ผู้จัดการรายวัน - คำพูด “สมัคร” ไร้ความน่าเชื่อถือซ้ำซาก ล่าสุดไม่กล้าออกจอ NBT ตามที่สำรากไว้ ส่งสมุนแถลงแก้ตัวต้องเปลี่ยนแผนเพราะติดสัญญาเอกชน เผยแผนใหม่ให้ "ไข่ดำ-วีระ" นำทีม PTV ออกมาพล่ามแทน เขี่ยทิ้งรายการข่าวหน้า 4 ของ "พญาไม้" ยอมรับต้องตั้งป้อมสู้ ASTV เพราะกลัวพังเหมือนรัฐบาลแม้ว ปชป. เตือนขัด รธน. ชี้การดึง PTV ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของ นปก.เข้ามาจัดรายการสถานีโทรทัศน์ของรัฐตอบโต้พันธมิตรฯ เหมือนรัฐบาลอยู่เบื้องหลังแก๊งป่วนเมืองกลุ่มนี้
หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวผ่านรายการ "สนทนาประสาสมัคร" จะใช้สถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ ตอบโต้ประเด็นการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00 น. ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) แถลงว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ ประสานกับสถานีโทรทัศน์ NBT และ สถานีโทรทัศน์ TPBS เพื่อขอรายการชี้แจงการทำงานของรัฐบาล ที่เกิดจากการโจมตี ลดความน่าเชื่อถือเพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV และบุคคลอื่นๆ
แถลงแก้ตัวใช้ทีม PTV ยึดจอ NBT
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าความเป็นมาของเรื่องนี้เกิดจากการปรึกษาหารือกันของ ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่จัดรายการ คุยนอกทำเนียบฯ ทางสถานีวิทยุ กระจายเสียงแห่งประเทศไทยทุกวันเสาร์ เวลา 11.00-12.00 น.มีประชาชน ให้ความสนใจพอสมควรจึงคิดว่าน่าจะขยายการจัดรายการมาเป็นในรูปแบบของ รายการโทรทัศน์ เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยอาจจะ เชิญกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหาถูกโจมตีและตกเป็นเป้าหมายในการโค่นล้มทำลาย ของฝ่ายที่เคลื่อนไหว ได้มีโอกาสมาชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนด้วย
"เมื่อรายงานให้นายกฯ ทราบท่านก็เห็นชอบด้วย และได้มอบให้ทีมงานโฆษกรัฐบาล ไปประสานกับสถานีโทรทัศน์ทั้ง 2 โดยนายกฯบอกว่าถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ออกอากาศในวันจันทร์นี้เลย เวลา 22.00 น."
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จากการประสานงานไปยังสถานีโทรทัศน์ NBT พบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวยังมีสัญญาเกี่ยวข้องผูกพันกับบริษัทภาคเอกชน (นิวไทม์ เทเลวิชั่น) ที่ทำสัญญาเช่าเวลาร่วมผลิตรายการกับทางสถานีมาก่อน ซึ่งสถานีได้ประสานงานสอบถามไปยังบริษัทเอกชนผู้ร่วมผลิตรายการได้รับคำตอบว่า ยังยืนยันที่จะผลิตรายการต่อไปในวันและเวลาดังกล่าว
"เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินการของ NBT และภาคเอกชนดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจยุติการดำเนินการเพื่อออกอากาศในวันจันทร์นี้ไปก่อน แต่ยังคงแนวคิดที่จะดำเนินรายการดังกล่าวจาก NBT และ TPBS อยู่แต่จะต้องประสานกับทั้ง 2 สถานีว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องเวลาเมื่อใด และให้เริ่มต้นเมื่อใด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเสนอให้ไปออกรายการที่ช่อง PTV หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะต้องหารือในทีมงานของโฆษกประจำสำนักนายกฯ และนำเรียนนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในทางปฎิบัติเป็นไปได้ยาก
ส่วนเหตุที่ต้องยุติรายการนี้ เพราะหลายฝ่ายคัดค้านเกรงว่าจะย้อนรอยรายการวิทยุยานเกราะ เมื่อปี 2519 ที่นำมาสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าไม่มี โดยอ้างว่ารายการจะเน้นการนำเสนอสาระที่เป็นแนวคิด นโยบายและผลงานของรัฐบาล การที่จะโจมตีหักล้างทางการเมือง คงเป็นเรื่องการดำเนินการอีกวาระหนึ่ง ซึ่งชั้นนี้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ มีความคิดคงจะเพิ่มความถี่ของการแถลงข่าวในประเด็นทางด้านการเมืองให้มากขึ้น ซึ่งจะใช้เวทีตรงนี้ แต่ไม่คิดที่จะใส่ไปในเนื้อรายการที่จะดำเนินแต่อย่างใด
