“พิภพ” จวก “หมัก” จิตเสื่อม แทนที่จะหนุน 3 คนไทยรักชาติ แสดงสิทธิบนเขาพระวิหาร กลับปากเปราะก่นด่า แล้วมาทำหูลู่ยอมจำนนต่อคำท้วงพ่อฮุนเซนแทน ไล่ส่งไปเป็นนายกฯเขมรเสียดีกว่า จี้ “จิ๋วอัลไซเมอร์” ตอบคำถาม ใครตัวการ สั่งเลื่อนรั้วลวดหนามชายแดนไทย-เขมร เป็นเหตุให้ต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ปล่อยทหารแตะหนีบสร้างหมู่บ้านไปโดยปริยายทั้งที่ไม่มีสิทธิ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 21.40 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า อยากสรุปหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่เราทำมาตลอดการชุมนุม 50 กว่าวันนี้ สิ่งที่เราพยายามทำคือทำความจริงให้ปรากฏว่าในแผ่นดินนี้ความจริงมีอยู่เช่นไร ความเท็จมีอยู่ที่ไหน เราแยกให้ปรากฏชัดเจน นั่นคือสิ่งที่เราได้ทำ เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งคือการพูดถึงสัจจะ เราทำความดี ใช้สันติวิธี มีขันติธรรม ใช้อหิงสา ก็เกิดความดีขึ้นในหมู่พันธมิตรฯ ซึ่งใครไม่สามารถมาลบล้างได้ในความดีอันนี้
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ความงามก็เกิดขึ้นจากความดี ความจริง ตลอดเวลาที่เราชุมนุมมา ก็ไม่เคยทำให้เสียเลือดเนื้อ หรือวัฏปฏิบัติของเรากระทบหรือมัวหมองไป กลายเป็นความงดงามในการชุมนุม ที่ไม่มีอะไรงดงามเท่านี้แล้ว นี่คือหลักการของศาสนา ความดีความงามความจริง คือสิ่งที่เรียกวาธรรมะ และธรรมะต้องชนะอธรรมในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นายพิภพ กล่าวว่า ฝ่ายอธรรมกำลังเคลื่อนตัวทำลายกระบวนการยุติธรรม และถากถางเหน็บแนม ตีรวน ทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม เพราะกระบวนการยุติธรรมกำลังทำงานอยู่ แต่เราก็ไม่ลดความเชื่อถือ นอกจากนั้น ฝ่ายอธรรมก็พยายามจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแทรกแซงองค์กรอิสระ และทำลายกระบวนการยุติธรรม เราก็ยอมไม่ได้ ที่เขาจำเป็นต้องแตกหัก เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำผิดตามที่ คตส.ทำสำนวนไว้นั้น อยู่ดีๆ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณและนายสมัคร ก็จะไปหักโดยแก้รัฐธรรมนูญวันที่ 1 ส.ค.นี้ เรายอมไม่ได้ อย่างที่ได้บอกแล้วว่าการแก้ไขเที่ยวนี้รุนแรงกว่าตอนแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาล
นอกจากนั้น นายพิภพยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เขาพระวิหารวานนี้ (17 ก.ค.) ว่า ประเด็นแรก ตนเคารพพี่น้องในท้องถิ่นที่บอกว่าปราสาทเขาพระวิหารสามารถแก้ปัญหาได้ในระดับท้องถิ่น เข้าใจดีว่าพี่น้องในท้องถิ่นนั้นมีความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติครอบครัว มีการค้าขาย ยืมเงินกัน แน่นอนเมื่อเกิดปัญหาตรงนั้น การค้าขายย่อมหยุดชะงักไป เข้าใจความรู้สึกและเครารพความรู้สึกอันนี้
“แต่อยากจะเรียนว่า การที่มีคนที่อ้างตัวว่าเป็นชาวบ้าน มาใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชน ไปที่นั่นเพื่อจะแสดงเจตจำนงค์ของความรักชาติ ผมได้ข้อมูลมาว่าเป็นการจัดตั้ง ของส.ส.ในพื้นที่ ความรุนแรงถึงได้เกิด ถ้าเป็นพี่น้องชาวศรีสะเกษ ความรุนแรงจะไม่เกิดเลย ฉะนั้น ต้องแยกแยะระหว่างพี่น้องชาวศรีสะเกษ ชาวอำเภอกันทรลักษ์ กับคนที่ถูกจัดจ้างมา” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สอง ปัญหาทั้งหมดที่เกิดบริเวณนั้นก็คือนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ทำความคลุมเครือ ทำว่าเหมือนจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน ยอมจำนนกับฝ่ายกัมพูชาใช่หรือเปล่า เพราะมีการทำมาหากินบริเวณนั้นตลอดชายแดน นักการเมืองเข้าไปตั้งบ่อนกาสิโนใช่หรือไม่ อดีตนายกฯ กำลังทำธุรกิจที่เกาะกงใช่หรือเปล่า ฉะนั้น ความสงสัยเคลือบแคลงอันนี้ทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล และคิดว่าเรากำลังเสียสิทธิที่จะโต้แย้งศาลโลกและเสียสิทธิอีก 4.6 ตร.กม.
นายพิภพ กล่าวอีกว่า อีกประการที่ตนแถลงข่าวเมื่อเช้านี้แต่นักข่าวไม่ลง อยากเรียนไปยังพี่น้องชาวศรีสะเกษว่า ปัญหาเขาพระวิหาร ปัญหาดินแดน 4.6 ตร.กม. ที่ไทยถือว่าเป็นแผ่นดินไทยนั้น ไม่ใช่เป็นปัญหาที่พี่น้องชาวศรีสะเกษจะดูแลได้เพียงลำพังในจังหวัดของตน เพราะเป็นปัญหาระดับชาติ เป็นปัญหาเรื่องการเสียอธิปไตย ดังนั้นจะต้องให้ความร่วมมือพี่น้องในจังหวัดต่างๆ ที่จะไปแสดงถึงสิทธิของประชาชนในการรักษาอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนเพื่อให้ตำรวจและทหารสามารถเป็นข้ออ้างรักษาอธิปไตยต่อไปได้ โดยสรุปคือปัญหากลายเป็นปัญหาระดับประเทศ ฉะนั้น ความร่วมมือระหว่าพีน้องศรีสะเกษกับพี่น้องทั้งประเทศ เพื่อแสดงความรักชาติ ตนว่าเป็นความงดงามอย่างหนึ่ง
นายพิภพ กล่าวว่า อีกประการที่สำคัญ การเกิดปะทะกันนั้น เป็นความผิดของผู้ว่าฯ ตำรวจ และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ด้วย รวมทั้ง ผบ.ตร ที่ไม่มีนโยบายลงไปว่าควรจะให้ตำรวจมีท่าทีอย่างไรในการดูแลพี่น้อง พันธมิตรฯ และประชาชนอื่นๆ ที่เข้าไปในพื้นที่ เพราะตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองต้องดูแลความปลอดภัย
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายสมัครพูดออกมาว่าคน 3 คนที่เข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.นั้นเป็นคนบ้า ถามหน่อยว่า เป็นคำพูดที่ควรจะออกมาจากปากนายกฯ หรือเปล่า เมื่อมีคนสามคนรวมทั้งภิกษุสงฆ์ด้วย เข้าไปเพื่อแสดงว่าแผ่นดินตรงนั้นเป็นของคนไทย เราควรมีสิทธิ์เข้าไปได้ แต่ทำไมนายกฯ กลับกระทำเหมือนกับว่าไม่รักชาติ กลับไม่เอาความรักชาติของประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองกับรัฐบาลเขมร เพราะฉะนั้นท่านจะเป็นนายกฯ ของไทยไปได้อย่างไร เมื่อปกป้องผลประโยชน์ให้กับเขมร ด่าคนไทยที่ไปแสดงความรักชาติ แต่ขณะเดียวกันฮุนเซนกลับมีจดหมายมาถึงนายสมัครทันทีเลยว่าหยุดกดดันที่ชายแดน ถามหน่อยว่าใครกดดันกันแน่ ดูตัวเลขได้เลยว่าเดิมทีไทยมีทหารที่ชายแดน 200 คน เขมรมี 380-400 คน ใครมากกว่ากัน แล้วตอนนี้เขมรมีเพิ่มกำลังเป็น 800 คน ไทยมี 400 คน กลับมาเสนอให้ไทยถอนทหาร นี่มันยังไงกัน ตามหลักต้องเพิ่มทหารเข้าไปอีก
“ฉะนั้น ผมอยากจะรู้ว่านายกฯ สมัครจะตอบเรื่องนี้อย่างไร จะตอบเอื้อต่อฮุนเซนโดยถอนทหารออกมา จะได้รู้กันไปว่านายกฯ สมัครไม่รักชาติ ใครกดดันกันแน่ นอกจากนั้นฮุนเซนยังขู่มาอีกโดยทหารในพื้นที่ว่า เขาอยู่ในที่ตั้งที่สูงกว่ามีความได้เปรียบ พูดง่ายๆ ก็คือท้ารบใช่ไหม รัฐบาลจะต้องระวังอย่าแสดงท่าทีอะไรที่แสดงความอ่อนแอ และไม่สนับสนุนประชาชนที่รักชาติ รักอธิปไตย รักดินแดน