xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” สุดช้ำ “สนธิ” ได้ประกันตัว-ข้างๆ คูๆ คนส่วนใหญ่ไม่พอใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตแกนนำ นปก.สุดช้ำ ตร.อนุญาตให้ประกันตัว “สนธิ” สะอื้นผ่าน PTV ตร.ไม่ยุติธรรม ไม่ยอมใช้บรรทัดฐานเดียวกับคดี “ดา ตอร์ปิโด” ไม่หยุดฟุ้งซ่าน จี้ ตร.ต้องเอาผิดกับ ASTV ให้ได้-ด่า ป.ป.ช.ตายไปต้องตกนรก ฐานทำตัวไม่เป็นกลาง เรื่องคืนเงิน 69,000 ล้าน ของ “พ่อแม้ว”

วันนี้ (24 ก.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี

เนื้อหาในรายการได้กล่าวถึงกรณีข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร ว่า สถานการณ์ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว เนื่องจาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา แล้วได้ผลเป็นอย่างนี้ เนื่องจากทางกัมพูชาอาจจะยอมถอนญัตติออกจากสหประชาชาติแล้ว และจะมีการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ จึงเป็นสัญญาณที่ดี ว่า สถานการณ์กำลังจะดีขึ้น

อย่างไรกก็ตาม ผู้ดำเนินรายการได้ตีฝีปากว่า ที่น่าเป็นห่วงก็มีอยู่อย่างเดียว คือ กลัวว่าจะมีกลุ่มคนที่วิกลจริตอย่างพันธมิตรฯ ไปสร้างปัญหาอีก เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะไปรวมตัวที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเรียกร้องทวงคืนเขาพระวิหารอีก ซึ่งหากพันธมิตรฯ ทำเช่นนั้นจริง จะถือเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีก

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีการเข้ามอบตัวในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งภายหลังได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแล้วว่า สาเหตุของคดีดังกล่าวเกิดจากการที่ นายสนธิ นำคำกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปิโด” ที่ปราศรัยบริเวณท้องสนามหลวง ไปกล่าวซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ แล้วมีการถ่ายทอดสัญญาณผ่านสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี เพื่อทำการเผยแพร่ไปในวงกว้าง ซึ่งถือเป็นความผิดที่น่าจะหนักกว่า น.ส.ดารณี ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อตอน น.ส.ดารณี ไปพูดมีคนฟังแค่ร้อยกว่าคน แต่ตอน นายสนธิ นำไปพูดมีคนฟังเป็นหมื่นเป็นแสน

ดังนั้น จึงอยากทวงถามถึงบรรทัดฐานการดำเนินคดีของตำรวจด้วยว่า เหตุใดจึงยอมให้มีการประกันตัว นายสนธิ ทั้งที่ตามพฤติการณ์แล้ว สิ่งที่ นายสนธิ กระทำนั้น ถือว่าร้ายแรงกว่าพฤติกรรมของ น.ส.ดารณี หลายเท่า ซึ่งเมื่อมีการให้ประกันตัวเช่นนี้ เชื่อว่า ประชาชนจำนวนมาก คงไม่พอใจแน่ นอกจากนี้ พวกตนยังขอตั้งข้อสังเกตไปยังตำรวจด้วยว่า เหตุใดจึงไม่มีการดำเนินคดี เอาผิดกับ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ในฐานะผู้กระทำการเผยแพร่ รวมไปถึงเจ้าของเคเบิลทีวีท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ที่รับสัญญาณจากเอเอสทีวี มาเผยแพร่ต่อ ก็ควรจะถูกดำเนินคดีไปด้วย จึงจะถูกต้อง

ทั้งนี้ การที่ผู้ดำเนินรายการทั้ง 4 คน เรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีกับ นายสนธิ ในมาตรฐานเดียวกันกับ ดา ตอร์ปิโด และให้รับโทษหนักกว่า โดยอ้างว่ามีคนฟังมากกว่านั้น ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าสิ่งที่ นายสนธิ พูดได้แสดงการอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ เพราะในข้อเท็จจริง นายสนธิ เพียงแต่เรียกร้องให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับ ดา ตอร์ปิโด และพูดสรุปสั้นๆ ว่า ดา ตอร์ปิโด หมิ่นเบื้องสูง ทั้งยังได้บอกกับผู้ชุมนุม ว่า ไม่สามารถที่จะนำข้อความทั้งหมดมาเผยแพร่ได้ แต่ได้เตรียมการที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ดา ตอร์ปิโด ในสัปดาห์ถัดไป

