xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” คลั่งหนัก ขู่ฟ้อง ป.ป.ช.หากไม่ยอมหยุดทำงาน-คืนเงินเดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีต นปก.เจื้อยแจ้วผ่าน PTV พูดเองตัดสินเอง ป.ป.ช.มีที่มาไม่ถูกต้องเรียกร้องให้หยุดทำงาน และส่งคืนเงินเดือนที่เคยรับไปทั้งหมดทันที ไม่อย่างนั้นจะฟ้องฐานร่วมกับ คมช.กระทำการล่วงเกินพระราชอำนาจ-ป้อง “หมัก” ทำชิมไปบ่นไป แค่งานอดิเรก ไม่ถือเป็นความผิด ตำหนิ กกต.ยกคำร้อง “วิรุฬ” 3:2 ทำไม่ถูก ที่จริงต้องยกคำร้องด้วยเสียงเอกฉันท์

วานนี้ (16 ก.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศผ่านทางดาวเทียมของช่องเอ็มวีทีวี ดำเนินรายการโดย 4 อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน

ทั้งนี้ เนื้อหาหลักในรายการ มุ่งเน้นไปที่เรื่องที่ประชุม กกต.ที่มีมติให้ส่งเรื่องการพิจารณาคุณสมบัติของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีเป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไป และรายการยกขโยง 6 โมงเช้า ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ โดย กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะถูกส่งให้ศาล รธน.พิจารณาเลย เพราะก่อนหน้านี้ กกต.ก็เคยให้สัมภาษณ์เองว่าก่อนหน้าที่นายสมัคร เป็นนายกฯ นั้น มีหลักฐานการรับเงินจากการเป็นผู้ดำเนินรายการ แต่เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นนายกแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานการรับเงิน ดังนั้นเมื่อไม่มีหลักฐานแล้วเหตุใดต้องส่งเรื่องให้ศาล รธน.พิจารณาต่อไปอีก

ซึ่งพวกตนคิดว่า ศาล รธน.น่าจะลองกินข้าวผัดฝีมือนายกฯสมัครสักกระทะหนึ่ง แล้วจะรู้ได้ว่านายสมัครเป็นคนที่ทำอาหารเก่ง ชื่นชอบในการทำกับข้าวเป็นงานอดิเรก แล้วมันจะผิดอะไรที่ก่อนเป็นนายก นายสมัครได้เคยทำรายการอาหารมานาน พอเป็นนายกแล้วก็ไม่อยากทอดทิ้งแฟนรายการ ก็แบ่งเวลามาจัดรายการจึงไม่เห็นเป็นเรื่องที่ผิดตรงไหน

ส่วนกรณี นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ กรณีถือครองหุ้นเกินร้อยละ 5 โดยไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่งที่ประชุม กกต. พิจารณายกคำร้องด้วยมติ 3 ต่อ 2 นั้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องยินดีที่ นายวิรุฬ รอดพ้นจากข้อกล่าวหาเสียที แต่ก็ต้องตำหนิความเห็นของ กกต. ในครั้งนี้ด้วยว่าเพราะเหตุใด จึงมีเสียง 2 เสียงที่เห็นว่าไม่ควรยกคำร้องออกมา เพราะแท้จริงแล้วคดีนี้ไม่มีอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเป็นความผิดได้เลย เพราะบริษัทที่นายวิรุฬ ถือหุ้นอยู่ก็เลิกกิจการไปก่อนที่ นายวิรุฬ จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีเสียอีก ดังนั้น คะแนนเสียงน่าจะเป็นเสียง 5 ต่อ 0 แบบเป็นเอกฉันท์จึงจะถูกต้อง

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยว่า สิ่งที่ นายสมัคร กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่มีความชอบธรรม เพราะไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งว่า ดังนั้นพวกตนเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ป.ป.ช.ไม่มีความชอบธรรม และไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานต่อไปได้อีกแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ยุติการทำงานทันที ส่วนคดีที่ ป.ป.ช.ดำเนินการมาทั้งหมด ก็ต้องเป็นโมฆะไปด้วย นอกจากนั้น ก็ต้องคืนเงินเดือนที่เคยรับไปตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งด้วย เพราะ เมื่อ ป.ป.ช.ไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งจึงไม่มีกฎหมายมารองรับว่า ป.ป.ช.จะได้เงินเดือน

หาก ป.ป.ช.ไม่ยอมคืนเงินเดือนทั้งหมดที่เคยรับไป พวกตนก็จะไปฟ้องร้องเพื่อให้มีการดำเนินคดีในข้อหาที่ ป.ป.ช.ร่วมมือกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.ในฐานความผิดสมรู้ร่วมคิดกัน โดยมีเจตนาล่วงเกินพระราชอำนาจ

ทั้งนี้ การออกรายการทางพีทีวี ของกลุ่ม 4 อดีต นปก.ในระยะนี้จะเน้นไปที่การโจมตีองค์กรอิสระที่กำลังพิจารณาคดีสำคัญของรัฐบาล เพื่อลดความชอบธรรมขององค์กรอิสระเหล่านั้น โดย ป.ป.ช.นั้น ได้รับคำร้องจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและ ส.ว.ที่ให้ดำเนินคดีกับ ครม.ทั้งคณะกรณีมีมติรับรองคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป้นมรดกโลก ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ไว้พิจารณาแล้ว ซึ่งหากศากตัดสินให้มีความผิดจะมีโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
นายจักรภพ เพ็ญแข
นายวีระ มุสิกพงษ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นายจตุพร พรหมพันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น