“ไชยวัฒน์” แฉพลังแม้วจัดม็อบนรกตามป่วน “พธม.” อีสานทุก จว.-พร้อมสั่งให้ ตร.เมินเฉย

ศรีสะเกษ- เครือข่ายพันธมิตรฯ ศรีสะเกษ เปิดเวทีทวงคืนเขาพระวิหารคึกคัก “ไชยวัฒน์” แฉพรรค “พลังแม้ว” จัดตั้งม็อบถ่อยนรก “นปก.” และคนของ พปช.จ้างเหมารถติดตามต่อต้านป่วนเวทีพันธมิตรฯ อีสานทุกจังหวัดท่ามกลางความเมินเฉยของ ตร.เหตุถูกสั่งปล่อยให้พันธมิตรฯถูกก่อกวนอย่างเต็มที่ ด้าน “การุณ” ซัดรัฐบาล “หุ่นเชิด” ทำประเทศชาติเสียดินแดนกรณีปราสาทพระวิหารต้องลาออกทั้งชุดและถูกดำเนินคดีตาม กม.อย่างถึงที่สุด

วันนี้ (13 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษว่า การจัดชุมนุมพร้อมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ “ทวงคืนเขาพระวิหาร” ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสมัชชาประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยองค์กรเครือข่ายที่บริเวณถนนคนเดินหน้าสถานีรถไฟศรีสะเกษ ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนชาวศรีสะเกษให้ความสนใจเดินทางมาร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก พร้อมลงนามยื่นถอดถอนรัฐบาลขายชาติทั้งคณะด้วย

โดยได้มีบรรดาแกนนำคนสำคัญ เช่น นายไชยวัฒน์ สินธุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย, นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์, นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำเครือข่ายอีสานกู้ชาติ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว.ยโสธร พร้อมด้วยกลุ่มตัวแทนพันธมิตรฯ ศรีสะเกษ ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง

โดยเนื้อหาการปราศรัยบนเวทีมุ่งไปในประเด็นการทำงานของรัฐบาลหุ่นเชิด นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศผิดพลาด สมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติสนองผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องระบอบทักษิณ จนทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนอธิปไตยที่บริเวณเขาพระวิหาร ให้กับกัมพูชาเป็นครั้งที่ 2 กับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของยูเนสโก หลังจากที่ต้องพ่ายแพ้เสียอธิปไตยบนซากปราสาทพระวิหารครั้งแรกมาแล้วเมื่อปี 2505 ตามคำพิพากษาของศาลโลก

ด้าน นายไชยวัฒน์ สินธุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า คณะพวกเราเดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยในเขตภาคอีสานหลายจังหวัดปรากฏว่าในแต่ละจังหวัดจะมีกลุ่ม นปก. และกลุ่มนักการเมืองพรรคพลังประชาชน (พบช.) เกณฑ์คนเข้ามาก่อกวนปิดล้อมสร้างความวุ่นวายให้เวทีพันธมิตรฯอยู่ตลอดเวลา และมีการจ้างเหมารถยนต์ติดตามไปก่อกวนในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนือง

แต่ทุกแห่งที่เกิดความวุ่นวายขึ้นมาไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เปิดเวทีจัดชุมนุมกันอย่างสงบ สันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

“ทราบมาว่า การนิ่งเฉยหรือเมินเฉยของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เนื่องจากมีคำสั่งจากส่วนกลางให้รักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด โดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวปล่อยให้ประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ถูกก่อกวนไปอย่างเต็มที่ ดังนั้น การชุมนุมเปิดเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด จึงถูกปิดล้อม ก่อกวนโดยตลอดทั้งที่เป็นการชุมนุมปราศรัยตามระบอบประชาธิปไตย ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” นายไชยวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก มีมติอนุมัติให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตามข้อเสนอของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้น เป็นความผิดอย่างใหญ่หลวงของรัฐบาลที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนและอธิปไตยที่เขาพระวิหาร ต้องลาออกทั้งคณะและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นความผิดร้ายแรงต่อชาติบ้านเมือง มีโทษหนักถึงขึ้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

ทั้งนี้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว เรื่องนี้รัฐบาลจะต้องดำเนินการใช้วิธีการทางการฑูตเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งต้องใช้วิธีการที่เข้มแข็งรวบรัดและต้องไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากกลุ่มขั้วอำนาจเก่าเข้ามาแทรกแซงผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างเด็ดขาด