเวทีใหญ่เมื่อคืนวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมาของพันธมิตรฯกระบี่ ที่บริเวณตลาดโต้รุ่ง ริมเขื่อนเจ้าฟ้า เขตเทศบาลเมืองกระบี่ พบว่ามีกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่ จากอำเภอต่างๆ ทยอยเข้าร่วมกว่า 500 คน โดยการปราศรัยบนเวทีเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น.ซึ่งมีพันธมิตรฯจากส่วนกลางเดินทางมาร่วมปราศรัยด้วย เช่น นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว. อาจารย์อารมณ์ มีชัย และนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายพันธมิตรฯ โดยได้ขึ้นปราศรัยวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหุ่นเชิด ภายใต้การนำของนายสมัคร สลับกับการแสดงดนตรีของนักร้องเพื่อชีวิต และการแสดงกลองยาวจากชาวตลาดเก่า การแสดงมโนราห์ ของกลุ่มพันธมิตรฯเขาพนม
นอกจากนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวานนี้ (14 ส.ค.) นายวีระ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯกระบี่อีกแห่งหนึ่งที่บริเวณตลาดสดเขาพนม อ.เขาพนม โดยมีประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯในพื้นที่เขาพนมและอำเภอใกล้เคียง เข้าร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากเช่นกัน
นายวีระ กล่าวว่า การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรฯนั้นส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา คือ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งศาลได้ตัดสินให้ติดคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากไม่ยอมเสียภาษี 546 ล้านบาทและล่าสุดศาลได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ จนต้องหลบหนีไปอยู่อังกฤษ
แต่อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อว่าทักษิณ จะวางมือทางการเมือง เพราะสังเกตได้จากการออกแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า "วันนี้ไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนอดทน" นั่น แสดงว่ายังไม่วางมือ ทักษิณจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่าง ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังเฝ้าจับตาอยู่ในขณะนี้
นายวีระ กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ยอมบอกความจริงกับประชาชนกรณีเขาพระวิหาร การที่รัฐบาลอ้างว่าประเทศไทยไม่ได้เสียดินแดนพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ให้แก่กัมพูชา แม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้นฟังดูเหมือนรัฐบาลจะพูดถูก ไทยไม่เสียพื้นที่ตารางเมตรเดียว แต่เสียให้แก่กัมพูชาตั้ง 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่ผ่านมาได้มีการประชุมแก้ไขแผนที่เพิ่มเติมเพื่อที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว แต่ยูเนสโกยังไม่ยอมรับแผนที่แก้ไขเพิ่มเติมของกัมพูชา เพราะฉะนั้นคนไทยจะต้องต่อสู้เพื่อเอาพื้นที่กลับคืนมา
ล่า2หมื่นชื่อถอด"ความจริงวันนี้"
ขณะที่นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เผยว่า ในฐานะตนเป็นผู้ประสานงานฯขณะนี้ได้เตรียมล่ารายชื่อของประชาชนให้ได้ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อนำไปยื่นให้ช่อง NBT ขอให้ถอดถอนรายการ "ความจริงวันนี้" ที่ออกอากาศในเวลา 22.15 น.ถึงเวลา 23.00 น. เป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ที่ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นรายการที่ยุยงให้ประชาชนเกิดความแตกแยก รวมทั้งทำลายภาพลักษณ์กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยและเป็นรายการที่คอยให้ความช่วยเหลือคนผิด เสนอข้อมูลเท็จโอนเอียงเข้าข้างพรรคพวกเดียวกัน ซึ่งตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 2 หมื่นรายชื่อซึ่งคงต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์แล้วไปยื่นต่อผู้ดูแลสถานีช่อง NBT จ.จันทบุรี
นายสุทธิ กล่าวต่อว่า การที่สื่อของรัฐอย่างช่อง NBT อนุญาตให้พิธีกรในรายการเสนอข้อมูลที่เข้าข้างคนผิด เสนอข้อมูลในด้านที่ไม่ถูกต้อง ไปโจมตีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นต้น ซึ่งในหลักการแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาโจมตี น่าจะพูดถึงระบบที่มีความผิดพลาด ไม่ควรไปพูดถึงบุคคล รวมทั้งเป็นการนำสื่อของรัฐไปช่วยเหลือคนผิด ทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก ทำลายกระบวนการยุติธรรม ที่มีการตัดสินแล้วว่ามีความผิด แต่ก็ยังสร้างข้อสงสัยให้แก่ประชาชนให้เกิดความสับสน
"การกล่าวว่ามีมือที่มองไม่เห็นทำการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้ภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เกิดความเสียหาย ควรพูดในทางที่เสนอแนะไม่ใช่ยกขึ้นมาโจมตีกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ถึง 2 หมื่นรายชื่อ ไปยื่นขอถอดถอนรายการนี้ออกไป โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ด้วยกัน"
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วทุกภาคของประเทศไทยเตรียมเคลื่อนไหวเข้ากรุงเทพฯร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯส่วนกลางที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ อีกครั้ง เพื่อร่วมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2550 ของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังลี้ภัยคดีอยู่ในอังกฤษขณะนี้ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวของรัฐบาลหุ่นเชิด มีเป้าหมายเพื่อฟอกความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาหนีคดีอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ วานนี้ (14 ส.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯเตรียมเคลื่อนไหวโดยใช้แผนดาวกระจายอีกครั้ง เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 ส.ค.ที่จะถึงนี้ แต่แกนนำจะหารือเพื่อกำหนดสถานที่ที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯจะจับตาการเสนอการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีใบปลิวที่สร้างความแตกแยกในพระพุทธศาสนาแจกตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมีข้อความสร้างความเข้าใจผิดว่ากองทัพธรรมเป็นกลุ่มแกนนำในการชุมนุมครั้งนี้และกำลังก้าวเข้าสู่ชัยชนะ ยืนยันไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังแกนนำพันธมิตรฯตามจังหวัดต่างๆ ได้รับเสียงตอบกลับมาในทำนองเดียวกันว่า "พวกตนพร้อมประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมที่จะเข้ากรุงเทพฯตลอดเวลาเพื่อร่วมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพันธมิตรฯส่วนกลาง เพียงแต่ขณะนี้พวกเรารอเสียงนกหวีดจาก 5 แกนนำพันธมิตรฯเท่านั้น"
พันธมิตรฯใต้พร้อมเข้ากรุงอีก
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 ส.ค.ที่จะถึงนี้ว่า ในส่วนของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินและเครือข่ายพันธมิตรฯภูเก็ตจะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของรัฐบาลนอมินีนายสมัคร อย่างเต็มที่และทุกวิถีทาง โดยยึดหลักการเคลื่อนไหวของ 5 แกนนำพันธมิตรฯทุกรูปแบบ ไม่ว่า 5 แกนนำจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็จะทำตามทุกขั้นตอน เพราะการดำเนินการและการเคลื่อนไหวของ 5 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ชี้ชัดได้ว่า ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยโดยรวม
"ที่สำคัญอยากจะถามรัฐบาลของนายสมัคร ว่า บ้านเมืองในขณะนี้มีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไร วัตถุประสงค์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลทำเพื่อใครและรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนชาวไทยหรือไม่ หรือว่าเป็นรัฐบาลของใครคนใด คนหนึ่ง ที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศกระนั้นหรือ 6 เดือนที่ผ่านมากับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของรัฐบาลนายสมัคร ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง นอกเหนือจากการที่ไปนั่งร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ที่สนามหลวง 5 เพลงเท่านั้น" ประธานกลุ่มยามฯภูเก็ต กล่าว และว่า
ในส่วนของการนำกลุ่มพลังมวลชนชาวภูเก็ต เดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯส่วนกลาง เรื่องการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีแน่นอน และคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ กลุ่มฯได้จัดเตรียมรถทัวร์โดยสารไว้แล้ว 4 คัน เพื่อรองรับประชาชนที่ต้องการเดินทางขึ้นไปร่วมกับพันธมิตรฯส่วนกลาง และหากมีประชาชนแจ้งความประสงค์มากกว่าที่นั่งรถที่เตรียมไว้ ก็จะเพิ่มรถได้ทันที ผู้สนใจจะร่วมเดินทางสามารถติดต่อสอบถามเข้ามายังยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ตได้
"เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาที่มีการเดินขบวนครั้งใหญ่ ทางเครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดิน-พันธมิตรฯภูเก็ตเดินทางขึ้นไปร่วมกว่า 1,000 คน และครั้งนี้ก็คาดว่า จะไม่ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันนี้พันธมิตรฯภูเก็ต มีการเดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯส่วนกลางอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่จะเดินทางไปในวันสุดสัปดาห์ และช่วงวันหยุดยาว แต่การเดินทางนั้นส่วนใหญ่จะเดินทางกันไปเองไม่ได้เดินทางไปเป็นกลุ่มใหญ่"
นายณัจรงค์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.ภูเก็ตด้วยว่า ในส่วนของการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวคู่ขนานไปกับพันธมิตรฯส่วนกลางของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต จะยังคงจะต่อไปอย่างต่อเนื่องควบคู่กับเวทีที่ส่วนกลาง หาก 5 แกนนำพันธมิตรยังคงต่อสู้กับระบอบทักษิณและความอยุติธรรมใด ๆ กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ก็จะยืนหยัดเคียงข้างไปตลอด หรืออีกนัยหนึ่ง หาก 5 แกนนำพันธมิตรฯไม่เลิก ยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตก็จะไม่เลิกเคลื่อนไหวเช่นกัน
พธม.กระบี่ร่วมเวทีปราศรัยแน่น
ด้านบรรยากาศการเปิดเวทีใหญ่เมื่อคืนวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมาของพันธมิตรฯกระบี่ ที่บริเวณตลาดโต้รุ่ง ริมเขื่อนเจ้าฟ้า เขตเทศบาลเมืองกระบี่ พบว่ามีกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่ จากอำเภอต่างๆ ทยอยเข้าร่วมกว่า 500 คน โดยการปราศรัยบนเวทีเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น.ซึ่งมีพันธมิตรฯจากส่วนกลางเดินทางมาร่วมปราศรัยด้วย เช่น นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว. อาจารย์อารมณ์ มีชัย และนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายพันธมิตรฯ โดยได้ขึ้นปราศรัยวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหุ่นเชิด ภายใต้การนำของนายสมัคร สลับกับการแสดงดนตรีของนักร้องเพื่อชีวิต และการแสดงกลองยาวจากชาวตลาดเก่า การแสดงมโนราห์ ของกลุ่มพันธมิตรฯเขาพนม
นอกจากนี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวานนี้ (14 ส.ค.) นายวีระ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯกระบี่อีกแห่งหนึ่งที่บริเวณตลาดสดเขาพนม อ.เขาพนม โดยมีประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯในพื้นที่เขาพนมและอำเภอใกล้เคียง เข้าร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากเช่นกัน
นายวีระ กล่าวว่า การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรฯนั้นส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา คือ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งศาลได้ตัดสินให้ติดคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากไม่ยอมเสียภาษี 546 ล้านบาทและล่าสุดศาลได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ จนต้องหลบหนีไปอยู่อังกฤษ
แต่อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อว่าทักษิณ จะวางมือทางการเมือง เพราะสังเกตได้จากการออกแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า "วันนี้ไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนอดทน" นั่น แสดงว่ายังไม่วางมือ ทักษิณจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่าง ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังเฝ้าจับตาอยู่ในขณะนี้
นายวีระ กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ยอมบอกความจริงกับประชาชนกรณีเขาพระวิหาร การที่รัฐบาลอ้างว่าประเทศไทยไม่ได้เสียดินแดนพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ให้แก่กัมพูชา แม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้นฟังดูเหมือนรัฐบาลจะพูดถูก ไทยไม่เสียพื้นที่ตารางเมตรเดียว แต่เสียให้แก่กัมพูชาตั้ง 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่ผ่านมาได้มีการประชุมแก้ไขแผนที่เพิ่มเติมเพื่อที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว แต่ยูเนสโกยังไม่ยอมรับแผนที่แก้ไขเพิ่มเติมของกัมพูชา เพราะฉะนั้นคนไทยจะต้องต่อสู้เพื่อเอาพื้นที่กลับคืนมา
ล่า2หมื่นชื่อถอด"ความจริงวันนี้"
ขณะที่นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก เผยว่า ในฐานะตนเป็นผู้ประสานงานฯขณะนี้ได้เตรียมล่ารายชื่อของประชาชนให้ได้ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อนำไปยื่นให้ช่อง NBT ขอให้ถอดถอนรายการ "ความจริงวันนี้" ที่ออกอากาศในเวลา 22.15 น.ถึงเวลา 23.00 น. เป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ที่ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นรายการที่ยุยงให้ประชาชนเกิดความแตกแยก รวมทั้งทำลายภาพลักษณ์กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยและเป็นรายการที่คอยให้ความช่วยเหลือคนผิด เสนอข้อมูลเท็จโอนเอียงเข้าข้างพรรคพวกเดียวกัน ซึ่งตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 2 หมื่นรายชื่อซึ่งคงต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์แล้วไปยื่นต่อผู้ดูแลสถานีช่อง NBT จ.จันทบุรี
นายสุทธิ กล่าวต่อว่า การที่สื่อของรัฐอย่างช่อง NBT อนุญาตให้พิธีกรในรายการเสนอข้อมูลที่เข้าข้างคนผิด เสนอข้อมูลในด้านที่ไม่ถูกต้อง ไปโจมตีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นต้น ซึ่งในหลักการแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาโจมตี น่าจะพูดถึงระบบที่มีความผิดพลาด ไม่ควรไปพูดถึงบุคคล รวมทั้งเป็นการนำสื่อของรัฐไปช่วยเหลือคนผิด ทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก ทำลายกระบวนการยุติธรรม ที่มีการตัดสินแล้วว่ามีความผิด แต่ก็ยังสร้างข้อสงสัยให้แก่ประชาชนให้เกิดความสับสน
"การกล่าวว่ามีมือที่มองไม่เห็นทำการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้ภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เกิดความเสียหาย ควรพูดในทางที่เสนอแนะไม่ใช่ยกขึ้นมาโจมตีกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ถึง 2 หมื่นรายชื่อ ไปยื่นขอถอดถอนรายการนี้ออกไป โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ด้วยกัน"