โฆษกส่วนตัว “แม้ว” เผยเตรียมใช้ทนายทีมเดิม เดินหน้ายื่นอุทธรณ์คดี “พจมาน” โกงภาษี เชื่อยังมีหวัง เพราะมีบ่อยครั้งที่ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น-ยัน “แม้ว” ยุติบทบาททางการเมืองแล้วจริงๆ แต่ยังพร้อมให้คำปรึกษานักการเมืองเสมอ
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ในรายการ ถามจริง-ตอบตรง ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ถึงกรณีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายบรรพจน์ ดามาพงศ์ และ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 546 ล้านบาทจากหุ้นจำนวน 4.5 ล้านหุ้นซึ่งมีหุ้นมูลค่า 738 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบายอันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91โดยศาลสั่งจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 รวมคนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 จำคุก 2 ปี ว่า เหตุการณ์ในวันนี้ก็เป็นไปตามที่ควรจะเป็น เมื่อมีการตัดสินออกมาแล้วทุกฝ่ายก็เคารพการตัดสินของศาล
แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ยังไม่สิ้นสุด เป็นแค่เพียงศาลชั้นต้น กระบวนการต่อสู้ยังมีต่ออีกทั้งศาลอุทธรณ์ และศาลฏีกา ซึ่งก็เรียกได้ว่ายังมีความหวังอยู่ เพราะมีให้เห็นได้บ่อยครั้งว่าแม้บางกรณีผู้ถูกกล่าวหาจะถูกศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิด แต่ศาลชั้นอุทธรณ์ หรือศาลฎีกาเห็นต่างแล้วยกฟ้อง จนผู้ถูกกล่าวหาพ้นผิดก็มีมากมาย
ต่อคำถามว่า ยังคิดว่า กระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งให้กับตระกูลชินวัตรได้อยู่หรือไม่ นายพงศ์เทพ ตอบเลี่ยงคำถาม ว่า อย่างไรเสียเราก็ต้องหวังอยู่เสมอ ว่า กระบวนการตุลาการจะต้องเป็นที่พึ่งให้กับผู้คนทั่วประเทศ ไม่ใช่เพียงต่อครอบครัวชินวัตรเท่านั้น ส่วนกระบวนการตุลาการเอง ก็ต้องแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้จริงๆ เมื่อถามต่อว่า แล้วโดยส่วนตัวที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ คิดว่าเป็นที่พึ่งได้หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นที่พึ่งได้หรือไม่นั้นตนคงตอบไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครสามารถวัด หรือตัดสินได้
ผู้ดำเนินรายการถามว่า อนาคตจากนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะดำเนินอย่างไรต่อไป หลังคุณหญิงพจมาน ถูกตัดสินเช่นนี้แล้ว นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เรื่องของคดีก็คงดำเนินการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งทนายความก็จะยังเป็นชุดเดิมซึ่งก็จะเร่งรวบรวมเอกสารต่างๆ เพื่อต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป ส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เองนั้นในวันพรุ่งนี้ ก็จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ตามคำเชิญที่องค์กรในญี่ปุ่นเชิญให้ไปช่วยอบรมบุคลากรให้ จากนั้นก็จะเดินทางไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศจีน ตามบัตรเชิญตามที่ได้รับมาส่วนอนาคตในระยะยาวนั้น ก็ต้องยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือรับตำแหน่งใด ๆ ในทางการเมืองอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เจอมาในสมัยอยู่ในแวดวงการเมืองนั้น มันหนักหนาสาหัสมาก จึงจะไม่เข้าไปยุ่งอีก
ต่อคำถามว่า ในเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติบทบาท ทางการเมืองแล้วเหตุใดจึงยังเข้ามาให้คำปรึกษาด้านการเมืองกับนักการเมือง หรือคณะรัฐมนตรีอยู่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังให้คำปรึกษาแก่บุคคลต่างๆ อยู่นั้น ก็เพราะความหวังดีต่อประเทศชาติ และด้วยความที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ที่ดี ซึ่งต้องยอมรับว่า เมื่อตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายก ก็สามารถบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี จึงถือได้ว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้ ความสามารถที่จะให้คำปรึกษาทางด้านการเมืองได้
อีกทั้ง โดยปกติแล้วรัฐบาลชุดไหนก็ต้องอยากทำบริหารประเทศให้ดีที่สุด จึงต้องเสาะแสวงหาที่ปรึกษาที่จะให้คำปรึกษาที่ดีได้ ซึ่งท่านทักษิณเอง ก็มีศักยภาพ ซึ่งขนาดที่ต่างประเทศยังยอมรับ และมาขอคำปรึกษามากมาย ดังนั้น แค่เรื่องให้คำปรึกษา จึงไม่น่าจะใช่บทบาททางการเมือง ส่วนกระแสการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกิดขึ้นนั้น ตนคิดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการอยู่ในประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นเรื่องธรรมดา ที่คนๆ หนึ่งจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ อย่างตัวท่านทักษิณเอง ก็มีคนรักท่านเยอะ แล้วก็ไม่ชอบท่านอยู่บ้างบางส่วน ดังนั้นจึงอยากบอกไปยังคนที่ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า ถึงแม้จะไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ มากเพียงใด แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนไทยและมีสิทธ์ที่จะอยู่ในประเทศไทยได้
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการถามถึงเรื่องของการปรับ ครม.ใหม่ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความเห็นว่าอย่างไร นายพงศ์เทพ ตนไม่ทราบเพราะยังไม่เคยคุยกันในเรื่องนี้ และเท่าที่คุยกันล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทราบรายชื่อรัฐมนตรีคนใหม่เพียงคนเดียวคือ นายเตช บุนนาค รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชื่นชมและเห็นดีด้วย เนื่องจากนายเตช เป็นคนเก่งและมีประสบการณ์คนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถบริหารงานในกระทรวงต่างประเทศได้เป็นอย่างดี