“พิภพ” เอือมระอา “ลูกกรอก” แกล้งโง่ล้มนโยบายต่างประเทศไม่เป็นท่า ปล่อยเขมรเหยียบหน้า เตรียมยื่นฟ้องยูเอ็นตีกินวัดแก้วสิขเรศวร รุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาอีก 700เมตร เย้ย “หมัก” ชู ไข่แม้วดำ ออกNBTโต้พันธมิตรฯ เท่ากับยอมรับโดยดุษฎีว่า รัฐบาลหนุนหลัง นปก.-ม็อบถ่อย จับตา แผนระดมพลเชลียร์ ย้ำ หากมาเพื่อท้าตี “พันธมิตร” ก็พร้อมยืนหยัดสู้ด้วยสันติวิธี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้( 22ก.ค.) เมื่อเวลา 20.59น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก โดยย้ำว่า หากคิดจะแก้ควรจะลองใช้ไปก่อนสักระยะหนึ่งไม่ใช่เข้ามาปั๊บก็จะแก้ทันที
นายพิภพ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะต้องแก้จุดที่มีความบกพร่อง หรือเมื่อนำไปใช้แล้วขาดประสิทธิภาพ แต่ในกรณีมาตรา 237 กรณีให้ใบแดงของส.ส.ที่ทุจริตเลือกตั้ง รวมทั้งบทลงโทษกรรมการบริหารพรรคนั้น เป็นจุดแข็งของรัฐธรรมนูญ
“ความจริงการเลือกตั้งของเราอ่อนปวกเปียกและไม่เป็นประชาธิปไตย คำพังเพยที่พูดกัน ทหารใช้กระสุนปืนเข้าสู่อำนาจรัฐ นายทุนใช้กระสุนเงินเข้าสู่อำนาจรัฐ แล้วกระสุนทั้งสองไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ฉะนั้นการเข้มข้นในมาตรา237 มากขึ้น ก็เพื่อจะทำให้พรรคการเมืองเป็นประชาธิปไตย แล้วทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องดูแลขั้นตอนแรกไม่ให้ลูกพรรคไปซื้อสิทธิ์ขายเสียง นี่คือวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ แต่พรรคการเมืองไทยปรับตัวไม่ทัน กรรมการบริหารพรรค ไปสมัครส.ส.ยังซื้อสิทธิ์ขายเสียงอีก แล้วจะไปคุมลูกพรรคได้หรือ ฉะนั้นต้องมีความรับผิดชอบในฐานะเป็นกรรมการบริหาร ถ้าไปทำผิดตามมาตรา 237 ต้องถูกยุบพรรค”นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรา 309 เขาต้องการแก้เพื่อล้มคตส. ที่ถูกตั้งขึ้นมาในลักษณะแบบเป็นคณะกรรมการอัยการอิสระพิเศษ คล้ายๆกับในประเทศสากล ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ หรือเกาหลี ซึ่งเขาระบุว่าหากนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี ทำผิดใช้อัยการปกติไม่ได้ เพราะแรงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี อาจทำให้อัยการธรรมดาทำงานอย่างอิสระไม่ได้ จึงต้องตั้งอัยการพิเศษที่มีอิสระเพื่อมาพิจารณาข้อมูลหลักฐานว่ามีความผิดหรือไม่ แต่กรณีของอดีตนายกฯไทย ซึ่งมีสัญญาใจกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่าจะไม่ให้อดีตนายกฯเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จึงอยากจะแก้มาตรานี้
นายพิภพ กล่าวอีกว่า อีกประการ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้สร้างความเป็นอิสระ และอำนาจของตุลาการเพื่อจะตรวจสอบได้กรณีนักการเมืองทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งสอดคล้องกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พอวันนี้ตุลาการมีบทบาท นายสมัครกลับมาบอกว่าตุลาการก้าวล่วงอำนาจบริหาร ซึ่งไม่จริง หากนักการเมืองไม่ทำผิดตุลาการก็ทำอะไรไม่ได้