กลัวล้มเหมือน "แม้ว" จึงต้องโต้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัคร ระบุชัดเจนว่ารายการนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโต้ ทางการเมือง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สังคมอยู่กันได้ด้วยความชอบธรรมและเป็นธรรม รัฐบาลชุดนี้มาจากประชาชนทั่วประเทศและกำลังถูกกระทำ รุกรานโจมตีหลายวิธีการ รัฐบาลจึงต้องปกป้องเสถียรภาพให้สามารถทำงานเดินหน้าไปได้ และปกป้องวิจารณญาณของประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้ความไว้วางใจรัฐบาลมาเช่นกัน ซึ่งระยะนี้รูปธรรมที่จะเป็นผล คือการเพิ่มความถี่การแถลงข่าวของทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯในประเด็นทางการเมืองให้มากขึ้นและมีความครอบคลุมในประเด็นต่างๆที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งจะนำเสนอด้วยเหตุผลมากขึ้น
"เราเคยมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพมากกว่ารัฐบาลนี้ แต่เมื่อโดนบุคคลกลุ่มเดียวกันในช่องทางสื่อลักษณะเดียวกันโจมตี รัฐบาลที่เข้มแข็งดังกลบ่าวก็สูญเสียเสถียรภาพจนนำมาซึ่งการรัฐประหาร เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนจากรัฐบาลชัดก่อนยึดอำนาจที่เราจะต้องดำเนินการให้สามารถทงานแก้ปัญหาให้ประชาชนและเดินไปข้างหน้าได้ต่อไป"
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า นายสมัคร และคณะรัฐมนตรีมีโอกาสที่จะใช้ช่องทางสื่อสาร มากมายในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่ไว้วางใจสื่อและเลือกที่จะจัดรายการวันอาทิตย์ ส่วนรัฐมนตรีที่มีปัญหาก็ไม่แถลงชี้แจง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ นายกรัฐมนตรีพบสื่อมวลชนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะพูดหลายประเด็นที่เคลื่อนไหวตลอด ในรอบสัปดาห์ ถือว่าได้สรุปมุมมอง ความเห็นและชี้แจงไปแล้วในคราวเดียว ขณะเดียวกันเชื่อว่าหลังจากนี้ไป ครม.หลายๆ กระทรวง ที่ตกเป็นเป้ามาในโจมตี ของฝ่ายตรงข้ามจะเพิ่มความถี่การชี้แจงอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น
ปัดพัลวัน "สมัคร" พูดจาไม่น่าเชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่านายสมัครพูดว่าจะมีรายการตอบโต้พันธมิตรฯ แต่สุดท้ายก็ยกเลิก และหลายครั้งที่ผ่านมาคำพูดของนายกรัฐมนตรีก็เป็นเช่นนี้ คือพูดแล้วก็ทำไม่ได้ทำให้คำพูดไม่น่าเชื่อถือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้รับการชี้แจงจากพวกตนและได้มอบหมายว่าหากวันนี้ทำได้ก็ทำเลย แต่เมื่อมีข้อจำกัดดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ไม่น่าเกี่ยวกับว่านายกรัฐมนตรีจะหมดความน่าเชื่อถือ
ส่วนสถานการณ์สื่อของรัฐวันนี้กับสื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้ามใครได้เปรียบ เสียเปรียบ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราอย่าไปชั่งน้ำหนักของการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เรามองว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามใช้ช่องทางที่เรียกว่าสื่อสารมวลชนเพื่อเป้าประสงค์ใดมากกว่า ในขณะที่รัฐบาลพยายามใช้ช่องทางในการนำเสนอแนวคิด ผลงานนโยบายผ่านสื่อไปสู่พี่น้องประชาชน โดยการถ่ายทอดสดต่างๆ นี่คือวิธีการใช้สื่อของรัฐบาล แต่ตั้งแต่ที่พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งมาก็มีกลุ่มบุคคลพยายามใช้ช่องทางสื่อสารมวลชนทำลายความน่าเชื่อถือ และเสถียรภาพโดยมีความมุ่งหมายสุดท้ายคือการโค่นล้มรัฐบาลนี้ไปให้ได้ วันนี้มีคนใช้ช่องทางผ่านสื่อสารมวลชนที่ผิดปกติ ขาดความชอบธรรมและขาดความรับผิดชอบต่อกระบวนการประชาธิปไตยที่ได้ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ให้มาบริหารบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า