รักเอกราช เพราะฉะนั้นก็ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรเลยดีไหม” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า อีกอย่างที่ข่าวไม่เสนอคือ ปัญหาการไปตั้งลวดหนามในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ตั้งคำถาม ทำไมถึงไม่ขยับรั้วไปติดชายแดนเขมร ทำไมขยับรั้วเข้ามาแล้วทิ้งพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ไป เป็นเหตุให้คนกัมพูชาเข้ามา ทำให้เขมรสามารถใช้พื่นที่ดังกล่าวได้ซึ่งเป็นพื้นที่ทางขึ้นเขาพระวิหาร และเข้ามาสร้างบ้านสร้างวัด
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาของรัฐบาลไทยและ ผบ.ทบ.ในยุคนี้ ถามไปถึงผบ.ทบ.และรัฐบาลในอดีต โดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเคยเป็นทั้งเสนาธิการทหาร ผบ.ทบ. และนายกรัฐมนตรี
“ถามหน่อยว่ารั้วลวดหนามที่มาประชิดเขตแดนไทย โดยทิ้งพื้นที่ 4.6 ตร.กม.นี่ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลสมัยไหน พล.อ.ชวลิตซึ่งอยู่มาในรัฐบาลหลายสมัย ตอบให้ทราบที” นายพิภพ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาเกิดจากนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลในอดีต แต่วันนี้รัฐบาลต้องยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเรา ประชาชนต้องมีสิทธิเข้าไป เขมรมาวางกับระเบิดก็ส่งคนไปเคลียร์เลย แล้วขยับรั้วลวดหนามไปประชิดเลย
นายพิภพ กล่าวว่า นี่ล่ะการทำความคลุมเครือของรัฐบาล เป็นเหตุให้เกิดปัญหาที่ชายแดน จึงอยากเรียนพี่น้องศรีสะเกษ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลสร้างปัญหาที่ไม่รักษาอธิปไตยของประเทศ ไม่ยึดมั่นคำตัดสินของศาลโลกที่ให้เราแย้งได้ เขาให้เฉพาะบนปราสาทเท่านั้นไม่ได้รวมถึงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.
นายพิภพ กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องเปลี่ยนท่าทีใหม่ อย่าทำเป็นรัฐบาลที่ไม่รักชาติและไม่ส่งเสริมคนที่รักชาติที่จะเข้าไปแสดงตัวตนตรงนั้น เพราะเข้าไปมือเปล่า ต้องสนับสนุนให้ประชาชนเข้าไปแสดงความรักชาติอย่างสงบและสันติ และกันคนที่นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลจ้างมาออกไปจากพื้นที่นั้นเพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าในประเทศ ไปชุมนุมตรงนั้นได้เป็นแสนเป็นล้าน รัฐบาลที่ดีต้องใช้พลังประชาชนในส่วนนี้ในการต่อรองรัฐบาลเขมร ซึ่งจริงไม่จำเป็นต้องต่อรองด้วยซ้ำ เพราะ 4.6 ตร.กม.นั้น เป็นพื้นที่ของเรา
“เข้มแข็งหน่อยเถอะสมัคร ถ้าไม่เข้มแข็งไม่รักชาติ มีอาการผิดปกติทางจิตเช่นนี้ ควรจะออกไปได้เลย” นายพิภพ กล่าวทิ้งท้าย