นายพิภพ กล่าวว่า เขาจะแก้อีกเรื่องคือองค์กรอิสระ ซึ่งรัฐธรรมนูญพยายามแก้ปัญหาที่รัฐธรรมนูญปี40ล้มเหลวฉะนั้นสิ่งทีรัฐบาลกำลังจะแก้ คือพยายามแก้ที่จุดแข็งของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ที่จุดอ่อน นี่เป็นประเด็นที่เราจะโต้ตอบทุกวัน เพราะพรุ่งนี้ ช่อง11 ก็จะทำรายการนี้อีก ไปเอาคนที่เคยพูดในการต่อสู้เรื่องรัฐธรรมนูญ2550 ออกมาพูดว่าไหนว่าใช้ไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีหลัง ทำไมจึงเปลี่ยน วันนี้จึงต้องมาพูดเหตุผลที่ว่าใช้ไปก่อน ไม่ใช่ยังไม่ทันใช้ก็จะแก้ แล้วไปแก้ที่มีผลกระทบที่ตัวเองทำผิดด้วย
“ที่สำคัญ พันธมิตรฯยืนหนักแน่นว่า จะแก้ก็แก้ได้ แต่ต้องกลับไปถามประชาชนก่อน ทราบมาว่าคุณสมัครกำลังจะเล่นเกมนี้ โดยเร่งพรบ.เกี่ยวกับประชามติออกมา แล้วเขาเชื่อว่าเขาจะไปเกลี้ยกล่อมพี่น้องที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชนให้ลงประชามติรับรองว่าให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ2550ได้ ฉะนั้นงานของพี่น้องเวทีพันธมิตรฯ จะต้องไปทำความรู้กับประชาชนในวงกว้าง ว่าไม่ควรที่จะสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะยังไม่ได้ลองใช้จนมีประสิทธิภาพและเห็นผลเลย” นายพิภพ ระบุ
นอกจากนั้น นายพิภพ ยังกล่าวถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลด้านนโยบายต่างประเทศ กรณีเขาพระวิหารว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังเพลี่ยงพล้ำเรื่องเขาพระวิหาร ไม่มีความสามารถด้านการต่างประเทศที่จะต่อสู้กับเขมรเลย วันนี้เขมรรุกกลับ นอกจากจะทำจดหมายเวียนไปยูเอ็นแล้ว ยังรุกกลับว่าวัดแก้วสิขเรศวรเป็นของเขมร ทำจดหมายถึงนายกฯไทย แต่นายกฯไทยยังเงียบอยู่เลย แล้ววัดนี่สำคัญมันจะกินดินแดนเข้ามาอีก 700เมตร เขาจะขยายผลจากคำพิพากษาศาลโลก2505 แล้วรัฐบาลทำอะไรอยู่
นายพิภพ กล่าวว่า รัฐบาลเริ่มต้น ก็ตั้งรมว.ต่างประเทศผิดคน ตั้งนายนพดล ซึ่งเคยเป็นทนายแก้ต่างให้คุณทักษิณ แล้วคุณทักษิณก็มีผลประโยชน์ในเขมร รวมทั้งกำลังจะไปมีผลประโยชน์ในทะเลด้วย แล้วจะไม่ให้ประชาชนของเราสงสัยได้อย่างไรว่า อดีตรมว.ต่างประเทศกำลังดำเนินนโนบายต่างประเทศให้เป็นประโยชน์กับกัมพูชาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายเก่าของตัว พอทำเสร็จสรรพก็ลาออก เพราะเสร็จภารกิจแล้ว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลไทยเพลี่ยงพล้ำทางการต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะคนไทยไม่มีฝีมือในกระทรวงต่างประเทศ หรือไม่ใช่เพราะไม่มีนักวิชาการโบราณคดีนักประวัติศาสตร์ในประเทศแถบนี้หรือของไทย ไม่ใช่เราไม่มี เรามีมากกว่าที่รัฐบาลรู้จัก แต่เนื่องจากรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเอื้อหนุนนโยบายต่าปงระเทศให้เป็นประโยชน์กับกลุ่มทุน ไม่ใช่เฉพาะกับกลุ่มทุนของทักษิณหรือไทยรักไทยเดิมเท่านั้น รวมถึงกลุ่มทุนอื่นๆที่เป็นนักการเมืองด้วย อย่างที่เรารู้ว่านักการเมืองไปสร้างธุรกิจตามแนวตะเข็บชายแดนเขมรเต็มไปหมด แล้วให้กำไร 50% กับฮุนเซ็น