รายการ "สนทนาประสาสมัคร" นายกรัฐมนตรี ใช้เวลานี้โจมตีฝ่ายต่างๆ มากกว่าอธิบายผลงานของรัฐบาล นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากมองด้วยใจที่เป็นกลางและให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะเห็นว่า ตลอดเวลาที่นายกรัฐมนตรีพูดหรือแสดงความเห็นผ่านรายการนั้น ไม่ได้เป็นคนเริ่มหรือเปิดประเด็นหรือจู่ๆ หยิบยกประเด็นใดขึ้นมาโจมตีให้ร้ายฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เพียงแต่ตลอดสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นผู้ถูกกระทำจากประเด็นต่างๆในสังคมผ่านสื่อมวลชนมาตลอด ฉะนั้นการชี้แจงมันก็มีทั้งเหตุผลและการหักล้างทางการเมือง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเอาไว้
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะรื้อฟื้นรายการ "นายกฯ พบสื่อมวลชน" นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
"วีระ" ยก PTV เสียบแทน "ข่าวหน้า 4"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายณัฐวุฒิ ได้เดินมาคุยกับสื่อมวลชน ซึ่งนักข่าวบางคนเสนอว่าทำไมรัฐบาลไม่ไปออกรายการ ข่าวหน้า 4 ที่ออกอากาศอยู่แล้ว เพราะก็เป็นเวทีที่ชี้แจงได้ ซึ่งนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทราบว่าบริษัทเอกชนที่ร่วมผลิตรายการกับเอ็นบีทีจะปรับรูปแบบรายการเดิม โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็น ชาวสนามหลวง เนื้อหาเป็นแบบ การพูดคุยข่าวสารบ้านเมือง รูปแบบต่างๆและอาจมีการเชิญแขกรับเชิญเข้ามาร่วมโดยมี นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ นปก.และประธานบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ หรือ PTV มาเป็นพิธีกรรายการนี้ คาดว่าในคืนนี้ (21 ก.ค.)จะเป็นการออกอากาศเป็นวันแรก จะมีผู้ร่วมรายการคือ ตน และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรพลังประชาชน อดีตแกนนำ นปก.และในอนาคตก็อาจจะเชิญรัฐมนตรีที่นายวีระมีความสนิทสนมมาออกรายการด้วยก็เป็นได้
"อภิสิทธิ์" เตือนสติทำขัดรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า NBT เป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ไม่ควรใช้เป็น เครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด การดำเนินการเช่นนี้ถือว่า ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลชุดนี้ชอบพูดเสมอว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีมาก ซึ่งหลักการใหญ่ของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวคือ สถานีของรัฐไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล
ส่วนที่นายกรัฐมนตรียังขอเวลาจากสถานีโทรทัศน์ TPBS อีกหนึ่งชั่วโมง โดยอ้างว่ารัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณปีละกว่า 2,000 ล้านบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานีโทรทัศน์ TPBS ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ การที่รัฐอุดหนุนงบประมาณให้กับสถานีนี้ ไม่ใช่เงินของรัฐบาลหรือของนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีอีก 35 คน แต่เป็นเงินภาษีของประชาชนทุกคน และต้องถามว่าประชาชนที่เสียภาษีสามารถไปขอใช้เวลาอย่างนี้บ้าง ได้หรือไม่ สถานีมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทุกคน อย่าไปสับสนว่า พอเป็นภาษีอากรแล้วต้องไปตอบแทนให้รัฐบาล
ท้าแน่จริงเปิด PTV 24 ชม.สู้ ASTV
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่รัฐบาลยกเลิกรายการตอบโต้พันธมิตรฯ โดยอ้างว่าจะกระทบกับเอกชน ที่ทำรายการเดิมอยู่แล้ว ให้นายวีระ มุสิกพงศ์ จัดรายการชื่อ ชาวสนามหลวง อยากถามว่าทำแบบนี้ไม่กระทบกับบริษัทเอกชนหรืออย่างไร ซึ่งสิ่งที่ปรากฎชัดคือ การบรรจุรายการดังกล่าว เป็นการยกเอารายการจากสถานีโทรทัศน์ PTV ที่ดำเนินการโดยนายวีระและพวก ซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่ม นปก.และกลุ่มที่เคลื่อนไหวที่สนามหลวง ซึ่งรัฐบาลต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นพวกเดียวกับรัฐบาลหรือไม่
