อดีตแกนนำ “ม็อบไข่แม้ว” เดินเกมทำลายเครดิต “สนธิ” อ้างการกระทำผิดยิ่งกว่า “ดา ตอปิโด” แปลกใจ ตร.ให้ประกันตัว พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินคดี เผยแพร่ข้อความหมิ่นเบื้องสูง กับ ASTV และ เคเบิ้ล ทุกแห่งที่ผ่านถอดสดเวทีพันธมิตรฯ – ยังไม่เลิกเหน็บ ป.ป.ช. และ กกต.ว่ามีที่มาไม่ชอบ ต้องยุติบทบาทโดยเร็ว
วันนี้ (24 ก.ค.) รายการความจริงวันนี้ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน
เนื้อหาหลักในรายการ เป็นการนำเอาข้อมูลที่กล่าวไว้แล้วทาง PTV เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาโดยเน้นไปที่เรื่องของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ในคดีนำคำกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปิโด” ที่ปราศรัยบริเวณท้องสนามหลวง ไปกล่าวซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ไม่เห็นด้วยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ใช้บรรทัดฐานเดียวกับคดีของ น.ส.ดารณี เพราะที่นายสนธิพูดนั้นมีการถ่ายทอดสัญญาณผ่านสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี จึงน่าจะดำเนินการเอาผิดกับสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ที่เผยแพร่คำพูดพาดพิงสถาบันเบื้องสูงของนายสนธิ รวมถึงเคเบิ้ลท้องถิ่นต่างๆ ที่รับช่วงสัญญาณ ของเอเอสทีวีไป ก็ต้องถือเป็นความผิดตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเคยกล่าวไว้ด้วย
นอกจากนี้ ยังกล่าวดิสเครดิต นายสนธิ ทุกรูปแบบ ทั้งการนำคดีเก่าๆ ที่ นายสนธิ กำลังต่อสู้คดีในข้อหาหมิ่นประมาทมากล่าวอ้าง ว่านายสนธิ ทำผิดมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ยอมปรับปรุงตัว ขึ้นเวทีกล่าวหมิ่นประมาท และพาดพิงเบื้องสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คำกล่าวหาดังกล่าวถือว่าบิดบเอนจากข้อเท็จจริง เพราะกรณ๊ที่ นายสนธิ ถูกแจ้งความในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น เห็นได้ชัดว่าเป้นการจงใจกลั่นแกล้งของคนในระบอบทักษิณ เช่น กรณที่ไปแจ้งจับนายสนธิที่จังหวัดยโสธรนั้น ได้นำเอาคำกล่าวของนายสนธิที่พูดถึงพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ปฏิบัติต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างไม่เหมาะสม เช่น การซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งนายกฯ ก่อนที่จะซื้อเครื่องบินพระที่นั่งลำใหม่ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ตำรวจลิ่วล้อระบอบทักษิณกลับไปบิดเบือนกล่าวหาว่านายสนธิหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวถึงการเดินทางไปมอบตัวของนายสนธิ ในวันนี้ด้วยว่า การเดินทางไปมอบตัวของนายสนธิ ไม่เหมือนกับเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่วางมาดเหมือนเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ในหนังฮ่องกง เพราะมีการ์ดกว่า 50 คน และมีผู้สนับสนุนจำนวนมากล้อมหน้าล้อมหลัง โดยไม่ได้มีทีท่าในการสำนึกผิด อย่างที่ผู้ต้องหาควรจะมีเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการไม่ได้อธิบายว่า คดีนี้นายสนธิยืนยันว่าไม่มีความผิด และเห็นได้ชัดเจนว่าการแจ้งข้อกล่าวหานี้เป็นการจงใจกลั่นแกล้ง เนื่องจากเร่งออกหมายจับภายในไม่กี่วัน เมื่อเทียบกับคดีของ นายจักรภพ เพ็ญแข และการพูดของนายสนธินั้นเป้นการสรุปสิ่งที่นางดารณีพูดสั้นๆ เพื่อที่จะบอกว่ามีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเรียกร้องให้ตำรวจเร่งดำเนินคดี ดังนั้นโดยเจตนาการพูดของ นายสนธิ จึงไมได้แสดงการอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง จึงไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ตามที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวย้ำว่า ป.ป.ช.มีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้ง กกต.เนื่องจากไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงไม่สง่างามในการดำรงตำแหน่ง ควรยุติบทบาทในทันที และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวว่าขอเป็นผู้ปิดรายการด้วยตัวเอง เพราะตนอยากถามไปยังผู้ชมรายการ ด้วยคำถามแบบเหน็บแนมและเล่นลิ้นว่า “การขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร ไปขึ้นกับยูเนสโก แล้วถ้าจะขึ้นทะเบียนเผด็จการให้ กกต. และ ป.ป.ช. จะไปขึ้นได้ที่ไหน”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฝ่ายรัฐบาล จะออกมาบอกว่า รายการ “ความจริงวันนี้” ไม่ใช่รายการที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล นำมาตอบโต้กับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มที่ต้องการโค้นล้มรัฐบาลแต่จากการจัดรายการมาแล้ว 4 วัน พบว่า เนื้อหาในรายการผู้ดำเนินรายการได้กล่าวโจมตี กลุ่มพันธมิตรฯ และ เรียกร้องให้ ป.ป.ช.และ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรที่กำลังตรวจสอบรัฐบาล ให้ลาออก อย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับกระแสข่าวที่มีมาก่อนหน้านี้ว่าการจัดรายการ “ความจริงวันนี้” เป็นเพราะรัฐบาลต้องการที่จะมีกระบอกเสียงสำหรับสร้างความชอบธรรมให้กับการเดินเกมทางการเมืองของรัฐบาล เนื่องจากรายการที่มีอยู่เดิม บางส่วนรัฐบาลไม่สามารถสั่งการได้ ขณะที่ พีทีวี ก็ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชน ขณะที่ภารกิจเร่งด่วนขณะนี้ คือ ต้องหาทางเอาตัวรอดจากการตรวจสอบขององค์กรอิสระได้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องด่วน คือ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาดำเนินคดีและถอดถอน ครม.ทั้งคณะกรณีจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องเขาพระวิหาร และอยู่ระหว่างตรวจสอบการทุจริตของรัฐมนตรีหลายคน นอกจากนี้ กกต.ก็อยู่ระหว่างพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน หลังจากที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกศาลฎีกาตัดสินให้ใบแดงจากกรณีการทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย ดังนั้น รัฐบาลจึงมุ่งไปที่การทำลายองคืกรอิสระต่างๆ ที่กำลังวตวจสอบรัฐบาล และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ทั้งเรื่องมาตรา 190 เรื่องยุบพรรค และช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากความผิด