xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้วดำ” กลืนเลือดโดนฟ้องล้มละลาย-จัดรายการสนอง “นายใหญ่” เหมือนเคย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวีระ มุสิกพงษ์
“ไข่แม้วดำ” หลบข่าวถูกศาลฟ้องล้มละลายสั่งยึดทรัพย์ แต่ยังต้องไปจัดรายการเชิดชูผลงานรัฐบาลผ่าน PTV – โอ่รัฐบาลลูกกรอกทำงานดี อาจมีบกพร่องบ้าง ก็เพราะ รธน.50 เป็นอุปสรรค ยันผลงานเลิศหรูกว่า “ขิงแก่” แน่นอน

วันนี้ (22 ก.ค.) เพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอาอาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี

เนื้อหาในรายการได้กล่าวถึงผลการประชุม ครม.ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไม่ได้อนุมัติโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 6,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยได้มอบให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ตั้งคณะกรรมการพิเศษ (วอร์รูม) โดยให้มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องของรายได้ จำนวนผู้โดยสาร และต้นทุน โดยคาดว่าจะตั้งคณะกรรมการให้แล้วเสร็จในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ จะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 1 เดือน ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

ซึ่งผู้ดำเนินรายการทั้ง 4 ได้กล่าวให้ความเห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ดีขึ้น แต่กลับถูกต่อต้านจากกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะฝ่ายค้าน ซึ่งพวกตนประเมินว่า สาเหตุคงเกิดจากการที่ฝ่ายค้าน เห็นว่า หากโครงการดังกล่าวทำสำเร็จจะเกิดผลดีกับสังคมมาก และอาจทำให้รัฐบาลได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น จึงต้องขัดขวางกันทุกวิถีทาง ทั้งที่โครงการดังกล่าวยังไม่ได้เริ่มดำเนินการด้วยซ้ำ ซึ่งต่างจากรถด่วนพิเศษ (BRT) ของ กทม.ที่มองก็รู้แล้วว่า ราคาแพงกว่า คุณภาพก็ด้อยกว่ารถเมล์ที่รัฐบาลจะจัดทำ แต่กลับไม่มีการโจมตีแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายวีระ และทีมงานไม่ได้อธิบายถึงงบประมาณของโครงการที่จะเช่ารถเมล์ 6,000 คัน ที่ตั้งไว้สูงถึง 113,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งหากเก็บค่าโดยสารได้ไม่พอค่าเช่าที่ตกวันละ 5,100 บาท รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้ ขสมก.โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนรถเมล์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่มีถึง 2 เท่า จะต้องหาผู้โดยสารมาใช้บริการให้มากกว่าปกติถึงวันละ 1.5 ล้านคน จึงจะคุ้มค่าเช่า ส่วนกรณีรถบีอาร์ทีที่เอามาอ้างว่าราคาแพงกว่านั้น เป็นราคาซื้อขาด ไม่ใช่ค่าเช่าเหมือนรถเมล์ 6 พันคัน

นอกจากนี้ นายวีระ และทีมงานยังได้ปฏิบัติภารกิจใบสั่ง นั่นคือ กล่าวโจมตีกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ว่า มีการดำเนินการอย่างไม่ถูกต้อง เพราะบรรดา สนช.ทั้งหลายนั้น ที่แม้จะรับเงินเดือนที่เป็นภาษีของประชาชนไปแล้ว แต่กลับไม่ทำงานไม่ยอมเข้าประชุม พอใกล้จะหมดวาระก็เร่งพิจารณากฎหมาย โดยไม่สนว่าครบองค์ประชุมหรือไม่ สุดท้ายกฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ก็เลยเป็นกฎหมายที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง

ยกตัวอย่างเช่น การบริหารงานด้านการต่างประเทศ ที่ตอนนี้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการลงนามสัญญาใดๆ กับต่างชาติได้เลย ที่มีผลเกี่ยวเนื่องกับประเทศได้เลย อีกทั้งยังมีอีกหลายมาตราที่มีความชอบมาพากล เช่น มาตราที่ระบุว่า นักการเมืองต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน และเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมือง ทำเพียงยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่ต้องนำทรัพย์สินมาเปิดเผย จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะหากต้องการให้การบริหารบ้านเมืองเป็นไปอย่างโปร่งใส แล้วทำไมไม่ทำให้โปร่งใสในทุกๆ ภาคส่วน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่พวกตนนำมาชี้แจงให้ฟัง แต่แท้จริงแล้ว รธน.50 ยังมีข้อเสียอยู่อีกมากมาย จึงสรุปได้เลยว่า ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข รธน. ปัญหาต่างๆ จะตามมาอีกมาก

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ถึงแม้ผลงานของรัฐบาลชุดนี้ จะมีปัญหาอยู่บ้าง ก็เนื่องมาจาก รธน.50 ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการบริหารประเทศ แต่ก็สามารถยืนยันได้ว่าถึงแม้จะมีอุปสรรคมากอย่างนี้ แต่การบริงานออกมาก็ดีกว่าสมัยรัฐบาล สุรยุทธ์ จุลานนท์ หลายเท่า พวกตนจึงอยากถามคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสมัคร ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างรัฐบาลนี้ และรัฐบาลสุรยุทธ์ จะเลือกชุดไหน

ในช่วงท้ายรายการ ได้มีการกล่าวถึงกรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร ว่า ตอนนี้กำลังจะบานปลายเกิดเป็นปัญหาใหญ่ เพราะกัมพูชาได้นำเรื่องนี้ไปยื่นต่อยูเนสโก แล้ว จากนี้ไปหากยูเนสโกเข้ามาจัดการเรื่องนี้จริง ไทยจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน เพราะยูเนสโก คงยึดถือแผนที่ของฝรั่งเศส ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ต้องโทษกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปต่อต้าน ปราศรัยโจมตี ทำตัวกร่างกับกัมพูชา จนเขาทนไม่ไหวต้องไปฟ้องยูเนสโก

ทั้งนี้ ในวันที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และหนึ่งในผู้ดำเนินรายการ ว่า ถูกศาลสั่งล้มละลาย และมีคำสั่งยึดทรัพย์ และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริง แม้ นายวีระ จะรับโทรศัพท์ด้วยตัวเอง แต่ก็บอดปัดว่าผู้สื่อข่าวโทร.ผิด จึงทำให้ยังไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาจากปากของ นายวีระ จนกระทั่ง นายวีระ มาดำเนินรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ ก็ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวในรายการ มีแต่เพียงสีหน้าที่เศร้าลงไป และไม่มีการพูดจาหยอกล้อ หรือหัวเราะ เหมือนการดำเนินรายการในทุกครั้งที่ผ่านมาเท่านั้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง

กำลังโหลดความคิดเห็น