"ผมคิดว่าถ้าจะให้สอดคล้องกับรัฐบาลและ นปก. อยากให้กลุ่ม นปก.ไปจัดรายการที่ PTV โดยเชิญนายกรัฐมนตรีไปร่วมรายการและเปิด PTV ให้ครบ 24 ชม.เท่ากับรายการของ ASTV แทนที่จะใช้ NBT มาจัดรายการ โดยโจมตี คนที่เห็นต่างเพราะอาจจะไม่เป็นธรรม เนื่องจาก NBT เป็นฟรีทีวี ต้องให้คนเห็นต่างใช้ NBT ด้วย ถ้าจะตอบโต้ควรใช้สื่อดาวเทียมเหมือนกันจะเหมาะสมที่สุด"
จี้ฟัน "ดา" จาบจ้วงเบื้องสูง
นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวทั้งหมดตนขอกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่อยู่ท้องสนามหลวง และกำลังใช้ รายการ ชาวสนามหลวง เป็นกระบอกเสียง ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ด้วย เพราะมีหลักฐานว่าเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา มีสมาชิกกลุ่ม นปก.ชื่อ ดา ตอปิโด ได้ปราศรัยจาบจ้วงเบื้องสูง ซึ่งรัฐบาลต้องจัดการโดยด่วนและดำเนินการอย่างเฉียบขาด อย่าปล่อยให้บุคคลในกลุ่มเหล่านี้ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า นายเทพกล่าว พร้อมกับนำซีดีและรูปถ่ายการปราศรัยดังกล่าวมาประกอบการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
นายเทพไท ยังตั้งข้อสังเกตการณ์ใช้คำพูดของนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำสูงสุด ด้วยว่ามีความไม่เหมาะสม ในการใช้คำว่า เจ้านาย แทนคำพูดที่กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเห็นว่าคำว่า เจ้านาย ควรใช้เรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงจะเหมาะสมมากกว่า ทั้งนี้แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสม เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยพูดว่า ถ้าจะให้ลาออกให้พระเจ้าอยู่หัวมากระซิบที่หู หรือ ถ้าตนไม่จงรักภักดีแล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนที่ได้ฟังไม่สบายใจ อย่างมาก และขอให้พรรคดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย
หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวผ่านรายการ "สนทนาประสาสมัคร" จะใช้สถานีโทรทัศน์ NBT ของกรมประชาสัมพันธ์ ตอบโต้ประเด็นการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00 น. ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) แถลงว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ ประสานกับสถานีโทรทัศน์ NBT และ สถานีโทรทัศน์ TPBS เพื่อขอรายการชี้แจงการทำงานของรัฐบาล ที่เกิดจากการโจมตี ลดความน่าเชื่อถือเพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV และบุคคลอื่นๆ
แถลงแก้ตัวใช้ทีม PTV ยึดจอ NBT
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าความเป็นมาของเรื่องนี้เกิดจากการปรึกษาหารือกันของ ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่จัดรายการ คุยนอกทำเนียบฯ ทางสถานีวิทยุ กระจายเสียงแห่งประเทศไทยทุกวันเสาร์ เวลา 11.00-12.00 น.มีประชาชน ให้ความสนใจพอสมควรจึงคิดว่าน่าจะขยายการจัดรายการมาเป็นในรูปแบบของ รายการโทรทัศน์ เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV โดยอาจจะ เชิญกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหาถูกโจมตีและตกเป็นเป้าหมายในการโค่นล้มทำลาย ของฝ่ายที่เคลื่อนไหว ได้มีโอกาสมาชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนด้วย
"เมื่อรายงานให้นายกฯ ทราบท่านก็เห็นชอบด้วย และได้มอบให้ทีมงานโฆษกรัฐบาล ไปประสานกับสถานีโทรทัศน์ทั้ง 2 โดยนายกฯบอกว่าถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ออกอากาศในวันจันทร์นี้เลย เวลา 22.00 น."