นอกจากนี้ การกล่าวอ้างว่า มีคนฟัง นายสนธิ พูดมากกว่า ดา ตอร์ปิโด นั้น เป็นเรื่องที่วัดได้ยาก เพราะหลังจากที่ ดา ตอร์ปิโด พูดที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 18 ก.ค.แล้ว ได้มีการนำคลิปเสียงเผยแพร่ในเว็บไซต์เครือข่ายของ นปก.ซึ่งทำให้สามารถเปิดเข้าไปฟังได้จากทั่วโลกด้วย แต่ผู้ดำเนินรายการกลับไม่มีการเอ่ยถึงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน ยื่นให้สภาตรวจสอบจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน ว่า ขัดต่อ รธน.มาตรา 190 หรือไม่ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อเกิดความสงสัยก็ต้องมีการยื่นให้ตรวจสอบ ส่วนกรณีที่วันนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การกระทำของพรรคพลังประชาชนเป็นเพียงประเด็นทางการเมืองที่พรรคพลังประชาชนสร้างขึ้นเพื่อหวังแก้ รธน.นั้น พวกตนต้องขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเลยว่า ไม่เป็นความจริง เพราะสาเหตุที่ต้องยื่นตรวจสอบ ก็เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าแท้จริงแล้ว รธน.50 มีปัญหาต่อการบริหารประเทศมากมายจริงๆ ซึ่งเมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันแล้ว จะแก้หรือไม่แก้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จึงอยากบอกไปยัง พล.อ.อ.ชลิต ว่า การดำเนินการของพรรคพลังประชาชนในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้สังคมได้รู้ข้อเสียของ รธน.50 เท่านั้น ยังไม่ได้เจาะลึกไปถึงการซื้อเครื่องบินฝูงดังกล่าว ว่า มีการทุจริตหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต จึงไม่ควรกลัวไปก่อนแล้วออกมากล่าวหาพรรคพลังประชาชนอย่างนี้ เพราะเดี๋ยวคนเขาสงสัยเรื่องอื่นๆ ที่ลึกกว่านี้แล้ว จะหนาวกว่านี้แน่

อย่างไรก็ตาม การซื้อเครื่องบินกริพเพนดังกล่าว ทางกองทัพอากาศได้เสนอ ครม.เห็นชอบตั้งแต่ช่วงปลายรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่พรรคพลังประชาชนเพิ่งจะหยิบประเด็นยี้มาโจมตี หลังจากที่รัฐบาลกำลังจะถูกดำเนินคดี และยื่นถอดถอน หลังจากทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่สนับสนุนให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก พรรคพลังประชาชนจึงต้องการจะแก้ไขมาตรา 190 ด้วย และหาเหตุผลมาสนับสนุนเพื่อที่จะบอกว่ารัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวมีปัญหา

นอกจากนี้การจัดซื้อเครื่องบินรบดังกล่าว เป้นการซื้อด้วยเงินงบประมาณ ซึ่งต้องบรรจุไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณซึ่งต้องผ่านการพิจารณาของสภาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าจะขัดมาตรา 190 แต่อย่างใด

ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึง กรณีที่ นายวิชัย วิวิตเสวี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกกังวลใจว่า ป.ป.ช.อาจไม่มีอำนาจในการอายัดและเพิกถอนการอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 69,000 ล้านบาทได้ ว่า พวกตนรู้สึกแปลกใจกับทัศนะของนายวิชัย ว่า เหตุใดจึงคิดหรือแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นนั้น เพราะตัว นายวิชัย เอง เป็นหนึ่งใน ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้างานด้านกฎหมาย ก็ต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม และการกระทำใดๆ ไม่ว่ากับใครก็จะต้องไม่มีอคติในใจ แล้วเหตุใดต้องมารู้สึกหนักใจด้วย หากจะต้องมีการคืนทรัพย์สินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถึงแม้ความคิดและคำกล่าวเช่นนี้อาจจะไม่สามารถเอาผิดได้ แต่ถ้าเป็นตามความเชื่อทั่วไปก็บอกได้เลยว่า ผู้มีความคิดแบบนี้ตายไปต้องตกนรกแน่นอน
นายวีระ มุสิกพงษ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นายจตุพร พรหมพันธุ์
นายก่อแก้ว พิกุลทอง
ภาพที่ใช้ประกอบรายการ
กำลังโหลดความคิดเห็น