นายพิภพ กล่าวอีกว่า นโยบายต่างประเทศเรา จึงเหมือนโยบายที่ดูเหมือนจะเป็นเป็ดง่อยเปลี้ยเสียขา แต่จริงๆแล้วทำนโยบายต่างประเทศเพื่อกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลัง จึงเป็นนโยบายต่างประเทศที่เอื้อกับกลุ่มทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ไม่เอื้อกับผลประโยชน์ของชาติเลย นอกจากนั้นรัฐบาลยังบริหารจัดกาความรู้สึกรักชาติรักประเทศรักดินแดนของพันธมิตรฯ และกลุ่มอื่นๆไม่ได้ เพราะเมื่อประชาชนเหล่านั้นไปเขตแดนไทย-เขมร ถามหน่อย ถ้าส.ส.ของรัฐบาลไม่แก๊งค์อันธพาลมาก่อกวนจะมีตีกันหรือ ฉะนั้นจะต้องถามรัฐบาลว่าทำขึ้นมาทำไม ให้เสียภาพลักษณ์ต่างประเทศ ทำให้ฮุนเซ็นเหยียดหยามเราทำไมว่าเอาธงชาติมาตีกัน ทั้งๆที่เราไม่มีวัตถุประสางค์ที่จะไปตีเลย
นายพิภพ กล่าวต่อว่า นี่เขาเรียกบริหารไม่เป็น หรือไม่ใช่ไม่บริหารไม่เป็นอย่างเดียว มีอคติและต้องการทำลายความรักชาติของประชาชนคนไทยในเรื่องดินแดน และแทนที่จะนำเอาความรักชาติของประชาชนไปเป็นเครื่องมือต่อรอง แล้วชี้ให้สังคมโลกเห็นว่าคนไทยรู้สึกกับเรื่องเขาพระวิหารอย่างไร กลับจ้างประชาชนคนอื่นไปตี ทำให้ต่างประเทศรู้สึกว่าคงมีเรื่องไม่ถูกต้องขึ้นในเขตแดนนี้ อย่างนี้เสียหาย ผมก็รู้สึกว่า ถ้าเราไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้ดำเนินนโยบายต่างประเทศสู้กับเขมร เราแพ้แน่ๆ แต่ที่ชนะคือกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลัง” นายพิภพ กล่าว และว่า นี่คือเหตุผลประการที่สองที่เราต้องขับไล่รัฐบาล นอกเหนือจากเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน ถ้าขืนปล่อยให้อยู่ เสียดินแดนอีกแน่ เพราะเขมรจะเรื่องนี้เข้าสู่ศาลโลกอีกแน่
นายพิภพ กล่าวว่า เหตุผลสุดท้าย นายกฯคนนี้ได้เผยไต๋แล้วว่าร่วมกับนปก.อย่างชัดเจน โดยเปิดเอ็นบีที โด้ตอบกับพันธมิตรฯ กลัวว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญก็เลยให้นายวีระ มุสิกพงษ์ ซึ่งเป็นนปก. มาจัดรายการตอบโต้พันธมิตรฯ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเชื่อมกันสนิทเรียกว่าอะไร แก๊งก์ป่วนเมืองทั้งหมดก็คือรัฐบาลหนุนหลัง
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า วันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่เขาจะระดมคนมาเป็นล้านเนี่ย อยากดูว่าระดมมาเพื่อสนับสนุนรัฐบาลอย่างเดียวอย่างสงบสันติ หรือจะมาท้าตีท้าต่อยกับเรา เราก็พร้อมตั้งมั่นอย่างสันติวิธี ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ถ้ารัฐบาลทำอย่างนั้นก็ถือว่าไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ เพราะไม่รักษาความปลอดภัยให้คนในประเทศทุกคน นอกจากนั้นยังไม่สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมและมีสิทธิที่จะชุมนุมอย่างสงบและสันติด้วย ทำเถอะรัฐบาล ทำจนกระทั่งตัวผิดกฎหมาย ทำจนกระทั่งหาทางออกไม่ได้ จะได้เอาเข้าคุกเสียที