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จากการประสานงานไปยังสถานีโทรทัศน์ NBT พบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวยังมีสัญญาเกี่ยวข้องผูกพันกับบริษัทภาคเอกชน (นิวไทม์ เทเลวิชั่น) ที่ทำสัญญาเช่าเวลาร่วมผลิตรายการกับทางสถานีมาก่อน ซึ่งสถานีได้ประสานงานสอบถามไปยังบริษัทเอกชนผู้ร่วมผลิตรายการได้รับคำตอบว่า ยังยืนยันที่จะผลิตรายการต่อไปในวันและเวลาดังกล่าว
"เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินการของ NBT และภาคเอกชนดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจยุติการดำเนินการเพื่อออกอากาศในวันจันทร์นี้ไปก่อน แต่ยังคงแนวคิดที่จะดำเนินรายการดังกล่าวจาก NBT และ TPBS อยู่แต่จะต้องประสานกับทั้ง 2 สถานีว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องเวลาเมื่อใด และให้เริ่มต้นเมื่อใด"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเสนอให้ไปออกรายการที่ช่อง PTV หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะต้องหารือในทีมงานของโฆษกประจำสำนักนายกฯ และนำเรียนนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในทางปฎิบัติเป็นไปได้ยาก
ส่วนเหตุที่ต้องยุติรายการนี้ เพราะหลายฝ่ายคัดค้านเกรงว่าจะย้อนรอยรายการวิทยุยานเกราะ เมื่อปี 2519 ที่นำมาสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าไม่มี โดยอ้างว่ารายการจะเน้นการนำเสนอสาระที่เป็นแนวคิด นโยบายและผลงานของรัฐบาล การที่จะโจมตีหักล้างทางการเมือง คงเป็นเรื่องการดำเนินการอีกวาระหนึ่ง ซึ่งชั้นนี้ทีมงานโฆษกประจำสำนักนายกฯ มีความคิดคงจะเพิ่มความถี่ของการแถลงข่าวในประเด็นทางด้านการเมืองให้มากขึ้น ซึ่งจะใช้เวทีตรงนี้ แต่ไม่คิดที่จะใส่ไปในเนื้อรายการที่จะดำเนินแต่อย่างใด
กลัวล้มเหมือน "แม้ว" จึงต้องโต้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัคร ระบุชัดเจนว่ารายการนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโต้ ทางการเมือง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สังคมอยู่กันได้ด้วยความชอบธรรมและเป็นธรรม รัฐบาลชุดนี้มาจากประชาชนทั่วประเทศและกำลังถูกกระทำ รุกรานโจมตีหลายวิธีการ รัฐบาลจึงต้องปกป้องเสถียรภาพให้สามารถทำงานเดินหน้าไปได้ และปกป้องวิจารณญาณของประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้ความไว้วางใจรัฐบาลมาเช่นกัน ซึ่งระยะนี้รูปธรรมที่จะเป็นผล คือการเพิ่มความถี่การแถลงข่าวของทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯในประเด็นทางการเมืองให้มากขึ้นและมีความครอบคลุมในประเด็นต่างๆที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งจะนำเสนอด้วยเหตุผลมากขึ้น
"เราเคยมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพมากกว่ารัฐบาลนี้ แต่เมื่อโดนบุคคลกลุ่มเดียวกันในช่องทางสื่อลักษณะเดียวกันโจมตี รัฐบาลที่เข้มแข็งดังกลบ่าวก็สูญเสียเสถียรภาพจนนำมาซึ่งการรัฐประหาร เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนจากรัฐบาลชัดก่อนยึดอำนาจที่เราจะต้องดำเนินการให้สามารถทงานแก้ปัญหาให้ประชาชนและเดินไปข้างหน้าได้ต่อไป"
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า นายสมัคร และคณะรัฐมนตรีมีโอกาสที่จะใช้ช่องทางสื่อสาร มากมายในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่ไว้วางใจสื่อและเลือกที่จะจัดรายการวันอาทิตย์ ส่วนรัฐมนตรีที่มีปัญหาก็ไม่แถลงชี้แจง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ นายกรัฐมนตรีพบสื่อมวลชนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะพูดหลายประเด็นที่เคลื่อนไหวตลอด ในรอบสัปดาห์ ถือว่าได้สรุปมุมมอง ความเห็นและชี้แจงไปแล้วในคราวเดียว ขณะเดียวกันเชื่อว่าหลังจากนี้ไป ครม.หลายๆ กระทรวง ที่ตกเป็นเป้ามาในโจมตี ของฝ่ายตรงข้ามจะเพิ่มความถี่การชี้แจงอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น
ปัดพัลวัน "สมัคร" พูดจาไม่น่าเชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่านายสมัครพูดว่าจะมีรายการตอบโต้พันธมิตรฯ แต่สุดท้ายก็ยกเลิก และหลายครั้งที่ผ่านมาคำพูดของนายกรัฐมนตรีก็เป็นเช่นนี้ คือพูดแล้วก็ทำไม่ได้ทำให้คำพูดไม่น่าเชื่อถือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้รับการชี้แจงจากพวกตนและได้มอบหมายว่าหากวันนี้ทำได้ก็ทำเลย แต่เมื่อมีข้อจำกัดดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ไม่น่าเกี่ยวกับว่านายกรัฐมนตรีจะหมดความน่าเชื่อถือ
ส่วนสถานการณ์สื่อของรัฐวันนี้กับสื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้ามใครได้เปรียบ เสียเปรียบ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราอย่าไปชั่งน้ำหนักของการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เรามองว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามใช้ช่องทางที่เรียกว่าสื่อสารมวลชนเพื่อเป้าประสงค์ใดมากกว่า ในขณะที่รัฐบาลพยายามใช้ช่องทางในการนำเสนอแนวคิด ผลงานนโยบายผ่านสื่อไปสู่พี่น้องประชาชน โดยการถ่ายทอดสดต่างๆ นี่คือวิธีการใช้สื่อของรัฐบาล แต่ตั้งแต่ที่พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งมาก็มีกลุ่มบุคคลพยายามใช้ช่องทางสื่อสารมวลชนทำลายความน่าเชื่อถือ และเสถียรภาพโดยมีความมุ่งหมายสุดท้ายคือการโค่นล้มรัฐบาลนี้ไปให้ได้ วันนี้มีคนใช้ช่องทางผ่านสื่อสารมวลชนที่ผิดปกติ ขาดความชอบธรรมและขาดความรับผิดชอบต่อกระบวนการประชาธิปไตยที่ได้ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ให้มาบริหารบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า รายการ "สนทนาประสาสมัคร" นายกรัฐมนตรี ใช้เวลานี้โจมตีฝ่ายต่างๆ มากกว่าอธิบายผลงานของรัฐบาล นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากมองด้วยใจที่เป็นกลางและให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะเห็นว่า ตลอดเวลาที่นายกรัฐมนตรีพูดหรือแสดงความเห็นผ่านรายการนั้น ไม่ได้เป็นคนเริ่มหรือเปิดประเด็นหรือจู่ๆ หยิบยกประเด็นใดขึ้นมาโจมตีให้ร้ายฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เพียงแต่ตลอดสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นผู้ถูกกระทำจากประเด็นต่างๆในสังคมผ่านสื่อมวลชนมาตลอด ฉะนั้นการชี้แจงมันก็มีทั้งเหตุผลและการหักล้างทางการเมือง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเอาไว้
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะรื้อฟื้นรายการ "นายกฯ พบสื่อมวลชน" นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
"วีระ" ยก PTV เสียบแทน "ข่าวหน้า 4"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายณัฐวุฒิ ได้เดินมาคุยกับสื่อมวลชน ซึ่งนักข่าวบางคนเสนอว่าทำไมรัฐบาลไม่ไปออกรายการ ข่าวหน้า 4 ที่ออกอากาศอยู่แล้ว เพราะก็เป็นเวทีที่ชี้แจงได้ ซึ่งนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทราบว่าบริษัทเอกชนที่ร่วมผลิตรายการกับเอ็นบีทีจะปรับรูปแบบรายการเดิม โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็น ชาวสนามหลวง เนื้อหาเป็นแบบ การพูดคุยข่าวสารบ้านเมือง รูปแบบต่างๆและอาจมีการเชิญแขกรับเชิญเข้ามาร่วมโดยมี นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ นปก.และประธานบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ หรือ PTV มาเป็นพิธีกรรายการนี้ คาดว่าในคืนนี้ (21 ก.ค.)จะเป็นการออกอากาศเป็นวันแรก จะมีผู้ร่วมรายการคือ ตน และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรพลังประชาชน อดีตแกนนำ นปก.และในอนาคตก็อาจจะเชิญรัฐมนตรีที่นายวีระมีความสนิทสนมมาออกรายการด้วยก็เป็นได้
