อนาถ! ตร.ตกใจ “ถ่อย” ไล่ตีพันธมิตรฯ ถ่ายภาพหลักฐานได้แค่กระจึ๋งเดียว

ผบช.ตร.ภาค 4 เข้าแจง กมธ.วุฒิฯ เหตุม็อบถ่อยไล่ตีพันธมิตรฯ อุดรธานี โยนผิดพันธมิตรฯ ยั่วยุ ใส่เสื้อ “นักรบอุดร” แถมนำภาพวิดีโอประกอบแค่กระจึ๋งเดียว อ้างตำรวจตกใจถ่ายภาพได้น้อย “สมชาย แสวงการ” ฉุนสั่งฉายวีดีโอที่ได้รับมาเอง เพื่อน ส.ว.ถึงกับอึ้ง ยันไม่ใช่ “ปะทะ” แต่รุมตีฝ่ายเดียว จี้เพิ่มข้อหาพยายามฆ่า-ทำลายทรัพย์สิน ด้านผู้ว่าฯ ปัดเสียงสั่นไม่รู้จัก “ขวัญชัย” ยันไม่หนุนม็อบอันธพาล

ที่รัฐสภา วันนี้ (31ก.ค.) 3 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วุฒิสภา ประกอบด้วย กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค กมธ.พัฒนาการเมือง และ กมธ.ยุติธรรมและการตำรวจ ได้ประชุมพิจารณากรณีกลุ่มคนรักอุดรจงใจรุมร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ จ.อุดรธานี โดยได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง

นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสื่อบางสื่อทำให้ตนได้รับความเสียหาย และรันทดใจมาก ทั้งที่ถ้าใครรู้จักตนจะรู้ว่าเป็นคนมุ่งมั่นละเอียดรอบคอบมีการประชุม และติดตามปัญหาการชุมนุมของประชาชนมาตลอดตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.2549 ที่กลุ่มพันธมิตรฯได้รวมตัวชุมนุมและเกิดกลุ่มคนรักอุดรขึ้น ทั้งนี้ ก่อนการชุมนุมมีกลุ่มคนขอใช้สถานที่อยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกขอใช้พื้นที่ล่วงหน้า 2 วัน ส่วนอีกกลุ่มขอใช้พื้นที่ก่อนการชุมนุมเพียง 2-3 ชั่วโมง คือ 11.30 น. ของวันที่ 24 ก.ค. ขอยืนยันว่าตนไม่เคยปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

ทั้งนี้ ตนได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯอุดร ต่อจากนายจารึก ปริญญาพล เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำนายขวัญชัย สาระคำ แกนนำกลุ่มคนรักอุดร มาช่วยงานหน้าห้อง จนถูกเรียกว่าเป็นรองผู้ว่าฯ คนที่สี่ แต่ต้องขอขอบคุณนายจารึกที่ได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นคนเชิญนายขวัญชัยมาช่วยงาน ส่วนตนไม่ได้รู้จักกับนายขวัญชัยเป็นการส่วนตัว มาเจอกันตอนที่ตนมาเป็นผู้ว่าฯ ที่นี่ ยืนยันว่าไม่มีใครสามารถสั่งหรือบังคับใจตนได้ ตนมีเวลาอีกเพียง 2 เดือนก็จะเกษียณอายุราชการ แต่กลับถูกล่าวหา จนทำให้ลูกเมียญาติพี่น้องออกมาต่อว่าว่าทำไมไม่ออกมาแก้ข่าวแต่ตนไม่มีเวลาจะไปตอบโต้ใคร

“วันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ผมถูกกลุ่มพันธมิตรฯประณาม ขณะที่กระแสสังคมรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกลุ่มคนรักอุดร ก็รวมตัวกันขับไล่ผม ถ้าผมเป็นพวกเดียวกับกลุ่มคนรักอุดร แล้วเขาจะมาขับไล่ผมทำไม เอเอสทีวีก็ลงข่าวผมเสียหายโดยไม่มีการขอโทษ ผมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงแต่อย่างใด ผมขอประณามคนที่ทำเรื่องนี้” นายสุพจน์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

พล.ต.ท.วุฒิ วิฑิตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงเกินกว่าที่กำลังตำรวจจังหวัดจะรับไหวในฐานะที่รับผิดชอบตำรวจ 11 จังหวัดในภาคอีสานไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามขอกำลังสนับสนุนจากส่วนต่างๆ เพื่อมาควบคุมสถานการณ์ และพยายามบันทึกเหตุการณ์ไว้ แต่ปรากฏว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ตำรวจที่มีวิดีโอเกิดอาการตื่นเต้น ตกใจจึงถ่ายภาพได้น้อย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้เรียกตำรวจที่ยืนเฉยๆ อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวนแล้ว

พล.ต.ท.วุฒิ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อได้เข้ามาบริเวณหนองประจักษ์แล้วได้เตรียมเสื้อที่เขียนข้อความว่า “นักรบอุดรธานี” มาสวมแทน ถามว่าทำอย่างนี้เหมาะหรือไม่ ถือว่าเป็นการยั่วยุอย่างหนึ่ง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นต้องยอมรับว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีการตีกันเป็นจุดๆ ตำรวจระงับเหตุไม่ทัน หลายคนเป็นตำรวจบ้านนอก จึงยืนเซ่อๆ ซ่าๆ เข้าไปห้ามก็ไม่รู้จะห้ามใคร กลายเป็นเหมือนปล่อยให้มีการทำร้ายกัน แต่ตนได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ อุดรธานี เพื่อให้ติดตามคนกระทำความผิดมาลงโทษอย่างเด็ดขาด

จากนั้น พล.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี แจงว่า ได้รับทราบข้อมูลก่อนการชุมนุมของทั้งสองกลุ่ม 1 วัน จึงได้ไปพบนายขวัญชัย เพื่อเจรจาในฐานะเจ้าบ้านอย่าเคลื่อนกำลังไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ปรากฏว่าเวลา 12.00 น.ของวันที่ 24 ก.ค.กลุ่มคนรักอุดร ได้เข้าไปใกล้กับบริเวณที่กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุม

ต่อมา พ.ต.อ.ภัทราวุธ เอี่ยมศศิธร รอง ผบก.ตร.ภ.จว.อุดรธานี ได้ชี้แจงถึงการจัดวางกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยในวันดังกล่าวพร้อมกับฉายวิดีโอภาพเหตุการณ์ที่บันทึกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปรากฏว่ามีการบันทึกเหตุการณ์ไว้สั้นมาก ทำให้นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ประธานที่ประชุม สั่งให้เจ้าหน้าที่เปิดวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่ได้รับมา ซึ่งมีการบันทึกภาพตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่เผชิญหน้ากัน จนกลุ่มพันธมิตรฯ ถูกทำร้าย ทำให้กมธ.ทั้งสามคณะที่นั่งอยู่ถึงกับอึ้งกับภาพที่ปรากฏ และอภิปรายว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปะทะกันแต่เป็นการรุมตีฝ่ายเดียว การที่ตำรวจสรุปว่าเมื่อเกิดเหตุรุนแรงขึ้นต่องผิดทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ถูกต้อง แต่ พล.ต.ท.วุฒิยังยืนยันว่า การสวมเสื้อนักรบอุดรฯ ของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นเป็นการยั่วยุ ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา อภิปรายตอบโต้ว่า เพียงแค่การสวมเสื้อแล้วมาสรุปว่ายั่วยุ ทำไมตำรวจไม่มองว่าอีกฝ่ายถือไม้และอาวุธจำนวนมากพยายามบุกเข้าไปรุมทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะที่ กมธ.หลายคนไม่พอใจในการวางมาตรการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนกับปล่อยให้เกิดการปะทะกันง่ายเกินไป

นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนลงไปในพื้นที่ และเท่าที่ดูภาพวิดีโอแล้ว อยากถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่จับกลุ่มคนรักอุดรฯ ตรงนั้นเลย ปล่อยให้บุกเข้าไปตีพันธมิตรฯ และเมื่อรู้อยู่ว่ากลุ่มดังกล่าวจะเคลื่อนการชุมนุมทำไมไม่ปลดอาวุธ ถ้าตั้งใจจริงโยนลวดหนามขวางไว้ก็ไม่มีใครบุกเข้าตีกันได้แล้ว นอกจากนี้อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูคดีนี้ต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มว่าพยายามฆ่า และข้อหาทำให้ทรัพย์สินเสียหาย แต่ถ้าตำรวจเพิกเฉยเช่นนี้ก็จะทำให้สถาบันของตำรวจถูกมองไม่ดี แล้วจะอยู่ได้อย่างไร

นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในเมื่อวิทยุชุมชนละเมิดสิทธิของคนอื่น และจัดรายการหมิ่นประมาท และยั่วยุปลุกเร้าให้เกิดการปะทะกัน เช่นนี้ควรจะระงับสถานีวิทยุชุมชนคลื่นดังกล่าวไว้ก่อน ตนเชื่อว่าอีก 2 สัปดาห์ก็จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่แจกในที่ประชุมระบุว่า กลุ่มคนรักอุดรฯ โดยนายขวัญชัย ได้ทำหนังสือถึงนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ขอใช้พื้นที่ชุมนุมลงวันที่ 22 ก.ค. ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ โดยนาย เจริญ หมู่ขจรพันธ์ได้ทำหนังสือขอใช้พื้นที่ลงวันที่ 24 ก.ค. เวลา 11.30 น.

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค.นั้น กลุ่มคนรักอุดรได้จัดชุมนุมกันที่บริเวณทุ่งศรีเมือง จนเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ได้ยกพวกประมาณ 700 คนพร้อมด้วยอาวุธ เช่น ไม้หน้าสาม เหล็กแป๊ป ขวาน กระบอง ออกจากทุ่งศรีเมือง ไปยังสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม สถานที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งขณะนั้นฝ่ายพันธมิตรฯ อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเวที แต่กลุ่มคนรักอุดรได้ฝ่าด่านสกัดของตำรวจเข้าไปอย่างง่ายดาย และใช้อาวุธที่เตรียมมาไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ จนได้รับบาดเจ็บประมาณ 20 คน สาหัส 3 คน และมีกระแสข่าวว่าอาจมีผู้เสียชีวิตด้วย



คลิกชมคลิปวิดีโอลิ่วล้อ"สัตว์นรก"สุดเถื่อน ไล่ขย้ำทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