“สุริยะใส” เตือน “7 วันอันตราย” ชี้ชะตา “รัฐบาลโจร” วอน “พันธมิตรฯ-ปชช.” ร่วมออกมาแสดงพลังขับไล่ “คณะรัฐบาลหน้าหนา” ยันเดินหน้ายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิด “เป็ดเหลิม-ขรก.” กรณี “ม็อบถ่อยอุดรฯ” ชี้ปรับ ครม.หาก “ประวิตร” ได้นั่ง รมว.กลาโหม ถือว่าทหารจับมือกับรัฐบาล
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ ( 30 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ต่อจากนี้ไปถือว่าเป็น 7 วันอันตราย เราพันธมิตรฯ ต้องรู้เท่าทัน เพราะขนาดศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้อง 3 รมต.กรณีหวยบนดิน แต่ 3 รมต.กลับดื้อแพ่ง ไม่ยอมยุติการทำหน้าที่ โดยระบุว่า คตส.ไม่มีอำนาจชี้มูล ทั้งๆ ศาลตีความแล้วว่ามีอำนาจ แล้วเขาก็เตรียมที่จะส่งเรื่องไปกฤษฎีกา ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษารัฐบาล แต่ไม่มีอำนาจชี้ขาด ซึ่งเป็นการยื้อเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ พอหลังจากนั้น เข้าก็จะส่งไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้ขาดอีกครั้ง ดังนั้น 3 รมต.จึงไม่มีทางที่จะออกจากตำแหน่งในขณะนี้ และจะยื้อไปอีกนาน
ส่วนกรณีที่เราเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นถอดถอน ส.ว. และ ส.ส.กรณียื่นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะวุฒิสภาสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปส่งเรื่องดังกล่าวที่ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ยังมีมติตั้งคณะอนุกรรมการสอบกรณีกลุ่มคนรักอุดรฯ ไล่ตีพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรฯ โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานสอบผู้ว่าราชการจังหวัด และผบก.อุดรฯ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าพันธมิตรฯ อุดรฯ จะได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน
“กรณีดังกล่าว ถือว่า ป.ป.ช.ไวต่อสถานการณ์ความรุนแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดี และเราต้องเอาผิดกับคนที่ลงมือด้วย ฉะนั้นพรุ่งนี้ 14.00 น. ตนและคนเจ็บจาก จ.อุดรฯ จะไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิด รมว.มหาดไทย และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายความรวมไปถึง จ.มหาสารคาม และจังหวัดอื่นๆ ด้วย”นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าในวันนี้ เราจะได้รับข่าวดี เพราะคาดว่าศาลจะลงมติรับฟ้องกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกรณีธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้กับประเทศพม่า 4,000 ล้านบาท โดยเงินก้อนดังกล่าวเกิดขึ้นในรัฐบาลขิ่นยุ่น ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรับผิดชอบ เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างประเทศ และในประเทศพม่า จนเป็นเหตุให้มีการยึดอำนาจในประเทศพม่า และพยานปากเอกของคดีนี้ก็คือ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่า นายบวรศักดิ์ จะถ่ายบาปได้หรือไม่
“ส่วนกรณีที่มีหลายคนวิเคราะห์กันว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้น เพราะศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษากรณีคุณหญิงพจมาน แลพี่ชาย กรณีเลี่ยงภาษีหุ้น ซึ่งโทษเบาสุดคือ ไม่มีเจตนา เพราะคุณหญิงพจมาน ได้พยายามยื่นเอกสารที่ให้กับศาลว่าไม่ได้จงใจ หมายความว่าถ้าศาลตัดสินเบาสุดคือ ไม่ติดคุก แต่คุณหญิงพจมาน ต้องจ่ายเงินคืนให้แก่รัฐ แต่ถ้าต้องรับโทษหนักสุดก็คือ ในวันที่ 30 ก.ค.นี้ หากถ้าศาลเห็นว่ามีเจตนาว่าสมรู้ร่วมคิดที่จะเลี่ยงภาษี ก็จะติดคุกทันที พร้อมด้วยเจ้าที่สรรพากร จึงไม่แปลกที่เขาจะขอไปต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่กลับมา เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องติดคุก จึงต้องอยู่ต่างประเทศเอาไว้ก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนมวลชนที่รับใช้ระบอบทักษิณ หลั่งไหลกันเข้ามาใน 2-3 วันนี้”ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว
ส่วนมีข่าวเกี่ยวกับเหตุผลที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ลาออกจากรัฐบาลนั้น นายสุริยะใส วิเคราะห์ว่า เป็นเพราะมีแนวโน้มที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลภายใน 2-3 วันนี้ รวมทั้ง ป.ป.ช.จะชี้มูลกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งจะทำให้ ครม.ทั้งคณะ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที เพราะเรื่องนี้ทำให้ไทยเสียดินแดน และเสียประโยชน์ ดังนั้นสิ่งที่เราทำทั้งหมดคือ เราต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ เพราะเลือดรักชาติของเราแรง บ้านเมืองนี้มีคนดีอยู่ และไม่ต้องไปรอว่าพรรคชาติไทยจะถอนตัวตามไป เพราะตนยังเชื่อว่าความยุติธรรมของบ้านเมืองกำลังทำงาน ฉะนั้นเราอย่าไปกดดัน และให้โอกาสเขา
“การปรับ ครม.ในครั้งนี้นั้น แหล่งข่าวยืนยันว่า นายกฯ ส่งรายชื่อ ครม.ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่นายสุวิทย์ ประกาศถอนตัวก่อน ส่งผลให้นายบรรหาร เกิดอาการช็อค และถึงแม้ว่าจะมี ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน จะออกมาระบุว่า นายสุวิทย์ ไม่เคยปรึกษาหารือ แต่ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกแล้ว และการปรับ ครม.ครั้งใหม่ ไม่มีชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อยู่ใน ครม.ชุดใหม่ รวมทั้งนายธีระชัย แสนแก้ว ก็ไม่มีรายชื่อในโผ ครม.นั้น เนื่องจากน้องชายนำคนไปทำร้ายพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรฯ โดยตอนแรกมีการคาดการณ์กันว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะสลับตำแหน่งกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ แต่ ร.ต.อ.เฉลิม กลับไม่มีรายชื่อ เพราะทำให้รัฐบาลตกเป็นสายล่อฟ้า”นายสุริยะใส กล่าว
ส่วนแผนการขั้นต่อไปของรัฐบาลคืออะไรนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า น่าจะพุ่งเป้าไปที่กองทัพ และหน่วยงานความมั่นคง โดยกองทัพนิ่งเงียบมานาน แต่เราต้องไม่ลืมว่าในวิกฤตทุกครั้ง กองทัพจะเข้าควบคุมสถานการณ์ จึงมีรายชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ จะไปนั่งเป็น รมว.มหาดไทย แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่กล้า และถอนตัวไปแล้ว ในขณะที่ พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ยืนยันที่จะไปนั่งเป็นรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย แทน ร.ต.อ.เฉลิม ฉะนั้นถ้าโผ ครม.ออกมามีชื่อของ พล.อ.ประวิตร เป็น รมว.กลาโหม นั่นหมายความว่า กองทัพจับมือกับรัฐบาล แต่ถ้าไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร นั่นแสดงว่ากองทัพไม่เอาด้วยกับรัฐบาล
“ที่สำคัญนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ เฝ้าดูเรื่องการยื่นขอคัดค้านให้เราย้ายที่ชุมนุม เพราะเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการได้ไปร้องต่อศาล ซึ่งเราต้องภาวนาให้ความยุติธรรมของบ้านเมืองนี้ยังมีอยู่ แต่ตนเชื่อว่าคำร้องของเราที่คัดค้านกรณีดังกล่าว จะไปจบลงที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง ดังนั้นเราต้องคอยลุ้นกันว่า ผลจะอออกมาเป็นอย่างไร เพราะถ้ามีคำสั่งออกมาจริง เราก็คงต้องมีการปรับที่ปรับทางในการชุมนุม ดังนั้นขอให้พี่น้องที่มาชุมนุมใน 7 วันอันตราย อย่ากลับบ้าน เพราะตนเชื่อว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของการชุมนุมแล้วจริงๆ”นายสุริยะใส กล่าว