"อภิสิทธิ์" เตือนสติทำขัดรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า NBT เป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ไม่ควรใช้เป็น เครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด การดำเนินการเช่นนี้ถือว่า ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลชุดนี้ชอบพูดเสมอว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีมาก ซึ่งหลักการใหญ่ของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวคือ สถานีของรัฐไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล
ส่วนที่นายกรัฐมนตรียังขอเวลาจากสถานีโทรทัศน์ TPBS อีกหนึ่งชั่วโมง โดยอ้างว่ารัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณปีละกว่า 2,000 ล้านบาทนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานีโทรทัศน์ TPBS ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ การที่รัฐอุดหนุนงบประมาณให้กับสถานีนี้ ไม่ใช่เงินของรัฐบาลหรือของนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีอีก 35 คน แต่เป็นเงินภาษีของประชาชนทุกคน และต้องถามว่าประชาชนที่เสียภาษีสามารถไปขอใช้เวลาอย่างนี้บ้าง ได้หรือไม่ สถานีมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนทุกคน อย่าไปสับสนว่า พอเป็นภาษีอากรแล้วต้องไปตอบแทนให้รัฐบาล
ท้าแน่จริงเปิด PTV 24 ชม.สู้ ASTV
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่รัฐบาลยกเลิกรายการตอบโต้พันธมิตรฯ โดยอ้างว่าจะกระทบกับเอกชน ที่ทำรายการเดิมอยู่แล้ว ให้นายวีระ มุสิกพงศ์ จัดรายการชื่อ ชาวสนามหลวง อยากถามว่าทำแบบนี้ไม่กระทบกับบริษัทเอกชนหรืออย่างไร ซึ่งสิ่งที่ปรากฎชัดคือ การบรรจุรายการดังกล่าว เป็นการยกเอารายการจากสถานีโทรทัศน์ PTV ที่ดำเนินการโดยนายวีระและพวก ซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่ม นปก.และกลุ่มที่เคลื่อนไหวที่สนามหลวง ซึ่งรัฐบาลต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นพวกเดียวกับรัฐบาลหรือไม่
"ผมคิดว่าถ้าจะให้สอดคล้องกับรัฐบาลและ นปก. อยากให้กลุ่ม นปก.ไปจัดรายการที่ PTV โดยเชิญนายกรัฐมนตรีไปร่วมรายการและเปิด PTV ให้ครบ 24 ชม.เท่ากับรายการของ ASTV แทนที่จะใช้ NBT มาจัดรายการ โดยโจมตี คนที่เห็นต่างเพราะอาจจะไม่เป็นธรรม เนื่องจาก NBT เป็นฟรีทีวี ต้องให้คนเห็นต่างใช้ NBT ด้วย ถ้าจะตอบโต้ควรใช้สื่อดาวเทียมเหมือนกันจะเหมาะสมที่สุด"
จี้ฟัน "ดา" จาบจ้วงเบื้องสูง
นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวทั้งหมดตนขอกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่อยู่ท้องสนามหลวง และกำลังใช้ รายการ ชาวสนามหลวง เป็นกระบอกเสียง ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ด้วย เพราะมีหลักฐานว่าเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา มีสมาชิกกลุ่ม นปก.ชื่อ ดา ตอปิโด ได้ปราศรัยจาบจ้วงเบื้องสูง ซึ่งรัฐบาลต้องจัดการโดยด่วนและดำเนินการอย่างเฉียบขาด อย่าปล่อยให้บุคคลในกลุ่มเหล่านี้ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า นายเทพกล่าว พร้อมกับนำซีดีและรูปถ่ายการปราศรัยดังกล่าวมาประกอบการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
นายเทพไท ยังตั้งข้อสังเกตการณ์ใช้คำพูดของนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำสูงสุด ด้วยว่ามีความไม่เหมาะสม ในการใช้คำว่า เจ้านาย แทนคำพูดที่กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเห็นว่าคำว่า เจ้านาย ควรใช้เรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงจะเหมาะสมมากกว่า ทั้งนี้แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสม เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยพูดว่า ถ้าจะให้ลาออกให้พระเจ้าอยู่หัวมากระซิบที่หู หรือ ถ้าตนไม่จงรักภักดีแล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนที่ได้ฟังไม่สบายใจ อย่างมาก และขอให้พรรคดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย